เมื่อแปดปีก่อน
โคล์ อิเมอร์สันนักธุรกิจหมื่นล้านที่ขยายการลงทุนมายังประเทศไทย ประเทศที่มีเสน่ห์ทางวัฒนธรรมทั้งการแต่งกาย ภาษา และอาหาร สรุปแล้วเขาเหมือนชาวต่างชาติอีกหลายคนที่หลงรักความเป็นไทย
ในวันหยุด โคล์ไม่อยากมีบอดีการ์ดติดตามเป็นพรวน เขาเพิ่งเสียมารดาไปเมื่อเดือนก่อน แม้ภายนอกโคล์จะดูเย็นชาไม่แยแสต่อสิ่งใดนักนอกจากตัวเลขกำไรและความเป็นไปของดัชนีหุ้นในตลาดโลก แต่ภายในใจลึกๆ บางครั้งเขากลับรู้สึกอ้างว้าง เขากับมารดาค่อนข้างที่จะสนิทกันมาก เป็นเหตุให้วันนี้มหาเศรษฐีหมื่นล้านเลือกปั่นจักรยานคนเดียวเที่ยวรอบกรุงเก่า พร้อมรำลึกถึงมารดา ท่านชอบคนไทย และพูดเสมอว่าคนไทยเป็นมิตร แม้ว่าจะมีข่าวที่ไม่ดีออกมาบ้าง แต่ท่านก็มองว่าทุกที่บนโลกนี้ล้วนปะปนไปด้วยคนดีและคนไม่ดี
‘ไม่มีที่ใดบนโลกนี้จะขาวบริสุทธิ์ไปทั้งหมด’
‘ไม่มีที่ใดบนโลกนี้ถูกฉาบไว้แต่เพียงสีดำ’
เมื่อมีโอกาสมาเมืองไทย ท่านมักจะหาเวลามาเดินเที่ยวชมโบราณสถานในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา คุณนายอิเมอร์สันชอบพูดเสมอว่าคนไทยเป็นชนชาติที่เก่ง ศิลปะไทยมีความอ่อนช้อย งดงาม ผสานกับความประณีตได้อย่างพิถีพิถัน และผู้หญิงไทยก็สวยมาก ท่านยังพูดหยอกเสมอว่า ถ้าเขาได้ภรรยาเป็นหญิงไทย เขาคงมีความสุข และอารมณ์ดีขึ้น ผู้หญิงไทยค่อนข้างเอาใจเก่ง ไม่เหมือนผู้หญิงอเมริกัน เพราะท่านรู้ดีว่าเขาชอบผู้หญิงอ่อนหวาน ทำตัวสบายๆ อยู่ด้วยแล้วสบายใจ มากกว่าส่าวสังคม
บรรยากาศในวันนี้ค่อนข้างเงียบไม่ได้คราคร่ำไปด้วยผู้คน ทำให้โคล์ชื่นชอบเป็นพิเศษ หลังจากจอดจักรยานและซื้อตั๋วจ่ายค่าเข้าสำหรับชาวต่างชาติเป็นจำนวนห้าสิบบาท เขาก็เดินสวนกับนักท่องเที่ยวสาวชาวไทย พวกเธอยิ้มให้กับเขาแล้วกระซิบเบาๆ ว่า
“สงสัยเป็นดาราฮอลลีวูด”
โคล์ยกมือขึ้นลูบท้ายทอย มุมปากของเขากดเป็นรอยยิ้มจางๆ เพราะฟังเข้าใจ แล้วตอบกลับไปด้วยท่าทางสุภาพ
“ขอบคุณครับ”
เพียงเท่านั้นใบหน้าของกลุ่มนักท่องเที่ยวสาวชาวไทยทั้งกลุ่มก็ระบายไปด้วยรอยยิ้ม พวกเธอไม่กล้ากรี๊ดออกมา เพราะให้เกียรติสถานที่ ได้แต่เอียงอายขวยเขินแล้วซุบซิบกันเบาๆ
“คนอะไรทั้งหล่อทั้งเฟรนด์ลี่”
โคล์ไม่ได้สนใจสาวๆ กลุ่มนั้นอีก เขาหันกลับไปมองความยิ่งใหญ่เบื้องหน้า โบราณสถานที่เขาแวะเข้ามาชมพร้อมโบรชัวร์ภาษาอังกฤษแห่งนี้คือ
‘วัดไชยวัฒนาราม’ วัดแห่งนี้เป็นวัดเก่าแก่ในสมัยอยุธยาตอนปลาย ถูกสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าปราสาททอง ความยิ่งใหญ่อลังการตรงหน้าตรึงสายตาของเขาไว้
นอกจากปรางค์ประธาน หรือพระปรางค์ศรีรัตนมหาธาตุที่ตั้งตระหง่านงดงามอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสซึ่งฐานมีปรางค์ทิศประจำอยู่ทั้งสี่มุม สิ่งที่ทำให้ดวงตาคมกริบตะลึงค้างหนักกว่าเก่า คงเป็นภาพของหญิงสาวชาวไทยนุ่งห่มชุดไทยจักรพรรดิสีกลีบบัว ใช้ผ้ายกทั้งตัว ห่มแพรจีบสีกลีบบัวแล้วห่มทับด้วยผ้าไหมปักดิ้นทองและพลอย ผ้าซิ่นจีบ หน้านางมีชายพกคาดด้วยเข็มขัดหัวปั้นเหน่งทำด้วยทองคำลงยา ประดับพลอยห้าสี สายเข็มขัดขึ้นลวดลายดอกกุดั่นแปดกลีบ ประดับด้วยสร้อยสังวาล รัดเกล้า และต่างหูเข้าชุดกัน ในมือของหญิงสาวถือดอกบัวไว้ถึงสามดอก
เธอคนนั้นคือ ‘อนันตา’ เธอมาถ่ายแบบชุดไทยให้กับห้องเสื้อดังในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และตอนนี้ถ่ายทำเสร็จแล้วกำลังจะออกมาด้านนอกเพื่อเปลี่ยนชุดกลับบ้าน ร่างสวยเดินเรื่อยออกมาทางด้านหน้ากำแพงเมรุทิศ จนถึงหน้าระเบียงคด สายตาของอนันตาเหม่อมมองไปที่เจดีย์ใหญ่น้อยคนจะรู้ว่านั่นคือเจดีย์ที่ใช้บรรจุพระอัฐฐิของเจ้าฟ้านักกวีองค์หนึ่งซึ่งคนไทยมักจะรู้จักกันว่า ‘เจ้าฟ้ากรมขุนเสนาพิทักษ์ หรือ เจ้าฟ้ากุ้ง’ ทรงพระนิพนธ์ กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน และวรรณกรรมไว้มากมาย แต่เส้นทางความรักของพระองค์นั้นแสนเศร้า
โดยไม่รู้ตัวว่าภาพที่เธอยืนคิดอะไรและมองไปทางแม่น้ำทำให้ใครคนหนึ่งมองอย่างตกตะลึง จนกระทั่งอนันตารู้สึกว่ากำลังถูกจ้องมอง เมื่อชักพาดวงตาคู่หวานระยับกลับไปมองก็เห็นเขามองเธออยู่ เขาเป็นฝรั่งที่ดูมีออร่าเปล่งปลั่ง หญิงสาวขยับกาย แต่เดินผิดจังหวะก้าวพลาดจนลื่น
แต่ชีวิตจริงไม่ใช่นิยาย โคล์วิ่งเข้ามารับร่างงดงามปานนางวรรณคดีไทยไม่ทัน เพราะยืนห่างกันอยู่หลายช่วงตัว อนันตาล้มลงกระแทกพื้นรับความเจ็บไปเต็มๆ แต่ที่มากกว่าความเจ็บคงเป็นความอายที่ดันมาล้มต่อหน้าต่อตาผู้ชายหล่อๆ
โคล์รีบวิ่งมาดูอาการ มือหนาของเขาเข้ามาช่วยประคองร่างของอนันตาที่เจ็บจุกให้ค่อยๆ ลุกขึ้นจากพื้น “เป็นยังไงบ้างครับคุณ”
อนันตาพูดและฟังภาษาอังกฤษได้ดีระดับหนึ่ง เธอเพิ่งเรียนจบหมาดๆ ในคณะศิลปศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ
เวลานั้นในสายตาโคล์ที่มองอนันตา เขาเหมือนได้เจอเข้ากับนางฟ้าแต่ต่อมาเขาจึงรู้ว่าเธอมันคือนังแม่มด
กลับมาที่ปัจจุบันโคล์สลัดเรื่องราวในอดีตช่วงเวลาที่พบอนันตาครั้งแรกออกจากหัว โคล์เอ่ยกับพยาบาลเสียงเข้มหลังจากอนันตาฟื้นขึ้นมา
“ผมจะดูแลคนป่วยคนนี้เอง จะรับเธอเป็นคนไข้ในความดูแลของผม พวกคุณมีงานอะไรก็ไปทำเถอะ”
อนันตารู้ดีว่าคงหลบไม่พ้น เธอหันไปบอกชาคริตที่ยืนเฝ้าอยู่ข้างเตียง ดวงตาของเขาปรากฏแววตาสงสัยเข้าให้แล้ว
“พี่คริตคะ ตาฝากพี่ดูแลเด็กๆ ให้ที ตามีเรื่องจะคุยกับเขา” อนันตาเห็นชาคริตเดินไปแล้วจึงหันกลับมาทางคนตัวโตที่ยืนมองเธอนิ่งๆ เห็นทีคราวนี้เธอไม่อาจปิดบังซ่อนเร้นได้อีก
“เราไปหาที่เงียบๆ คุยกันเถอะค่ะ” อนันตาบอกแล้วดันตัวลุกขึ้นจากเตียงเดินนำไป แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็รู้สึกเวียนศีรษะขึ้นมาอีก
โคล์มองภาพนั้นแล้วสุดแสนจะรำคาญสายตา แต่เขาจะไม่หลงในมารยาเธออีกแล้ว เขาไม่มีทางสนใจเธออีก โทรมลงขนาดนี้ มีอะไรให้ต้องสนใจกันเล่า นอกจากความสงสัยในเรื่องเจ้าเด็กหน้าตาละม้ายคล้ายเขาสองคนนั้น
“มา ฉันช่วยพยุง”
“ไม่ต้องค่ะ” เธอรีบห้ามทำให้คนตัวโตที่ถูกขัดใจจ้องเขม็ง
“อนันตา” โคล์สบกรามแน่น ก่อนจะก้าวไปประชิดตัว “อย่าอวดดี ถ้าไม่มีดีจะอวดใส่ฉัน และอย่าคิดว่าฉันจะสนใจอะไรในตัวเธออีก ฉันมีเรื่องอยากคุยกับเธอเท่านั้น”
เขาต้องการจะคุยกับเธออย่างรวดเร็ว หากปล่อยให้เดินไปแบบนี้ อนันตาคงล้มลงไปก่อน เขาเองก็เสียเวลามากแล้ว และเวลาของเขาไม่ควรมาเสียให้กับผู้หญิงแบบอนันตา