ตอนที่ 5
หลังจากอิงฟ้าไปมูเตลูอย่างจริงจังที่ศาลเจ้าแม่ทับทิม วันเวลาก็ดูเหมือนจะเดินช้าลงเป็นพิเศษสำหรับเธอ ทุก ๆ เช้าเธอจะตื่นขึ้นมาพร้อมความหวังเล็กๆ ว่าจะมีข่าวดี และในที่สุดวันนี้โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้นในช่วงบ่าย
เบอร์ที่โชว์ขึ้นมาเป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นเคย แต่เมื่อกดรับ เสียงปลายสายที่แนะนำตัวว่าเป็น ฝ่ายบุคคล ของบริษัท JSK กรุ๊ป ก็ทำให้อิงฟ้าแทบกรี๊ดออกมาด้วยความดีใจ
“คุณอิงฟ้า อัครเมธี ใช่ไหมคะ” เสียงสุภาพจากฝ่ายบุคคลเอ่ยขึ้น
“ค่ะ! ใช่ค่ะ” อิงฟ้าตอบรับเสียงใส หัวใจเต้นรัวระทึก
“ทางเราขอเรียนเชิญคุณเข้ามาสัมภาษณ์งานในตำแหน่งเลขานุการของคุณดลภพค่ะ” อิงฟ้าแทบตะโกนออกมา แต่ก็รีบเก็บอาการดีใจสุดขีดเอาไว้
“ได้ค่ะ! ยินดีเลยค่ะ แล้วจะให้ดิฉันไปสัมภาษณ์วันไหนดีคะ”
“พรุ่งนี้เช้าเวลาสิบโมงตรงสะดวกไหมคะ” ฝ่ายบุคคลเสนอ
“สะดวกค่ะ สะดวก!” อิงฟ้าตอบรับอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบถามขึ้นมาอย่างเป็นกังวล
“ไม่ทราบว่าคุณดลภพจะสัมภาษณ์ด้วยตัวเองเลยหรือเปล่าคะ”
“ค่ะ คุณภพสั่งเอาไว้แบบนั้น ว่าท่านจะสัมภาษณ์คุณด้วยตัวท่านเอง”
วินาทีนั้นใบหน้าหล่อเหล่าของดลภพก็ลอยเข้ามาในความคิดของอิงฟ้าทันที เธอจะได้เจอหน้าเขาอีกครั้ง ในบทบาทที่ใกล้ชิดกว่าเดิม คิดได้แค่นั้นความตื่นเต้นก็พุ่งพล่านไปทั่วทั้งร่าง เธอจินตนาการภาพการได้พบกับดลภพอีกครั้งและนึกถึงเทคนิคดี ๆ จากเจนนิสาเพื่อนสนิท
อิงฟ้าอดใจไม่ไหวหลังจากวางสายไม่นานเธอก็รีบแจ้นออกจากบ้าน ตรงดิ่งไปยังห้องทำงานของเพื่อนสนิททันที
“เจน! ฝ่ายบุคคลเรียกฉันเข้าไปสัมภาษณ์งานแล้วนะ!” อิงฟ้าผลักประตูห้องทำงานเข้ามาพร้อมเสียงตะโกนด้วยความดีใจสุดขีด ใบหน้าหวานยิ้มกว้าง เจนนิสาที่กำลังง่วนอยู่กับเอกสารถึงกับสะดุ้งเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะหลุดยิ้มตามเพื่อน
“ใจเย็น ๆ ก่อนอิงฟ้า เค้าแค่เรียกแกไปสัมภาษณ์เฉย ๆ” เธอเตือนด้วยน้ำเสียงขบขันในความตื่นเต้นเกินเหตุของเพื่อน
“ฉันดีใจที่จะได้เจอกับคุณดลภพต่างหากล่ะ! เห็นฝ่ายบุคคลบอกว่าเค้าจะสัมภาษณ์ฉันด้วยตัวเอง คราวนี้แกมีอะไรดี ๆ จะแนะนำเพิ่มก็รีบบอก ๆ มาเลยนะ!” อิงฟ้าพูดรัวเร็ว ดวงตาเป็นประกายวาววับ บ่งบอกถึงความคาดหวังสูงสุดที่จะได้พบกับชายในฝันอีกครั้ง เจนนิสาพยักหน้าอย่างเข้าใจในความคลั่งรักของเพื่อน
“โอเค ๆ งั้นมานี่มา” เธอผายมือให้เพื่อนเข้ามานั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“เอาล่ะ...ในเมื่อเขาจะสัมภาษณ์เองอย่างนี้ ยิ่งดีเลย! นี่แหละโอกาสทองของแกแล้ว”
“จริงเหรอ!?” อิงฟ้าตาโต
“จริงสิยะ! เอาล่ะนะ เริ่มจากการแต่งตัวของแกก่อนเลยนะ เอาให้เค้าประทับใจแกตั้งแต่แรกเห็น” เจนนิสาเริ่มเข้าโหมดกุนซือรัก เธอใช้สายตาประเมินเพื่อนตั้งแต่หัวจรดเท้า
“พรุ่งนี้แกต้องดูเป็นมืออาชีพที่สุด แต่ก็ยังคงความน่ารักในแบบของแกไว้ ชุดของแกต้องดูเรียบร้อยและไม่โป๊นะ สีอ่อนๆ หรือครีมก็ได้ ให้ดูสุภาพเอาแบบไม่ทึบนะ มันดึงดูดสายตาของเขาได้ ส่วนหน้าผมเอาแบบนี้ก็ได้เป็นธรรมชาติดี แล้วก็ไม่ต้องแต่งหน้าจัด ส่วนริมฝีปากไม่ต้องแดงเวอร์นะ ให้ดูน่ารักใสๆ เข้าใจไหม” อิงฟ้าพยักหน้าหงึกๆ พลางจินตนาการภาพตัวเองในชุดที่เจนนิสาแนะนำ
