วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายก็จริง แต่พี่ชายเธอก็จะบ่นที่ปล่อยให้รถหม้อน้ำแห้งไม่ดูแล เรื่องก็จะถึงพ่อกับแม่ แบบนี้เธอก็จะต้องโดนแม่บ่นอีก เผลอ ๆ อาจจะไม่ได้ขับรถอีกด้วยซ้ำ
“ฉันไม่อยากให้พี่เตอร์รู้ แต่ถ้าพี่ไม่อยากช่วยก็ไม่เป็นไร เอาเบอร์ติดต่อร้านมาก็ได้ ฉันจะจัดการเอง”
“เธอรู้เรื่องเกี่ยวกับรถเหรอ ขนาดรถหม้อน้ำแห้งยังไม่รู้เลย อย่าทำเก่งเลยดีกว่า”
“นี่พี่!!! ฉันพูดด้วยดี ๆ นะ”
“จะขอความช่วยเหลือคนอื่น เธอก็ต้องพูดดี ๆ นะถูกแล้ว หรือว่าคุณหนูแบบเธอไม่เคยพูดดีกับใคร”
คาเทียร์พยายามสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อระงับอารมณ์ของตัวเองที่เริ่มไม่ปกติ เพราะเขาเอาแต่แกล้งเธอไม่หยุด แถมหน้าตาก็ยียวนเสียเหลือเกิน ถ้าไม่ใช่เรื่องรถเธอคงไม่มายืนคุยกับเขาอยู่แบบนี้แน่ ๆ แต่ดูเหมือนเขาจะทำว่าตัวเองอยู่เหนือกว่าเธอ ที่ทำให้คนแบบเขามีความสำคัญขึ้นมา
“เอาโทรศัพท์พี่มา ฉันจะเมมเบอร์ให้”
มือหนาของตะวัน ล้วงเอาโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงออกมายื่นให้เธอ มองเธอกดเบอร์ใส่เครื่องเขาอย่างใจเย็น ก่อนจะลอบยิ้มออกมาเมื่อเห็นใบหน้าสวยตั้งใจกับสิ่งตรงหน้ามาก กับอีแค่เธอเมมเบอร์โทรศัพท์ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าเธอน่ามองนักก็ไม่รู้
“นี่ค่ะ ถ้ารถเสร็จแล้ว พี่ก็โทรมาแล้วกันนะคะ”
“ถ้าไม่ใช่เรื่องรถ…ฉันโทรได้หรือเปล่า”
คนตัวเล็กชะงักไปทันทีกับคำถามของเขา เธอมองเขาเพื่อหาเหตุผลที่เขาถามแบบนั้นออกมา แต่ทว่าก็ไม่พบอะไร นอกจากใบหน้าหล่อเหลาที่ยิ้มกับการกระทำของเธอ
“พี่คงไม่คิดจะจีบฉันหรอกใช่ไหม?”
เขาถอนหายใจออกมาที่เธอพูดออกมาตรง ๆ แบบนี้ ตอนแรกเขาแค่คิดจะแหย่คุณหนูแบบเธอเล่น แต่ไม่รู้ทำไมเมื่อได้อยู่ใกล้ ๆ เธอเขาถึงรู้สึกสนุกและตลกกับท่าทางของเธอ
“เพื่อนเธอก็เป็นแฟนกับเพื่อนฉัน แล้วเราสองคนจะเป็นไม่ได้หรือไง”
“เสียเวลาค่ะ พี่ไม่ใช่สเปกฉัน”คาเทียร์พูดออกมาตรง ๆ เธอไม่ชอบอ้อมค้อม ยิ่งเรื่องผู้ชายหากมองแล้วไม่ใช่เธอก็ไม่เคยให้ความหวังใครทั้งนั้น
“รีบปฏิเสธจัง ไม่ลองให้ฉันจีบเธอก่อนเหรอ”
“นี่พี่คิดจะจีบฉันจริง ๆ เหรอ”คนตัวเล็กหรี่ตาจับผิดเขา ตอนแรกเธอคิดว่าเขาแกล้งเธอเสียอีก เพราะเห็นว่าเป็นน้องสาวของเพื่อนเขา แต่เหมือนเธอจะเข้าข้างตัวเองมากเกินไปเมื่อเขาเอานิ้วมาดีดหน้าผากเธอ
“หลงตัวเอง”
พูดจบตะวันก็สวมหมวกกันน๊อคแล้วขับรถออกไปทันที คาเทียร์ที่ยืนมองจนเขาขับรถไปไกล ก็เดินเข้าคอนโด ก่อนที่เธอจะเจอกับมิลลิเดินออกมาจากลิฟท์พร้อมกับแฟนหนุ่มของเพื่อน
“ไม่นอนคอนโดอีกแล้วสิ”
เธอเอ่ยดักทางเพื่อนอย่างรู้ทัน“อีฝนก็อีกคน ไม่กลับมานอนคอนโดเลย”
“กูบอกให้มึงหาแฟนได้แล้วไง จะได้ไม่เหงา”
ตอนแรกเธอก็ไม่คิดอะไรหรอก แต่พอนานไปก็เริ่มคิดเหมือนกันว่าเพื่อนพูดถูก เธอควรมีแฟนได้แล้ว บางครั้งเห็นเพื่อนมีความสุขแล้วก็อิจฉา ทั้งมิลลิและปลายฝนคลั่งรักยิ่งกว่าอะไร ในขณะที่เธอต้องนอนคอนโดคนเดียวทุกคืน
“พี่ยีนส์หาให้สักคนสิคะ เอาที่หล่อ ๆ นะไม่เอาเถื่อน ๆ”
ยีนส์หัวเราะออกมา ในกลุ่มเขาตอนนี้ก็ไม่รู้จะแนะนำใครให้เธอรู้จัก เพราะเธอรู้จักหมดแล้ว“ไอ้ตะวันไง เอาหรือเปล่า”
เขาแกล้งพูดติดตลกอย่างไม่คิดอะไร เขารู้ว่าน้องสาวของเพื่อนคนนี้ไม่ชอบผู้ชายแบบตะวันที่สุด เจอหน้ากันทีไรเป็นต้องเถียงกันทุกที
“ไม่เอาหรอกค่ะ ถ้าเป็นพี่ตะวัน เทียร์ยอมขึ้นคาน”
พูดจบก็เดินเข้าไปในลิฟท์ทันที คิดในใจว่าเธอเพิ่งซ้อนท้ายรถเขามาเมื่อกี้ ยังแปลกใจตัวเองที่ไม่ได้รู้สึกรังเกียจเขาเหมือนปากว่า แต่เรื่องจะให้เป็นแฟนแบบนั้นเธอยังยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้
เมื่อเข้ามาในห้อง ร่างเล็กของคาเทียร์ก็เดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟาทันที อาการเหงาที่เธอพยายามปกปิดไว้แผ่ขยายออกมาอีกครั้ง ยิ่งช่วงหลัง ๆ ยิ่งเป็นบ่อย แต่เธอก็ไม่เคยบอกเพื่อนสนิททั้งสองคน กลัวว่าเพื่อนจะเป็นห่วงจนต้องมานั่งห่วงความรู้สึกของเธอ
ตอนปีหนึ่งไม่มีแฟนก็ยังพอคิดได้ว่าเพิ่งเข้ามหาลัยใหม่ ๆ ยังไม่อยากมี พอขึ้นปีสองก็ยังสนุกกับการใช้ชีวิตอยู่ใครเข้ามาจีบก็ปฏิเสธไปหมด แต่ตอนนี้ปีสามแล้ว ก็เริ่มรู้สึกแปลก ๆ ที่เธอไม่ถูกใจผู้ชายที่เข้ามาจีบสักคน ทั้งที่เพื่อนในคณะมีแฟนกันหมดแล้ว ได้แต่คิดว่าตัวเองผิดปกติตรงไหนหรือเปล่าถึงได้เป็นแบบนี้
นิ้วเรียวเลื่อนฟีดเฟสบุ๊คไปเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย ก่อนจะหยุดอยู่ตรงฟีดของพี่ชายที่เพิ่งลงรูปเป็นกลุ่มเพื่อน มีข้อความใต้ภาพว่า “ปีสุดท้ายแล้วสู้โว้ย”
ใบหน้าบุคคลในภาพทั้งหกคนเปื้อนยิ้ม กอดคอยืนกันอย่างมีความสุข พลันดวงตากลมโตก็สะดุดตรงชายหนุ่มคนที่เพิ่งมาส่งเธอเมื่อกี้ ในบรรดาทุกคนตะวันเป็นคนที่ผิวเข้มมากกว่าคนอื่น ไม่ได้จัดว่าเป็นคนผิวสีคล้ำ แต่ทว่าก็ไม่ได้ขาวเหมือนคนอื่น ผิวจะออกแทน ๆ น่าจะเป็นเพราะเป็นคนต่างจัดหวัด แต่เรื่องหน้าตาไม่ได้หล่อน้อยกว่าเพื่อนคนอื่นเลย รวมถึงพี่ชายของเธอด้วย
คิ้วเรียวขมวดมุ่น นึกแปลกใจว่าตัวเองสนใจเรื่องพวกนี้ตั้งแต่ตอนไหน เลยเอาโทรศัพท์คว่ำลงไปบนโต๊ะทันที ไล่หัวสะบัดใบหน้าของเขาที่ยังตามหลอกหลอนเธอ คงเป็นเพราะเขารับปากจะช่วยเธอเรื่องรถก็เป็นได้ เธอเลยเก็บมาคิดมากอยู่แบบนี้
ตอนเช้าคาเทียร์ตั้งใจแต่งตัวไปเรียนแล้วจะไปรอแท็กซี่ที่หน้าคอนโด แต่ทว่าเมื่อเธอลงมากลับเห็นรถมอเตอร์ไซค์ของตะวันจอดอยู่ตรงจุดที่มาส่งเธอเมื่อวาน ได้แต่คิดและก็สงสัยว่าเขามาทำไมตอนเช้าแบบนี้
“พี่มีอะไรกับฉันอีกหรือเปล่า”
“มีเรียนเช้าไม่ใช่เหรอ ขึ้นรถมาสิ”
หมวกกันน็อคถูกมือหนายื่นออกมาตรงหน้าเธอ แต่คาเทียร์ไม่รับ เธอยังคงมองหน้าเขาด้วยความสงสัย“ฉันว่าฉันไม่ได้นัดให้พี่มารับนะคะ แท็กซี่ก็มี ฉันไปเองได้ค่ะ”
“รถติดขนาดนี้ เธอจะไปทันเหรอ”
“ปกติเวลาฉันเอารถไปเอง รถก็ติดแบบนี้ทุกวัน ฉันเผื่อเวลาเอาไว้แล้ว”
เมื่อเห็นว่าเธอไม่รับ เขาก็ลงจากรถแล้วเอาหมวกใส่บนหัวเธอทันที“อยู่นิ่ง ๆ”
“ฉันไม่ไปกับพี่”
“ไม่อยากไปดูรถที่อู่เหรอ ไม่หวงรถเลยว่างั้น”
พอเขาพูดเรื่องรถขึ้นมา เธอก็หยุดดิ้นทันที เธอจะไม่หวงรถคันนั้นได้ยังไง เป็นคันแรกที่พ่อเธอซื้อให้ตอนเข้าเรียนปีหนึ่ง เธอขับมาตั้งนานจนผูกพันธ์ไปแล้ว
สุดท้ายคาเทียร์ก็ต้องซ้อนมอเตอร์ไซค์ของตะวันมาแวะที่อู่ซ่อมรถ อาการก็ไม่มีอะไรมากเป็นอาการหม้อน้ำแห้งเหมือนที่ตะวันบอกเธอเมื่อวาน เธอไม่แปลกใจหรอก เพราะเขาเรียนช่างยนต์คงไม่พลาดเรื่องแบบนี้
“แล้วเพื่อนเธอไปไหนหมด”
ตะวันยกยิ้มมุมปากแกล้งถามทั้งที่เขารู้อยู่เต็มอกว่าเพื่อนของเธอไปไหน สองคนนั้นมีแฟนเป็นตัวเป็นตน ก็คงไม่พ้นไปนอนกับแฟน
“พี่เกี่ยวอะไรด้วย”
“หึ ฉันกลัวเธอจะเหงา”