บทที่ 4 เจรจาเงื่อนไข ให้สินสอด
"ว่ามาเลย ยัยซื่อบื้อ การแต่งงานมีข้อเรียกร้องเป็นเรื่องปกติ" กรกันธ์แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
ฮันนี่อึ้งไปครู่หนึ่งเพราะไม่นึกว่าคนที่ใครๆ ในเมืองหลวงก็เกรงกลัวจะพูดง่ายขนาดนี้?!
เธอสูดหายใจลึกๆ แล้วอธิบาย
"ฉันอยากได้คอนโดเล็กๆ สักห้อง ขนาดไม่ต้องใหญ่มาก แค่คอนโดเล็กๆ ก็พอค่ะ ในโฉนดต้องมีชื่อฉันเป็นเจ้าของ หลังแต่งงานฉันไม่อยากอยู่บ้านใหญ่ อยากอยู่คอนโดเล็กๆ ถ้าหย่ากัน...คอนโดต้องเป็นของฉัน"
เธออยากให้ชีวิตในอนาคตของตัวเองไร้กังวล
กรกันธ์รู้สึกเจ็บแปลบที่ใจเมื่อได้ยินคำว่าหย่าเขาถามว่า"แล้วเงื่อนไขที่สองล่ะ?"
“ตอนแต่งงาน ฉันอยากจะย้ายทะเบียนบ้านออกมาด้วยค่ะ” เธอไม่อยากมีปัญหากับครอบครัวอีกต่อไป จึงต้องการบ้านเพื่อย้ายทะเบียนบ้านออกมา
แต่เธอเลือกที่จะไม่บอกสาเหตุกับเขา
ครู่ต่อมาฮันนี่ได้ยินเสียงอ่อนโยนของกรกันธ์
“ฮันนี่ ไม่ต้องห่วง ถึงฉันจะพิการ แต่เงินซื้อบ้านให้เธอก็ยังมีอยู่” พูดจบเขาก็มองไปที่เครย์ลี่
“โอนบ้านโครงการเมอร์ริแอร์แถวสุขุมวิทให้เป็นชื่อของภรรยาฉันทันที”
“ค่ะ” เครย์ลี่ตอบรับ แล้วก็โทรศัพท์จัดการทันที
ฮันนี่ได้ยินแล้วก็ตกใจจนตาโต บ้านแถวสุขุมวิท โครงการเมอร์ริแอร์ คือโครงการที่อยู่ใกล้โรงเรียนของเธอหรือเปล่า?
นั่นคือบ้านในทำเลทอง หายากมาก แม้แต่บ้านขนาดเล็กก็ต้องมีราคาหลายสิบล้าน แค่ให้เธอแบบนี้?
ในขณะที่เธอยังงงงวย รถก็มาถึงที่ว่าการเขต ฮันนี่ลงจากรถก็มีเด็กอ้วนคนหนึ่งวิ่งหอบแฮ่กๆ เข้ามา ยื่นซองเอกสารให้เครย์ลี่
“ผู้ช่วยเครย์ลี่ จัดการด้วยความเร็วสูงสุดแล้วครับ”
เครย์ลี่ตรวจดูครู่หนึ่ง แล้วก็ยื่นให้ฮันนี่ด้วยความเคารพ
“คุณนายคะ นี่คือทรัพย์สินที่คุณชายมอบให้คุณ เก็บไว้ให้ดีนะคะ นอกจากนี้ยังได้เอาทะเบียนบ้านออกมาจากบ้านของคุณนายแล้ว เดี๋ยวเรื่องย้ายออกจากทะเบียนบ้านเดิมจะจัดการพร้อมกัน”
ฮันนี่ตกใจจนพูดไม่ออก รับโฉนดบ้านมาอย่างมึนงง
หลายวันที่ผ่านมาหัวใจของเธอมีแต่ความกังวลเหมือนเคว้งคว้างกลางอากาศตามลำพัง แต่ขณะนี้กลับรู้สึกมั่นคงขึ้นอย่างฉับพลัน
เธอไม่เคยคิดเลยว่าความปลอดภัยที่หายากนี้ จะมาจากอาของมาร์ติน
ฮันนี่รู้สึกทั้งเปรี้ยวและขมในใจ เม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า
“ขอบคุณนะคะ ต่อไปฉันจะดีกับคุณ”
“อื้ม” กรกันธ์ยิ้มอย่างพอใจ
ฮันนี่เข็นกรกันธ์เข้าไปในที่ว่าการอำเภอ ภายใต้การนำทางของเครย์ลี่ ทั้งสองก็จัดการเรื่องทะเบียนสมรสเสร็จอย่างรวดเร็ว
ฮันนี่รู้สึกมึนงงตลอดทางจนไม่ได้สังเกตว่าชายหนุ่มที่มีใบหน้าเย็นชานั้นยิ้มอย่างมีความสุขตอนถ่ายรูปแต่งงาน
เมื่อได้รับสมุดทะเบียนสมรสเล่มเล็ก เธอยังไม่ได้ดูให้ดีก็ถูกกรกันธ์แย่งไป
“ต้องให้เครย์ลี่เอาไปจัดการเรื่องย้ายทะเบียนบ้านให้เสร็จสิ้น ตอนนี้ฉันจะพาเธอกลับไปบ้านตระกูลพิรามภักดีเพื่อเก็บของที่จำเป็น” กรกันธ์อธิบายอย่างจริงจัง แต่ในใจคิดว่า ล้อเล่นหรือไง ให้เธอเก็บไว้เพื่อสะดวกในการหย่าภายหลังงั้นหรือ?!
ไม่มีทางหย่าหรอก!
ฮันนี่พยักหน้าตอบรับ “ดีค่ะ”
รถวิ่งมาถึงบ้านตระกูลพิรามภักดีอย่างรวดเร็ว ฮันนี่บอกกรกันธ์ว่าเธอจะกลับมาเร็วๆ นี้ โดยไม่ได้ให้เขาเข้าไปด้วย เมื่อเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น ฮันนี่ก็เห็นพ่อกับแม่ของเธอนั่งรออยู่บนโซฟา
“พ่อแม่ ฉันมาเก็บของนิดหน่อย” พูดจบ ฮันนี่ก็หันหลังจะขึ้นไปชั้นบน
“หยุดนะ!” พ่อของเธอผุดลุกขึ้นยืนอพรวดพราดและสั่งให้เธอหยุดทันที
ฮันนี่เพิ่งจะหยุดเท้ายังไม่ทันได้ตอบสนอง ผู้เป็นแม่ก็พุ่งเข้ามาตบหน้าเธอโดยไม่ถามเหตุผลใด ๆ เสียงดังสนั่นไปทั่วห้องนั่งเล่น ตามมาด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
“ฮันนี่ ทำไมถึงทำตัวแบบนี้! กล้าขึ้นเตียงกับอาสามของมาร์ติน เธอไม่รู้จักอายหรือไง! ทำแบบนี้แล้วชะเอมจะไปแต่งงานเข้าตระกูลสุขสวัสดิ์รังษีได้ยังไง”
ฮันนี่หัวเราะเยาะ น้องสาวของเธอ ชะเอมไม่สามารถแต่งงานเข้าตระกูลสุขสวัสดิ์รังษีได้ นั่นแหละคือสิ่งที่พวกเขาใส่ใจ
พ่อแม่วางแผนทำลายความบริสุทธิ์ของเธอตั้งแต่แรกเพื่อให้ชะเอมไปแต่งงานกับมาร์ตินแทนที่เธอ แม้จะรู้แผนชั่วของครอบครัวมานานแล้ว แต่ในตอนนี้ฮันนี่ก็ยังรู้สึกเหมือนถูกมีดกรีดหัวใจ
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกถูกเอาเปรียบไม่อาจกลั้นเสียงโต้แย้งที่ดังขึ้นมาได้
“ฉันไม่ได้ไปนอนกับอาสามของมาร์ติน ฉันเองก็เป็นเหยื่อเหมือนกัน”
“เหยื่อ? เหยื่ออะไร!” เสียงของผู้เป็นแม่สูงขึ้นอีก
“แมลงวันไม่ตอมไข่ที่ไม่มีรอยร้าว! เธอกับมาร์ตินยังไม่ได้เป็นสามีภรรยากัน เธอก็ไปอยู่บ้านเขาแล้ว เธอไม่รู้จักเคารพตัวเอง แล้วจะให้คนอื่นเคารพเธอได้ยังไง!”
“แล้วทำไมฉันถึงต้องไปอยู่บ้านเขา แม่ไม่รู้หรือไง?” ฮันนี่มองแม่ด้วยดวงตาแดงก่ำ เสียงแข็งขึ้นอีก เธออยากจะดูว่าแม่จะมีความรู้สึกผิดให้เห็นบ้างไหม แต่ก็ไม่มีเลย
เธอเองก็รู้สึกเบื่อหน่ายเต็มที!
เบื่อหน่ายกับการโดนพ่อแม่ดูแคลนไม่หยุดหย่อน! ลูกสาวที่เคยเป็นคนอ่อนแอและง่ายต่อการควบคุม จู่ๆ ก็โต้กลับทำให้แม่ของเธอก็ยิ่งโกรธ
“มองแบบนี้หมายความว่าไง? เธอยังจะมีเหตุผลอีกเหรอ? เรื่องที่เธอเอาขวดตีหัวหัวหน้าธัน เราต้องคอยตามล้างตามเช็ดให้เธอนะ!”
พูดจบนภาก็ยกมือขึ้นอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้ฮันนี่จับข้อมือแม่ที่กำลังจะตบลงมาเอาไว้
“แม่ คุณชายสามอยู่ข้างนอกนะ! แม่แน่ใจเหรอว่าจะทำให้หน้าฉันบวมจนออกไปเจอคนไม่ได้?”
ชื่อเสียงของคุณชายสาม นภาก็เคยได้ยินมาบ้าง เธอจึงลดมือลงอย่างไม่เต็มใจ ฮันนี่ไม่หันกลับไป มุ่งหน้าขึ้นชั้นสองเพื่อเก็บของ
ข้าวของเธอมีไม่มากและไม่มีของมีค่าอะไร
ของมือสองที่น้องสาวไม่ต้องการ เธอไม่เอาไปสักชิ้น มีแค่เอกสารการสอนและใบรับรองสำคัญๆ เท่านั้นที่เอาไป
พอลงมาข้างล่าง เสียงเย้ยหยันของผู้เป็นพ่อก็ดังขึ้นมา
“คนอื่นก็แต่งลูกสาว ฉันก็แต่งลูกสาว แต่ทำไมลูกสาวของฉันถึงได้เหมือนของไร้ค่าแบบนี้? ฉันถามหน่อย สินสอดล่ะ?”
พอพูดจบ กรกันธ์ก็ถูกเครย์ลี่เข็นเข้ามาพอดี สายตาเขาจับจ้องไปที่แก้มของฮันนี่ที่แดงและมีเลือดซึมอยู่ ดวงตาภายใต้แว่นตานั้นเย็นเยียบ
ฮันนี่ชะงักไปเล็กน้อย
เครย์ลี่สังเกตเห็นสายตาของเจ้านายตัวเองไม่ปกติ รีบเดินไปดักหน้ากรกันธ์ไว้ แล้วช่วยอธิบาย
“คุณชายสามกังวลว่าคุณนายจะของเยอะ เลยอยากเข้ามาช่วย”
ฮันนี่ตาแดงก่ำ แก้มก็ร้อนผ่าว รู้สึกอับอาย ไม่กล้าสบตากรกันธ์ จึงไม่ทันสังเกตเห็นสายตาที่น่ากลัวของเขา เธอถือถุงใบเล็ก เดินไปข้างกรกันธ์อย่างรวดเร็ว มือทั้งสองจับที่รถเข็นของเขาแล้วพูดว่า
“ฉันเก็บของเสร็จแล้ว ไปกันเถอะ” พูดจบก็เตรียมจะเข็นกรกันธ์ออกไป
“ไม่ต้องรีบ” กรกันธ์ยกมือห้าม ปลายนิ้วเรียวยาวดันแว่นตาบนสันจมูก เตือนให้ตัวเองรักษาบุคลิกสุภาพเรียบร้อยอยู่เสมอ มุมปากยิ้มเล็กน้อยมองไปที่พ่อและแม่ของฮันนี่
แต่รอยยิ้มนั้นกลับทำให้พ่อกับแม่ของฮันนี่รู้สึกขนลุกขนพอง
กรกันธ์สงบความโกรธที่อยากฆ่าคนลงแล้ว ตบหลังมือของฮันนี่เบาๆ พูดว่า
“พ่อของเธอพูดถูก การแต่งงานต้องมีสินสอด นั่นเป็นเรื่องสมเหตุสมผล นี่เป็นความคิดที่ไม่รอบคอบของฉันเอง”
“คุณชายสาม” ฮันนี่พูดออกมาอย่างร้อนใจ ไม่อยากให้กรกันธ์ต้องเสียเปรียบกับครอบครัวที่มีความโลภนี้ กรกันธ์ยังคงตบหลังมือของเธอเบาๆ ปลอบโยนด้วยเสียงนุ่มนวลว่า
“ฉันมีวิจารณญาณดีพอ” พูดแล้ว กรกันธ์หันไปหาพ่อของฮันนี่
“คุณพ่อคิดว่าสินสอดควรเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม?”
จริงๆ แล้วเมทิน พ่อของฮันนี่ก็แค่ปากเสีย ไม่ได้คิดจะขอสินสอดจากคุณชายสามที่ใครๆ ในเมืองหลวงต่างก็กลัว
ถึงแม้ว่าคนนี้จะพิการแล้วและไม่มีสิทธิ์ในตระกูลสุขสวัสดิ์รังษี แต่ยังมีอำนาจหลงเหลืออยู่บ้าง นี่ไม่ใช่สิ่งที่เมทินจะกล้าทำ
เขายิ้มแหยะๆ แล้วพูดว่า
“คุณชายสามคิดว่าเท่าไหร่ก็ให้ตามนั้น ดูตามตลาดว่าเท่าไหร่เหมาะสมก็ให้เท่านั้น”
กรกันธ์ทำท่าคิดแล้วพยักหน้าเห็นด้วย
“ตอนเช้าผมได้สัญญากับฮันนี่ว่าจะให้บ้านโครงการเมอร์ริแอร์ที่สุขุมวิทกับเธอแล้ว ผมจะคิดดูอีกทีว่าจะเพิ่มอะไรในสินสอด”
ตอนนี้ชะเอมที่กำลังง่วงเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นพอดี ได้ยินคำพูดนี้ก็เบิกตากว้างด้วยความดีใจ
“บ้านโครงการเมอร์ริแอร์ที่สุขุม? นั่นเป็นบ้านหรูในกรุงเทพฯ เลยนะ!” เธอจับแขนแม่ของเธอด้วยความตื่นเต้น แล้วอ้อนว่า
“แม่คะ หนูอยากอยู่ที่นั่น!”