ทาสสาวตัวน้อย (1.2)

1456 Words
6 ทาสสาวตัวน้อย คล้อยหลังจากรสริน ปรวีร์ก็เข้าไปคุยกับมารดาเพียงไม่กี่นาที และกำชับหัวหน้าแม่บ้านให้ดูแลมารดาอย่างดี จากนั้นจึงขอตัวกลับโดยอ้างกับจารีย์ว่ามีธุระอื่นต้องจัดการ ธุระของปรวีร์ตอนนี้ก็มีแค่ฝนแก้ว พอประหวัดถึงหญิงสาวที่ตะโกนว่าหิวข้าวและขอให้เขากลับไวไว ปรวีร์ก็แทบเปลี่ยนฝีเท้าเป็นวิ่ง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็คงต้องรอนานสักหน่อยเพราะเขามีลิสต์รายการที่ต้องซื้อก่อนกลับห้อง “รบกวนเช็กให้หน่อยสิครับว่าชิ้นนี้ราคาเท่าไหร่” ปรวีร์ยื่นกล่องเครื่องประดับให้พนักงานที่ประจำอยู่หน้าเคาน์เตอร์ หญิงสาวเปิดดูและเดินออกไปเช็กกับสินค้าจริงในร้านก่อนกลับมาส่งยิ้มให้ปรวีร์ “กำไลข้อมือชิ้นนี้ราคาอยู่ที่หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นบาทค่ะ” ไอ้ดารานั่นมันสายเปย์ไม่เบา ขนาดเลิกกันแล้วยังให้ของขวัญมูลค่าหลักแสน “แล้วมีชิ้นไหนที่แพงกว่านี้ไหมครับ แนะนำมาเลย” พนักงานสาวยิ้มแป้นพร้อมยินดีบริการ ปรวีร์ใช้เวลาเลือกของไม่นานนักโดยเน้นแค่ราคาที่ถูกใจ บวกด้วยเงื่อนไขว่าต้องแพงกว่าของกันต์ดนัยอีกหลายเท่าตัว เมื่อเสร็จสิ้นจากช็อปเครื่องประดับ ช่วงขายาวก็จ้ำไปต่อที่แผนกเสื้อผ้าสตรี ส่วนเรื่องอาหารปรวีร์โทร.สั่งให้เลขาฯ เป็นคนจัดการพร้อมส่งไปที่เพนต์เฮาส์ ซึ่งคำนวณแล้วว่าน่าจะไปถึงไล่เลี่ยกับเขา ......... รวมเป็นเวลาสองชั่วโมงที่ปรวีร์ทิ้งนักโทษสาวไว้ตามลำพัง ภายหลังวางข้าวของไว้ด้านนอกปรวีร์ก็เปิดประตูห้องนอนอย่างไวว่อง ลมหายใจผ่อนออกมาอย่างโล่งอกเมื่อพบเหยื่อตัวน้อยหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง เขายังไม่ปลุกเธอทันทีแต่ปลีกออกไปจัดอาหาร พอเรียบร้อยแล้วจึงกลับไปที่ห้องนอน ยอบนั่งขอบเตียง แกะเนคไทที่รอบข้อเท้าข้อมือออก ลูบสัมผัสรอยแดงที่ตัดกับความกระจ่างของผิวเนื้อ เขาไม่ตั้งใจให้เธอเจ็บตัวแบบนี้ “อื้อ พี่วีร์กลับมาแล้วเหรอคะ” ร่างบางงัวเงียตื่น รู้สึกตัวเพราะนิ้วเย็นที่เขี่ยปอยผม “นอนจนอิ่มแล้วมั้ง” “สมองอิ่มแต่ท้องไม่อิ่ม หิวมากนะรู้ไหม หิวจนร้องไห้เลย” “สองขวบอยู่เหรอถึงร้องไห้เพราะหิวน่ะ” ฝนแก้วย่นจมูกใส่ รอยน้ำตาที่เกิดขึ้นล้วนมาจากความใจร้ายของเขาทั้งสิ้น ก็บวกความอ่อนแอของเธอด้วยที่ให้หัวใจกับคนที่เขาไม่ต้องการ แต่ถามว่าอยากได้หัวใจคืนไหม ฝนแก้วขอส่ายหน้าปฏิเสธ แม้รักรสขมแต่ขออมต่ออีกสักหน่อย “ไปกินข้าวกัน” ปรวีร์ลุกยืนในขณะที่คนบนเตียงเหยียดแขนสองข้างไปตรงหน้า กวัดแกว่งไปมาเหมือนเด็กน้อย “อุ้มหน่อย ไม่มีแรงเดิน โดนมัดมือมัดเท้าจนเลือดไม่ทำงานแล้ว แขนขาชาไปหมด” “เวอร์!” แม้ตะโกนใส่พร้อมส่ายหน้าระอาใจ แต่ก็เอี้ยวตัวกลับมาช้อนร่างบางอย่างตามใจ ฝนแก้วยิ้มไม่หุบพร้อมส่งจูบที่แก้มสากไปหนึ่งที ทำเอาปรวีร์อดหรี่ตามองอย่างมีเล่ห์ไม่ได้ “หรือที่บอกว่าหิวไม่ได้หิวข้าว แต่หิวพี่” “อี๋! หยุดพูดไปเลย ไม่ต้องมาทำตาลามกใส่ ฝนหิวข้าว” ก็แค่อยากออดอยากอ้อนเฉยๆ เผื่อคุณชายเย็นชาที่ก่ออิฐคุ้มกันหัวใจตัวเองไว้จะเปิดประตูให้เธอเข้าไปบ้าง ฝนแก้วได้แต่คิดแล้วก็สงสัย มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่มนุษย์คนหนึ่งเกิดมาโดยที่ไม่รักใครเลย เด็กสาวที่อยู่ในวัยสดใส โลกที่ผ่านมาสวยงามไม่มีความโหดร้ายยังมองไม่เห็นเหตุผลที่ปรวีร์ปิดใจ หรือเพราะเขาเคยรักใครมาก่อนและโดนหักอก เลยเข็ดขยาดกับความรัก? “โอ้โห! อาหารเยอะจัง มีซูชิด้วย” “และก็มีเค้กด้วย” ปรวีร์บุ้ยปากไปยังกล่องสี่เหลี่ยมสีขาวผูกด้วยโบว์สีฟ้าสด เขาปล่อยคนในอ้อมกอดเป็นอิสระก่อนเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่ง ฝนแก้วใช้มือหยิบซูชิแซลมอนเข้าปากอย่างว่องไว เคี้ยวตุ้ยๆ แล้วยิ้มแหยใส่ปรวีร์ราวกับเด็กน้อยขโมยกินก่อนได้รับอนุญาต คนมาดเยอะชอบสงวนรอยยิ้มก็พลอยยิ้มอย่างเอ็นดู ฝนแก้วเอื้อมดึงกล่องเค้กมาเปิดด้วยประกายตาตื่นเต้น แต่พอสิ่งที่อยู่ในกล่องเฉลยต่อหน้ารอยยิ้มก็พลันหุบหาย “ว้า นึกว่าจะมีคำว่า Happy birthday ซะอีก” “โรยบลูเบอร์รี่เต็มหน้าเค้กซะขนาดนั้นยังจะให้ใส่คำอวยพรอีกเหรอ กว่าคุณวาทีจะเจอร้านที่ทำบลูเบอร์รี่เลมอนครีมทาร์ตไม่ใช่เรื่องง่ายนะ โชคดีแค่ไหนที่เขาหาเจอ และก็โชคดีแค่ไหนที่วันนี้มีร้านเบเกอรี่ในกรุงเทพฯ ทำเค้กนี้ขาย จริงๆ ก็ไม่ได้หายากหรอก แต่ให้คุณวาทีหาร้านที่มีรีวิวห้าดาวด้วย กลัวไม่ถูกปาก” ฝนแก้วฟังคำบ่นงึมงัมนั้นอย่างพินิจพิเคราะห์ตาม คนบ่นก็บ่นไปไม่สนใจว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังยิ้มจนเกือบเป็นร้องไห้ “เจาะจงว่าต้องหาซื้อเค้กนี้ให้ได้เลยเหรอคะ” “อืม” ส่งเสียงตอบในลำคอก่อนส่งอาหารเข้าปาก ตัวเขาเองก็หิวจนตาลาย อาหารยังไม่ตกถึงท้องพอๆ กับเธอ “พี่วีร์จำได้ด้วยเหรอคะว่าฝนชอบทานบลูเบอร์รี่เลมอนครีมทาร์ต” ปรวีร์ชะงักอุปกรณ์ทานอาหารในมือ เหลือบมองคนที่ยิ้มอย่างตื้นตัน “ไม่ได้อยากจำ ก็ตอนเด็กๆ เธอเอาแต่เรียกร้องจะกินเค้กนี้ เคยร้องงอแงให้พี่หาซื้อให้ครั้งหนึ่งตอนไปเที่ยวเขาใหญ่จำได้ไหมล่ะ” ตอนนั้นปรวีร์อายุสิบสี่ปี ส่วนฝนแก้วหกขวบ เขาจำใจรับบทพี่เลี้ยงเด็กเพราะจารีย์และรสรินปลีกตัวไปถ่ายรูปกันตามลำพังพร้อมฝากฝังให้เขาดูแลฝนแก้วชั่วคราว ปรวีร์จำวันนั้นได้ขึ้นใจเพราะเขาทำเธอหาย กว่าจะตามหาเจอก็เล่นเอาเหงื่อโชกเต็มแผ่นหลัง เด็กหญิงขู่ฝ่อจะฟ้องผู้ใหญ่ ปรวีร์จึงจ่ายค่าปิดปากด้วยการบอกว่าจะทำตามที่เธอต้องการ ฝนแก้วเลยเรียกร้องให้ตามหาเค้กบลูเบอร์รี่เลมอนครีมทาร์ตให้ได้ ซึ่งก็ไม่สำเร็จเขาเลยเกลี้ยกล่อมปลอบใจด้วยการพาไปกินไอศกรีมแทน “จำไม่ค่อยได้แฮะ แต่แค่พี่วีร์ยังจำได้ฝนก็ดีใจมากแล้ว ขอบคุณนะคะ หายโกรธแล้วก็ได้ที่พี่มัดฝนไว้” “โกรธด้วยเหรอ” “แล้วมีตรงไหนไม่ควรโกรธบ้าง เอาปากกามาวงซิ” จับมาขังพรากความสาว เธอก็รับปากแล้วว่าจะไม่หนี แต่ยังมัดมือมัดเท้าเสียแน่นจนระคายผิวไปหมด ฝนแก้วทำแก้มป่องตวัดตามองค้อน “เปลี่ยนใจล่ะ เค้กนั่นทำให้หายโกรธได้ครึ่งหนึ่งพอ” ปรวีร์ส่ายหน้าขำไม่คิดง้อ แต่หมั่นตักอาหารใส่จานหญิงสาว ฝนแก้วไม่เอ่ยขอบคุณแต่สีหน้าสดใสขึ้น อย่างน้อยก็ดีกว่าเมื่อคืนที่ถูกจับตัวมา นึกมาถึงตรงนี้ปรวีร์ก็ยังคิดไม่ตก เขาไตร่ตรองรอบคอบ วิเคราะห์ทุกอย่างจนตกตะกอนดีแล้วจริงหรือถึงทำกับฝนแก้วแบบนี้ เมื่อวานเขาวางฝนแก้วเป็นหมากเอาคืนรสรินจริง แต่ยังไม่มีแผนการที่แน่นอน กระทั่งบังเอิญเจอหญิงสาวที่บาร์พร้อมด้วยกันต์ดนัย ดาราหนุ่มที่ปรวีร์เพิ่งทราบว่าเคยดูใจกับฝนแก้ว เขาไม่รู้ว่าตัวเองพลาดอะไรไปฝนแก้วที่ไม่เคยมีแฟนถึงตกลงคบกับผู้ชายคนนั้น พอทราบเรื่องก็ทั้งจุกทั้งโกรธ เธอก็รู้ดีว่าผู้ใหญ่หมายหมั้นเขาและเธอไว้ แต่กล้าดียังไงถึงแอบไปมีแฟน ปรวีร์คิดว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้ความสัมพันธ์ของเขาและเธอเลยเถิด ก็เพราะความโมโหทั้งจากตัวฝนแก้ว และรสรินผู้เป็นแม่ อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประสิทธิภาพการตัดสินใจลดลงคือแอลกอฮอล์ ก่อนหน้าการปรากฏตัวของฝนแก้วที่บาร์ ปรวีร์นั่งดื่มตามลำพังอยู่นานนับชั่วโมง เขาไม่ใช่คนคออ่อน แต่เป็นความจริงที่ต้องยอมรับว่าเครื่องดื่มมึนเมาทำให้สติลดน้อยลง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD