Only love can hurt like this (2.3)

1064 Words
ฝนแก้วอยู่กับโลกที่พังทลายเป็นวันที่สาม มองดูความสูญเสียจนตาบวมช้ำ วันแรกที่เห็นภาพบุพการีจมกองเลือดเธอร้องไห้จนเป็นลมถึงสองหน คนที่อยู่เคียงข้างเด็กสาวผู้น่าสงสารก็มีเพียงแม่บ้านที่ทำงานให้บ้านหลังนี้มานานหลายปี แรกทีเดียวฝนแก้วโทษตัวเองที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด หากเธอพูดกับแม่ด้วยความระมัดระวังไม่ให้กระทบถึงหูบิดา โศกนาฏกรรมภายในบ้านที่เคยอบอุ่นก็คงไม่เกิดขึ้น แต่แล้วเธอก็เพิ่งมากระจ่างแจ้งจากรายงานข่าวที่พาดพิงถึงสาเหตุการฆ่าตัวตายของอวัช นั่นเพราะกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ออกหมายเรียกเขาในคดีฉ้อโกงหลอกลวงประชาชนมาลงทุน ฝนแก้วล้วนรับรู้สิ่งที่บิดาปกปิดไว้จากการรายงานข่าวทั้งสิ้น พร้อมกับรู้ว่าทรัพย์สินปัจจุบันของตนไม่เหลือหลอ เงินในบัญชีที่บิดาเป็นคนฝากออมในชื่อเธอก็มีไม่ถึงห้าหมื่นบาท บ้าน รถซึ่งเป็นชื่อของบิดาก็ถูกจำนอง และทางการกำลังจะยึดทรัพย์ทั้งหมดให้ตกเป็นของหลวง นั่นหมายความว่าฝนแก้วในวัยยี่สิบเอ็ดปีกำลังสูญสิ้นทุกอย่าง สองวันที่ผ่านมากับโลกที่ล่มสลายทำฝนแก้วจมอยู่ในรอยน้ำตาจนข้าวปลาไม่ยอมกิน เธอให้ปากคำกับตำรวจอย่างเต็มที่และปล่อยให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบภายในจุดเกิดเหตุตามสะดวก พร้อมยืนยันความประสงค์ที่จะนำศพไปประกอบพิธีทางศาสนาโดยเร็วที่สุด ส่วนเรื่องคดีแพ่งฝนแก้วปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมาย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งนักหนาและใหญ่หลวงพ่วงมาพร้อมสถานะเด็กกำพร้าที่ปักบนหัวฝนแก้ว เด็กสาววัยยี่สิบเอ็ดปีพยายามดึงสติให้อยู่กับตัวมากที่สุด ฟูมฟายได้แต่อย่าลืมว่าเธอคือคนที่ต้องจัดการร่างไร้วิญญาณของบุพการี ฝนแก้วเดียวดาย แต่ไม่คิดร้องขอความช่วยเหลือจากใคร และด้วยความที่โทรศัพท์มือถือตลอดจนกระเป๋าสตางค์ทิ้งไว้ที่เพนต์เฮาส์ของปรวีร์เธอจึงไม่ได้รับการติดต่อจากใครเลย วันก่อนนั้นฝนแก้วบังเอิญเห็นปพนพร้อมด้วยปรวีร์บริเวณห้องดับจิตของโรงพยาบาล เธอคิดว่าพวกเขาคงกำลังมองหาเธอ ฝนแก้วจึงรีบหลบไม่ประสงค์พบหน้าพวกเขาในตอนนี้ ไม่ต้องการทั้งความเห็นใจหรืออะไรก็ตาม ส่วนที่บ้านก็มีหลายคนมาตามหาฝนแก้วกันให้วุ่นวาย เธอจึงอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ ยิ่งเลี่ยงเจอหน้าคนรู้จักได้มากเท่าไรก็ยิ่งดี วันนี้ฝนแก้วนำร่างไร้วิญญาณของบิดามารดามาประกอบพิธีทางศาสนา ณ ศาสนพิธีที่อยู่ใกล้โรงพยาบาล ฝนแก้วไม่ส่งข่าวถึงใคร กระทำการอย่างเงียบเชียบ โดยมีกองหนุนคอยช่วยเหลือเป็นแม่บ้าน คนสวนและคนขับรถ ลูกสาวผู้ตายตั้งใจจะสวดอภิธรรมเพียงหนึ่งคืนแล้วเผาทันที เธอมีเงินไม่มากนักและไม่ต้องการให้ผู้สื่อข่าวมาทำข่าว อยากให้วิญญาณของพ่อกับแม่จากไปอย่างสงบสุขที่สุด “กินข้าวหน่อยนะคะคุณหนู” แม่บ้านวัยสี่ีสิบสี่ปีเลื่อนจานข้าวผัดควันกรุ่นมาตรงหน้า หญิงสาวเปลือยหน้าสดเปรอะน้ำตายิ้มรับพร้อมประนมมือไหว้ “ขอบคุณป้าออนนะคะที่เป็นธุระหาวัด” หญิงสาวเบือนไปทางชายวัยห้าสิบปีสองราย ซึ่งเป็นคนสวนและคนขับรถของบ้าน “ขอบคุณลุงสาและลุงเพิ่มที่ช่วยเหลือเรื่องพวกนี้ แถมยังรับหน้ากับตำรวจและนักข่าวแทนหนู หนูคงไม่มีปัญญาตอบแทน คุณลุงคุณป้ารู้สถานการณ์ของหนูจากข่าวแล้วใช่ไหมคะ หนู ฮึกๆ ...” “ไม่ต้องพูดแล้วค่ะคุณหนู อย่าร้องไห้เลยนะ” เสียงสั่นเครือของคุณหนูทำคนฟังใจจะขาดตาม สงสารชะตากรรมของเด็กสาวที่ไม่มีอะไรเหลือในชีวิตอีกแล้ว “พวกเราเต็มใจทำให้นะคะ ตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณพ่อคุณแม่ของคุณหนูดูแลพวกเราอย่างดี ซึ่งนี่ก็เป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่เราจะทำอะไรให้พวกเขาได้” “ใช่ครับ คุณหนูต้องเข้มแข็งนะ ชีวิตคนเราก็แบบนี้แหละ มีพบย่อมมีพราก” “คุณหนูไม่ต้องห่วงพวกเรานะครับ เดี๋ยวก็หางานใหม่ได้ เรื่องเงินเดือนของพวกเราคุณหนูไม่ต้องกังวล เรื่องนี้เราคุยกันแล้วและไม่คิดจะทวงจากคุณหนู ทรัพย์สินที่คุณหนูพอมีก็เก็บไว้สำหรับตัวเองเถอะนะครับ” ลุงเพิ่มเอ่ยอย่างจริงใจซึ่งนั่นยิ่งเป็นการเรียกน้ำตาของเด็กสาวที่เวลานี้แสนอ่อนไหว ป้าออนจึงลูบปลอบแผ่นหลังบางที่สะท้านขึ้นลงตามแรงสะอื้น “น้องฝน!” สี่ชีวิตบนศาลาหันไปตามเสียงเรียก บุรุษในชุดสูทสีดำสวมแว่นกันแดดปกปิดใบหน้ายืนตระหง่านท่ามกลางลำแสงธรรมชาติที่ตกกระทบ ฝนแก้วตรงไปหาเขาอย่างเชื่องช้า ซึ่งไม่ทันใจคนรอที่จ้ำพรวดมาหาพร้อมสวมกอดร่างบางแนบแน่น “พี่กันต์ ฝน...ฮือๆ” “พี่อยู่ตรงนี้แล้วนะ” กันต์ดนัยพร่ำปลอบด้วยคำพูดเดิมซ้ำๆ ลูบแผ่นหลังที่สั่นไหวในอ้อมกอด เขารับรู้เรื่องพ่อแม่ของเธอผ่านสื่อทีวี แรกทีเดียวกันต์ดนัยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นพ่อแม่ของฝนแก้ว หากไม่เอะใจตรงนามสกุลวงศ์วรกิตติ์และชื่อรสรินที่เขารู้จักอยู่ก่อนแล้ว กันต์ดนัยกลับมาจากเมืองจีนและติดต่อหญิงสาวไม่ได้สักช่องทาง ตามไปที่บ้านก็ไม่เจอแม้แต่เงา สืบเสาะเบาะแสทั้งที่โรงพยาบาลจนถึงสถานีตำรวจด้วยตัวเอง กระทั่งในที่สุดก็รู้ว่าหญิงสาวนำร่างไร้วิญญาณมาประกอบพิธีที่นี่ กันต์ดนัยปล่อยเธอร้องไห้โฮในอ้อมกอดโดยไม่เอ่ยถามอะไร กระทั่งเกิดการขัดจังหวะจากบุคคลที่สาม “อะแฮ่ม!” เสียงกระแอมไอดังขึ้น ฝนแก้วผละจากอ้อมอกของกันต์ดนัยก่อนหันไปทางที่มาของเสียง เป็นปรวีร์ที่เข้ามาขัดจังหวะ ฝนแก้วเห็นแววไม่พอใจทางสีหน้า ดวงตาคู่คมมีความเคือง สุดท้ายครอบครัวปรมัตถ์วรกุลก็รู้จนได้ว่าฝนแก้วจัดพิธีส่งวิญญาณที่นี่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD