“คริสต็อฟ ผู้หญิงคนนั้นคือคนที่ฉันต้องการตัว”
ราฟาเอลกล่าวขึ้นในขณะที่ดวงตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่ปั้นหยา ยิ่งเห็นดวงหน้าเรียวรูปไข่เผยยิ้มนิดๆ อย่างประหม่า และสายตาหลายคู่ที่จับจ้องไปที่หญิงสาว ความหวงแหนก็อัดแน่นขึ้นมาในอกของมาเฟียหนุ่มอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ดวงตาสีอำพันของเขาก็แข็งกร้าวขึ้นมาฉับพลัน
“เข้าใจแล้วครับ” คริสต็อฟรับคำอย่างแข็งขัน เขายกมือขึ้นกดที่หูฟังบลูทูธ สั่งการไปยังปลายทางซึ่งก็คือลูกน้องที่รออยู่ด้านนอก “เจอตัวเป้าหมายแล้ว ให้คนของเราเตรียมตัวให้พร้อม รอคำสั่งจากฉันอีกที”
“ครับ”
ปลายทางรับคำคริสต็อฟจึงกดปิดหูฟัง แล้วหันมารายงานราฟาเอลที่สายตาของเขายังจับจ้องอยู่บนเวทีอย่างไม่ละสายตาแม้ว่าปั้นหยาจะเดินหายเข้าไปหลังเวทีเรียบร้อยแล้วก็ตาม การเดินแบบยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงชุดฟินาเล่ ซึ่งผู้ที่สวมใส่ก็คือมาเรียม บุตรสาวของเซเนดีนก็องเต้ นายธนาคารซีเคทีแบงก์
มาเรียมดูงดงามและสามารถสะกดสายตาของใครต่อใครได้หลายคน หญิงสาวเดินนวยนาดด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจอวดรูปร่างกลมกลึงไปทุกสัดส่วนและเครื่องประดับหรูหราที่ขับผิวสีแทนจากการที่เจ้าตัวชื่นชอบการอาบแดดให้โดดเด่น มาเรียมโพสท่าก่อนจะหมุนตัวและส่งสายตาเชิญชวนให้ราฟาเอลอย่างมีชั้นเชิง หากแต่ตอนนี้มาเฟียหนุ่มกลับไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งนั้น ใบหน้าหล่อจัดยังคงเรียบนิ่งอย่างที่เคยเป็น แต่คนที่กำลังเผยรอยยิ้มอย่างพึงพอใจการปรากฏตัวของมาเรียมก็คือยูแน็ส
เหล่านายแบบและนางแบบทุกคนปรากฏตัวบนเวทีอีกครั้งรวมถึงปั้นหยาด้วย และเดินขบวนให้ผู้เข้าร่วมงานได้ยลโฉมอีกรอบ ก่อนที่อีแลนเจ้าของห้องเสื้อเลอโบจะปรากฏตัวด้วยร้อยยิ้มกว้าง และรับช่อดอกไม้ที่แสดงถึงความยินดีจากนางแบบที่สวมชุดฟินาเล่ซึ่งก็คือมาเรียม
เสียงปรบมือเกรียวกราวดังขึ้นอีกระลอกก่อนที่การีมจะเดินเข้ามาหาอีแลน ทั้งคู่จับมือกันด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม การีมยื่นไมค์ให้อีแลนเพื่อให้หล่อนได้กล่าวเกี่ยวกับการจัดงานในครั้งนี้
“ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาร่วมงานเดินแบบการกุศลในวันนี้ และขอบคุณที่หลายๆ ท่านให้ความสนใจเสื้อผ้าจากห้องเสื้อเลอโบ ซึ่งเสื้อผ้าคอลเลกชั่นนี้ฉันได้แรงบันดาลใจมาจากความงามไม่จำกัดเชื้อชาติ จึงเกิดเป็นคอลเลกชั่นอะวาไรตี้ออฟบิวตี้ค่ะ”
เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้งเมื่ออีแลนกล่าวจบ หล่อนขยับยิ้มกว้างก่อนจะกล่าวต่อเมื่อเสียงปรบมือค่อยๆ เบาลง
“แต่งานในค่ำคืนนี้ยังไม่จบลงเพียงเท่านี้ เราจะมีการประมูลภาพวาดจากจิตกรชื่อดังอย่างสองพี่น้องตระกูลเอ็มและจิตกรมากฝีมืออีกหลายท่าน แต่รับรองว่าฝีมือไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ฉันขอยกหน้าที่ต่อจากนี้ให้คุณการีมค่ะ”
