เด็กหญิงได้รับโอกาสให้พูด จึงรีบสาธยาย “ก็แม่ตาโกรธแด๊ดเพราะแม่ตาเข้าใจผิด แด๊ดบอกเราแล้วแม่ตาโมโหเพราะคิดว่าแด๊ดข้าวติดคอตาย แล้วทิ้งให้ลูกเมียลำบาก แต่แด๊ดเขายังไม่ตายแล้วกลับมาหาเราแล้ว แด๊ดบอกพวกเราหมดแล้วค่ะ”
อนันตายังไม่เข้าใจที่อิ่มอุ่นพูด ได้แต่มองหน้าตัวต้นเหตุ เขาคงไปพูดอะไรใส่หัวลูก
โคล์ที่มื่อเห็นดวงตาใสแจ๋วและคำพูดใสซื่อของลูกสาวก็ยิ้มออกมา “ถูกต้อง อิ่มอุ่นเก่งมากเข้าใจอะไรง่ายๆ ไม่เหมือนแม่เลย แม่ดื้อ อิ่มอุ่นบอกให้แม่อย่าดื้อกับแด๊ดสิครับ เด็กดื้อน่ารัก ผู้ใหญ่ดื้อน่าตี...” ดวงตาคมกริบจ้องใบหน้าที่มีเค้าโครงว่าเคยสวยมาก ถึงจะดูโทรมลงแต่ถ้าได้รับการบำรุงเธอคงจะดูดีขึ้น โคล์สลัดความคิดนี้ เขาไม่สนใจเธอ จุดประสงค์เขาคือลูกต่างหาก
“นะคะ แม่ตา อย่าดื้อกับแด๊ดเลย แด๊ดบอกว่าแด๊ดหายไปหลายปีเพราะไปหาเงิน แด๊ดไม่ยอมข้าวติดคอตายง่ายๆ หรอกเพราะห่วงลูกๆ อยากให้ลูกมีพ่อ ไม่ต้องเป็นเด็กกำพร้า แม่ตาไม่ดีใจหรือคะที่แด๊ดกลับมา”
“เอ่อ...” อนันตาจุกไปหมด
โคล์แทรกขึ้นพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “แม่ตาดีใจอยู่แล้วลูก จริงไหมอนันตา นี่ถ้าไม่ติดว่าลูกยืนดู แม่ตาเขาคงวิ่งมากอดแล้วหอมแด๊ดฟอดใหญ่แล้ว”
‘ไม่จริง’
อนันตาตะโกนในใจกับคนตีมึน แต่ต่อหน้าลูกเธอไม่กล้าส่งเสียงตะคอกออกมา “เอ่อ จะวิ่งไปกอดไปหอมทำไม แม่ตาดีใจจนพูดอะไรไม่ออกต่างหาก”
“เรายังไม่คุยเรื่องระหว่างเราตอนนี้ก็ได้ ฉันเห็นแก่ยัยอิ่ม”ยังไงซะการทะเลาะกันต่อหน้าลูกมันไม่ใช่ผลดีกับลูก
โคล์ไหวไหล่แล้วเลิกคิ้วสูง “ดีมาก พักรบ เผื่อจะพบรัก”
อนันตามองค้อนควับ “บ้า”
เขาเองก็ไม่อยากต่อความยาวกับแม่ของลูกให้ลูกๆ สงสัย จึงหันไปหาเด็กๆ “อิ่มอุ่น ไอรัก มาหาแด๊ด พวกเราลงไปรอแม่เขาข้างล่าง ให้แม่เขาอาบน้ำก่อนจะได้กินข้าวพร้อมกัน”
“เย่ๆ พวกเราไม่ต้องไปจากบ้านนี้แล้วใช่ไหมครับ พวกเราชอบบ้านนี้” ไอรักพูด
“ใช่สิครับ แด๊ดไม่ให้เราสองคนไปลำบากอีกแน่นอน ไม่ให้ไปไหน ต่อให้ใครจะพาไปแด๊ดก็ไม่ให้ไป” ประโยคท้ายๆ ราวกับตั้งใจให้ใครบางคนได้ยิน “อยู่ที่นี่พวกลูกอยากได้อะไร อยากกินอะไร แค่บอกแด๊ด ทุกคนจะได้ตามนั้น”
“สอนลูกผิดๆ” อนันตากระแทกเสียงใส่ตามหลังเขาไป
ไอรักยิ้มกว้าง“มีแด๊ดมันดีอย่างนี้เอง” จินตนาการของอิ่มอุ่นมีมากกว่าพิชซา ไก่ KFC เฟรนช์ฟรายด์โปะชีส และอื่นๆ กำลังลอยเข้ามา
โคล์มองสองพี่น้องอย่างเอ็นดู พลางรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา ที่ผ่านมาลูกๆ ของเขาคงไม่ค่อยได้กินของดีๆ คงไม่ค่อยมีเสื้อผ้าสวยๆ ใส่อย่างที่ควรจะเป็น ทั้งหมดก็เพราะใคร
‘เขาหรืออนันตากันแน่ ที่ทำให้เด็กๆ ต้องลำบากเป็นแบบนี้’
อนันตาขมวดคิ้วมองตามหลังลูกๆ แล้วคิดหนัก เธอจะเห็นแก่ตัวพาลูกไปอยู่อย่างลำบากหรือควรให้ลูกมีชีวิตที่ดีกว่านี้ แต่เธอก็ไม่อยากอยู่กับเขาที่นี่ ยังไงเสียอิ่มอุ่นกับไอรักก็คงเข้าใจแม่ หรือจะไม่เข้าใจ อนันตาส่ายหน้าเมื่อเห็นเด็กๆ ติดพ่อแจ
‘ดูยัยอิ่มสิ กระดี๊กระด๊าอยากมีพ่อเป็นเศรษฐีขึ้นมาเชียว’
‘จะทำไงต่อไปดีนะ’
อนันตาหลุบเปลือกตาลงรู้สึกเครียด กังวล ทำไมสวรรค์ต้องส่งคนใจร้ายคนนี้กลับเข้ามาในชีวิตของเธออีกครั้ง
ภาพเหตุการณ์ในอดีตคืนที่เธอออกมาจากชีวิตเขา อนันตายักจำได้ทุกคำพูด ทุกความเจ็บปวดนั้นได้ดี
แปดปีก่อนหน้านี้
คืนหนึ่งที่สหรัฐอเมริกาโคล์ยิ้มเย็น ดวงตาที่เคยมองมาอย่างอ่อนโยนเปลี่ยนเป็นดุดัน เขาก้าวอาดๆ ไปที่บาร์เครื่องดื่ม หยิบเหล้าจอห์นนี วอล์กเกอร์ บลูเลเบิลออกมาขวดหนึ่ง
“คุณจะดื่มเหล้า งั้นฉันขอตัวกลับก่อน” อนันตาไม่อยากพูดกับคนเมาอีก ตอนไม่เมาก็พูดไม่รู้เรื่อง ถ้าเมาคงได้ทะเลาะกันแน่ แต่ว่าเธอยังไม่ทันหมุนตัว โคล์ก็จับเอวบางไว้แน่นแล้วดึงเข้าไปหาตัวเอง
“จะไปไหน”
“ฉันจะกลับบ้าน”
“ได้เงินแล้วคิดจะชิ่งหนีเหรอที่รัก ฉันไม่ให้เธอจากไปง่ายๆ หรอกถ้าเรายังคุยกันไม่รู้เรื่อง”
“ฉันไม่อยากคุยกับคุณ อยากดื่มก็ดื่มให้ตายไปเลย ฉันผิดหวังในตัวคุณมาก รู้แบบนี้ฉันไม่ตามคุณมาที่อเมริกาก็ดี”
“อ้อ นี่คิดจะทิ้งผัวกลับเมืองไทย เอาเงินไปใช้สุขสบายที่บ้านเกิดใช่ไหม หรือว่าเธอมีที่หมายใหม่เป็นใครในสตาร์วันบอกฉันมา”
คนมองโลกในแง่ร้ายเพราะอยู่ในวงการที่เชือดเฉือนกันมาตลอดตวาดถาม เขาไม่เคยไว้ใจใครจนมาเจอกับอนันตา แต่แล้วก็พลาด เขาไว้ใจเธอจนถูกหลอก
“บ้าหรือเปล่า ฉันไม่รู้จักสตาร์วันที่คุณพูดถึงเลย” เธอตวาดกลับ ดิ้นรนให้หลุดพ้นมือแกร่ง
“ปากแข็ง” โคล์บอกเสียงเย็น “ฉันจะทำให้เธอคายความลับออกมา จะได้พูดคล่องๆ ขึ้น” แววตาเขาดุกร้าวขึ้นหลายส่วนเพราะผิดหวังมากมายไม่อยากจะเชื่อว่าสาวไทยหน้าหวานที่เขารักอย่างหมดใจจะหลอกกัน
“จะทำอะไรฉัน” อนันตาถาม แววตาตื่นตระหนก แล้วต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บเมื่อปลายคางเธอถูกบีบ
ปากอิ่มเผยอเพื่อจะขอร้องให้เขาปล่อย แต่กลายเป็นว่าเหล้าจอนห์นี วอล์กเกอร์บลูเรเบิลที่เขาโปรดปรานไหลพรวดๆ เข้าปากเธะอไม่หยุด
แค่ก แค่ก
กลับมาสู่ปัจจุบันอนันตากำมือแน่น แล้วมองไปข้างหน้าด้วยแววตาอ้างว้าง “คนใจร้าย ไล่ฉันเอง แล้วจะกลับมายุ่งกับฉันอีกทำไม”