“เอ่อ...ว่าแต่ที่ฉันเคยเจอเค้าครั้งหนึ่งที่งานเลี้ยงน่ะ แกว่าเค้าจะจำฉันได้มั้ย” อิงฟ้าถามด้วยความกังวลเล็กน้อย เพราะตอนนั้นเขาก็ดูไม่สนใจเธอเลยสักนิด เจนนิสากระตุกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย
“ฉันก็ไม่แน่ใจหรอกว่าเค้าจะจำแกได้หรือเปล่า...แต่ครั้งนี้เป็นการสร้างความประทับใจครั้งใหม่ และนี่แหละคือโอกาสที่แกจะทำให้เค้าจำแกได้ขึ้นใจ!” อิงฟ้ารอฟังอย่างใจจดใจจ่อ
“แล้วการสัมภาษณ์ล่ะ”
“ง่ายๆ เลย! ตอนแนะนำตัว แกต้องใช้สายตาที่มั่นใจ กล้าสบตากับเขาตรงๆ แต่แววตานั้นต้องสื่อถึงความมุ่งมั่นและความสนใจในงานของเขาอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่มาอ่อยหรือหลงใหลไปกับเสน่ห์ของเค้า แกต้องมีสติไม่ใช่พอเจอความหล่อของเขาแล้วก็ทำอะไรไม่ถูก แล้วก็อย่ามัวเอาแต่ปลื้มเค้ารู้มั้ย” เจนนิสาเน้นย้ำ
“รู้แล้วน่า”
“แล้ว...ตอนเค้าถามอะไร ก็ตอบให้มันฉะฉาน มั่นใจในตัวเอง แต่ห้ามยิ่งหรืออวดรู้เกินไป แสดงให้เขาเห็นว่าแกตั้งใจที่จะเรียนรู้งานของเขาจริงๆ แม้จะไม่มีประสบการณ์มาก่อน”
“แล้วถ้าเค้าถามเรื่องประสบการณ์ล่ะ” อิงฟ้าถามด้วยน้ำเสียงกังวล
“ก็บอกไปตามตรงสิ...ว่าแกเพิ่งเรียนจบ แต่ให้เน้นย้ำว่าแกมีความมุ่งมั่นที่จะเรียนรู้ และมีทักษะอื่นๆ ที่สามารถนำมาปรับใช้ได้ ฉันว่าที่เค้าเรียกแกสัมภาษณ์ครั้งนี้เค้าก็สนใจแกระดับหนึ่งแล้ว จบตั้งเมืองนอกจะกลัวอะไรจ๊ะ...แหม่!!!”
“โอเคตรงนั้นฉันพอเข้าใจล่ะ แล้ววิธีการที่จะทำให้ได้งานนี้เลยล่ะ”
“แกก็ต้องแสดงให้เค้าเห็นว่าแกมีศักยภาพพอที่จะเป็นเลขาฯ ได้เป็นอย่างดี บอกความรู้ความสามารถของแกออกไป แต่ไม่ใช่อวดรู้นะ ตอบในสิ่งที่เขาถามก็พอ” เจนนิสาให้คำแนะนำอย่างละเอียด
“ที่สำคัญนะอิงฟ้า แกต้องใช้ภาษากาย”
“ภาษากาย?...คือยังไง”
“ก็นั่งตัวตรง เชิดหน้าเข้าไว้ อย่านั่งไขว่ห้าง แสดงถึงความกระตือรือร้นและเคารพ เวลาตอบคำถาม ให้สบตากับเค้าเป็นช่วงๆ แล้วพยายามหลบสายตาของเขาบ้างเวลาที่เขาถามเรื่องส่วนตัว แสดงความเขินอายเล็กน้อย ให้ดูน่ารักน่าเอ็นดู ” เจนนิสาอธิบายอย่างมีจังหวะจะโคน
“แล้วอีกเรื่อง ก็รอยยิ้มนะ แกลองไปฝึกยิ้มที่หน้ากระจกดู”
“แล้วฉันต้องยิ้มยังไงอะ” อิงฟ้าถามอย่างกระตือรือร้น
“แกต้องยิ้มแบบแสดงความเจ้าเล่ห์เล็กๆ ยิ้มที่ทำให้เขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้มีอะไรที่ซ่อนอยู่ แต่ก็ยังคงความน่ารักและไร้เดียงสา ทำยังไงก็ได้ให้เค้ารู้สึกอยากค้นหา” เจนนิสาพูดพลางสาธิตท่าทาง
“โห...ซับซ้อนไปอีก!” อิงฟ้าเริ่มหนักใจ แต่ก็ตั้งใจเรียนรู้ทุกคำแนะนำของเพื่อนสนิท
“นี่แหละคือเทคนิคเบื้องต้น! ของการสัมภาษณ์งาน และมันคือฉากเปิดตัวที่สำคัญที่สุดของแก! ทำให้เค้ามั่นใจให้ได้ว่าแกคือคนที่เขาต้องการ ทั้งในเรื่องงาน...และก็เรื่องหัวใจ! แต่อย่างหลังเนี่ยแกยังไม่ต้องทำอะไรมากหรอก เอาเรื่องงานให้ได้ก่อน เดี๋ยวได้ไปทำงานใกล้ชิดค่อยมาว่ากันเรื่องของหัวใจ โอเคมั้ย” เจนนิสากล่าวปิดท้ายด้วยรอยยิ้มอย่างมั่นใจในตัวเพื่อน