การีมยิ้มอย่างสุภาพก่อนจะรับไมค์มาจากมือของอีแลน จากนั้นเหล่านายแบบและนางแบบต่างเดินกลับเข้าไปยังหลังเวทีรวมถึงอีแลนด้วย ก่อนที่เหล่านางแบบจำนวนสิบคนจะเดินออกมาพร้อมภาพวาดในมือซึ่งรวมถึงมาเรียมกับปั้นหยาด้วย โดยมาเรียมเป็นคนที่ถือภาพวาดชิ้นเแรก ส่วนปั้นหยาถือภาพวาดชิ้นสุดท้ายเป็นภาพวาดสีน้ำมันรูปพญาอินทรีสยายปีก
“ภาพวาดชิ้นแรกเป็นภาพวาดสีน้ำมันจากพี่น้องตระกูลเอ็มคนพี่นะครับ เป็นภาพวาดสีน้ำมัน เปิดประมูลที่ราคาสองหมื่นห้าพันเหรียญครับ”
มาเรียมก้าวออกมาด้านหน้าและเดินไปทั่วบริเวณเวทีเพื่ออวดภาพวาดในมือให้คนที่เข้ามาร่วมงานได้เห็นอย่างทั่วถึงและกลับมายืนจุดเดิมอีกครั้ง
“เริ่มประมูลครับ” สิ้นเสียงของการีม ผู้เข้าร่วมงานที่สนใจภาพวาดเริ่มยกป้ายเสนอราคา “ท่านนั้นให้สามหมื่นเหรียญครับ มีใครให้เพิ่มไหมครับ”
“สามหมื่นห้าพันเหรียญ”
แขกในงานอีกคนยกป้ายเสนอราคา ระหว่างนั้นราฟาเอลยังคงมีสีหน้าเรียบนิ่ง ดวงตาสีอำพันยังคงจับจ้องอยู่ที่ปั้นหยา ซึ่งหญิงสาวไม่ทันได้สังเกตเห็นเขา
“ผมไม่คิดว่าคุณราฟจะประมูลภาพวาดของตัวเองหรอกนะครับ”
“ถ้าฉันจะทำแบบนั้นนายจะทำไม”
“อะแฮ่ม ไม่ทำไมครับ ผมก็แค่ถามดู จะได้เตรียมเช็คเอาไว้ให้ครับ”
ราฟาเอลตวัดสายตาขุ่นมองคริสต็อฟแว่บหนึ่งก่อนที่เขาจะดึงสายตากลับไปที่ปั้นหยาอีกครั้ง ยูแน็สที่เห็นว่าทั้งคู่กระซิบกระซาบกัน คิดว่าราฟาเอลคงจะกำลังเสนอราคาประมูลภาพที่มาเรียมกำลังถือ เขาจึงรีบเสนอราคาอย่างไม่รั้งรอ
“ห้าหมื่นเหรียญ”
ราคาประมูลที่ก้าวกระโดดของยูแน็สทำให้คนในงานต่างฮือฮายกเว้นราฟาเอลกับคริสต็อฟที่ไม่ได้รู้สึกอะไรและสีหน้าของพวกเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนจากเดิมเลยแม้แต่น้อย
“ห้าหมื่นเหรียญครั้งที่หนึ่ง ห้าหมื่นเหรียญครั้งที่สอง ห้าหมื่นเหรียญครั้งที่สาม ภาพวาดชิ้นแรกตกเป็นของคุณยูแน็ส แวงแกร์ครับ”
ราคาถูกเคาะที่ห้าหมื่นเหรียญและยูแน็สก็คือผู้ที่ได้ภาพวาดชิ้นแรกไป ยูแน็สลุกจากเก้าอี้ด้วยท่าทางสง่างาม เขาเหลือบสายตามองราฟาเอลแว่บหนึ่ง ยกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ เพราะคิดว่าตนกำลังเอาชนะอีกฝ่ายได้ แต่ในความเป็นจริงก็คือราฟาเอลไม่ได้รู้สึกอะไรเลยสักนิดเพราะตอนนี้สายตาของมาเฟียหนุ่มจับจ้องอยู่ที่ปั้นหยาคนเดียวเท่านั้น
ยูแน็สขึ้นไปบนเวทีและรับภาพวาดจากมือของมาเรียม หญิงสาวขยับยิ้มยินดีและยูแน็สก็ใช้จังหวะนั้นเอ่ยปากชวนหญิงสาวไปดื่ม
“ถ้าคุณไม่ติดธุระอะไร เสร็จจากตรงนี้เราไปดื่มด้วยกันดีไหม ผมรับรองว่าเครื่องดื่มที่ล็อบบี้เลานจ์ในโรงแรมของผมต้องถูกปากคุณแน่”
มาเรียมขยับยิ้มอย่างเชิญชวน หญิงสาวเหลือบสายตามองไปทางราฟาเอลที่ยังคงมีสีหน้าเรียบนิ่ง ก่อนหน้านี้หล่อนได้รับการปฏิเสธจากคนสนิทของเขาอย่างคริสต็อฟว่าคืนนี้เขาไม่สามารถไปดื่มกับเธอได้ ดังนั้น เธอก็ไม่ผิดหากจะตกลงไปดื่มกับยูแน็ส ที่สำคัญมาเรียมต้องการแสดงให้ราฟาเอลเห็นว่าหล่อนไม่ใช่ของตายของใคร
“ตกลงค่ะคืนนี้ฉันจะไปดื่มกับคุณ”
ยูแน็สยิ้มอย่างพึงพอใจ เขารับภาพจากมือของมาเรียม ก่อนที่ภาพนั้นจะถูกส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ช่วยดูแลต่อแล้วค่อยจัดส่งให้ผู้ประมูลได้ในภายหลัง ยูแน็สก้าวลงจากเวทีในขณะที่มาเรียมเองก็เดินกลับไปยังหลังเวที
การประมูลภาพวาดยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ และตอนนี้ยูแน็สก็ไม่ได้กลับมาที่ของตัวเองอีกหลังจากที่เขาก้าวลงจากเวที แต่แน่อนว่าราฟาเอลไม่ได้ให้ความสนใจโดยเฉพาะสีหน้าและรอยยิ้มที่แสดงถึงความเหนือกว่าและความเป็นผู้ชนะที่ยูแน็สทิ้งเอาไว้ให้เขาก่อนที่เจ้าตัวจะเดินออกไป
ดวงตาสีอำพันยังคงจับจ้องอยู่ที่ปั้นหยา และในที่สุดการประมูลภาพวาดชิ้นสุดท้ายก็มาถึง และตอนนี้ก็มีเพียงปั้นหยายืนโดดเด่นอยู่บนเวที เนื่องจากหลังจากส่งมอบภาพวาดให้ผู้ที่ประมูลได้แล้ว เหล่านางแบบที่ทำการถือภาพวาดก็จะหมดหน้าที่และกลับไปยังหลังเวที
“มาถึงภาพวาดชิ้นสุดท้ายแล้วนะครับ ชิ้นนี้เป็นภาพวาดสีน้ำมัน รูปพญาอินทรีสยายปีกสง่างาม เป็นผลงานของมิสเตอร์แอล แน่นอนว่าไม่มีใครเคยเห็นใบหน้าของมิสเตอร์แอลเรารู้จักเขาผ่านผลงานเท่านั้น และงานของเขาก็ไม่ได้มีออกมาให้ชมบ่อยๆ นะครับ สำหรับคนที่ชื่นชอบศิลปะภาพวาดสีน้ำมันผมว่าภาพนี้เป็นอีกภาพที่คุณไม่ควรพลาด”
การีมกล่าวอย่างกระตุ้นให้ผู้เข้าร่วมงานต้องการภาพวาดชิ้นนี้เพราะนั่นหมายความว่าราคาประมูลจะสูงขึ้น ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่ทราบว่าเจ้าของผลงานที่แท้จริงนั้นเป็นใคร
“ผมขออนุญาตเริ่มต้นราคาภาพวาดชิ้นนี้ที่ราคาสามหมื่นเหรียญครับ”
“ผมให้สี่หมื่นเหรียญ” ผู้ร่วมงานคนหนึ่งยกป้ายขึ้นประมูล
“ผมให้ห้าหมื่นเหรียญ” ผู้เข้าร่วมงานอีกคนยกป้ายขึ้นประมูล
“ห้าหมื่นเหรียญครั้งที่หนึ่ง” การีมยังไม่ทันพูดจบดี ผู้ร่วมงานอีกคนก็ยกป้ายขึ้นประมูลด้วยราคาที่สูงขึ้นกว่าเดิม
“หกหมื่นเหรียญ ผมให้ราคาหกหมื่นเหรียญ”
“ว้าว ตอนนี้ราคาของภาพสูงถึงหกหมื่นเหรียญแล้วนะครับ” การีมบอกด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจและยินดี ระหว่างนั้นคริสต็อฟก็โน้มตัวไปคุยกับราฟาเอลพอให้ได้ยินกันสองคน
“ผมอยากเห็นหน้าคนที่วาดภาพนี้จังเลยครับ”
“น่าเบื่อ”
ราฟาเอลบอกเพียงเท่านั้นโดยที่ไม่ได้หันมามองคริสต็อฟที่ดึงตัวกลับไปนั่งหลังเหยียดตรงอีกครั้ง คริสต็อฟกลั้วหัวเราะในลำคอเบาๆ อย่างชอบใจเมื่อได้ป่วนประสาทคนเป็นเจ้านายที่เขารู้เป็นอย่างดีว่าเวลาไหนที่สามารถกวนใจเจ้านายได้หรือเวลาไหนที่ไม่สามารถกวนใจได้ และตอนนี้คริสต็อฟก็รู้ว่าเจ้านายของเขากำลังอารมณ์ดี เพราะกำลังจะได้ในสิ่งที่ต้องการ
“ผมให้เจ็ดหมื่นเหรียญ”
เสียงฮือฮาดังขึ้นอีกครั้งเมื่อราคาประมูลไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆ ปั้นหยาที่ถือภาพวาดพญาอินทรีเอาไว้ยังคงมีรอยยิ้มเต็มใบหน้า หล่อนยอมรับว่าการตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนแบบนี้ทำให้ประหม่าไม่น้อย แม้ว่าหลายคนอาจจะมองมาเพราะภาพวาดที่หญิงสาวถือเอาไว้
แต่อีกหลายคนก็มองที่นางแบบจำเป็นผิวสีน้ำผึ้งอย่างหล่อน โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้ละสายตาไปจากหล่อนเลยตั้งแต่แรกที่ปั้นหยาก้าวขึ้นมาบนเวทีอย่างราฟาเอล
“ผมให้แสนเหรียญ”