นาฬิกาปลุกร้องเตือนในช่วงเวลาเดิมของทุกวัน เจณิสตาลุกขึ้นบิดขี้เกียจแล้วตรงดิ่งเข้าห้องน้ำ ไม่นานก็ออกมาในชุดออกกำลังกายแบบเสื้อสายเดี่ยวเอวลอยสีเขียวสังขยากับกางเกงเลกกิ้งขายาวสีเดียวกัน อวดส่วนเว้าส่วนโค้งชวนน้ำลายสอ
เธอมัดผมรวบเป็นหางม้า หยิบผ้าขนหนูผืนน้อยพร้อมด้วยขวดน้ำแล้วลงไปยังห้องออกกำลังกายของคฤหาสน์ตระกูลคลาร์กทันที
ช่วงเวลาเช้าตรู่มีเพียงแม่บ้านเท่านั้นที่กำลังช่วยกันทำความสะอาด เธอส่งยิ้มให้กับทุกคนแล้วเปิดประตูเข้าไปในยิมส่วนตัวก็ต้องชะงักเพราะไม่คิดว่าในเวลานี้จะมีคนมาใช้ห้องเช่นกัน
“เอ่อ ขอโทษค่ะ เจนิสไม่รู้ว่าพี่พอร์ชลงมาใช้ห้อง”
พิพัฒน์ลุกขึ้นจากเครื่องออกกำลังกายชุดยิมแล้วเดินตรงมานั่งยังบาร์ยกน้ำหนักโดยไม่ลืมหยิบดัมเบลคู่ใจติดมือไปด้วย
“ห้องตั้งกว้าง หรือซุปตาร์อย่างเจนิสใช้ยิมร่วมกับคนอื่นไม่ได้”
คนสวยหน้าตึงทันใด แต่ก็เลือกที่จะก้าวเข้าไปในห้องแล้วเดินไปยังลู่วิ่งเป็นสิ่งแรก
“ใช้ได้ค่ะ แค่เกรงใจพี่พอร์ชเท่านั้น กลัวว่าเจนิสมารบกวน เผื่อพี่ต้องการเวลาส่วนตัว”
พูดเสร็จก็ไม่รอฟังคำตอบของเขา ใส่หูฟังแล้วเปิดเพลงใหม่ของวงที่วันนี้ต้องออกไปซ้อมเต้น ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าไม่ควรทำกิริยาอย่างนี้กับเหยื่อของเธอ จึงเม้มปากแน่น เหลือบมองเขาเล็กน้อยแล้วถอนหายใจพรืดเรียกความมั่นใจ
“เอ่อ พี่พอร์ชคะ เครื่องนี้มันเปิดยังไงคะ เจนิสไม่ค่อยได้ใช้ ปกติมีเทรนเนอร์คอยดูแลให้ค่ะ”
พิพัฒน์หันมองเด็กในความดูแลของแม่ก็เห็นว่าเธอยืนมองเขาด้วยสายตามีความหมายในท่วงท่าสุดเซ็กซี่ ทั้งที่จริงแล้วเธอไม่จำเป็นต้องทำอะไรแบบนี้เลยด้วยซ้ำก็ดูสวยยวนตาอย่างเป็นธรรมชาติในทุกอิริยาบถอยู่แล้ว จึงแค่นยิ้มหยันแล้วยอมลุกเดินไปหาเธอช้า ๆ
ดวงตาคมกริบจ้องมองเธอไม่วางตา ก่อนจะก้มลงเปิดสวิตซ์ที่ใต้ฐาน แล้วกดเปิดเครื่องให้
“เอาเท่าไหร่ล่ะ แต่อย่างเธอคงเจนน่าดู งั้นก็...”
นิ้วใหญ่กดรัว ๆ เพื่อเพิ่มความเร็วจนเธอต้องผวาถอยหลังก่อนจะรีบจ้ำเท้าเดินแล้วเปลี่ยนเป็นวิ่งในทันทีที่เครื่องทำงานเต็มกำลัง
“พี่พอร์ช อะไรคะเนี่ย จะบ้าเหรอ”
เจณิสตากดลดความเร็วอย่างหัวเสีย หันมองหน้าเขาด้วยสายตาวาววับเอาเรื่อง แต่เขากลับเสียงหัวเราะหยันเบา ๆ ในลำคอกับสายตาเย็นชาที่ดูจะสะใจเล็ก ๆ เป็นรางวัลตอบแทน ก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องไป ไม่แม้แต่จะหันกลับมาสนใจเธอสักนิด
คนตัวบางกดนิ้วรัว ๆ ลงไปเพื่อลดความเร็วจนเหลือต่ำสุด ก่อนกระแทกนิ้วกดหยุดการทำงานอย่างหัวเสีย ดวงตาวาววับยังมองบานประตูไม้ที่ปิดสนิทแม้ตรงนั้นจะไม่มีเหยื่อคนสำคัญอีกต่อไปแล้ว
“บ้าเอ้ย กล้าปฏิเสธคนอย่างเจนิสได้ไงเนี่ย”
ภารกิจการอ่อยครั้งแรกล้มเหลวไม่เป็นท่า...เจ็บใจชะมัด
แต่อย่าคิดว่าคนอย่างเธอจะยอมแพ้เพียงเท่านี้ ไม่มีทางเสียหรอก
เมื่อออกกำลังกายและอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว เจณิสตาก็ส่งไลน์หาคนขับรถที่นัดแนะเวลากันไว้แต่แรกให้ไม่ต้องมารับเธอแล้ว แม้จะงงแต่ก็ต้องทำตามที่เจ้านายสั่ง
คนตัวบางอมยิ้มร้าย ดวงตามาดหมาย สตูดิโอซ้อมเต้นของค่ายเธออยู่ทางเดียวกับบริษัทพิมพ์มาดาพร็อพเพอร์ตี้ งั้นก็ต้องมาลองเสี่ยงดวงกันหน่อย ว่าหนึ่งในสามพี่น้อง ใครจะเป็นคนไปส่งเธอ
“อะไรนะคะลุงดม รถเสียเหรอคะ กำลังเอาเข้าอู่ ได้ค่ะ เดี๋ยวเจนิสเรียกแท็กซี่ไปก่อนก็ได้ ประมาณกี่วันนะคะ เป็นอาทิตย์เลยเหรอ ค่ะ ๆ เข้าใจแล้วค่ะ”
นักร้องสาวเดินคุยโทรศัพท์คนเดียวเข้ามาในห้องอาหารที่มีสมาชิกนั่งรอกันเกือบครบ ยกเว้นพิธานที่มักจะลงมาสายกว่าใคร
“รถเสียเหรอจ๊ะเจนิส” พาขวัญเอ่ยถามทันที
“ค่ะคุณป้า ลุงดมกำลังเอาเข้าอู่”
“งั้นเอารถของที่บ้านไปใช้ก่อนนะ ส่วนคนขับก็ให้มารับที่นี่หรือจะให้เสกขับให้ก่อนก็ได้”
หมายถึงเสกสรร บอดี้การ์ดคนสนิทของพิพัฒน์ที่เขามีน้ำใจให้เธอยืมตัวมาใช้งาน
“ไม่เป็นไรค่ะคุณป้า เจนิสเกรงใจ ไปแค่สตูดิโอใกล้ ๆ ไม่กี่วันเอง แล้วกว่าจะเลิกซ้อมก็ค่ำ ๆ เลยค่ะ เจนิสทำงานไม่ค่อยเป็นเวลา ไม่อยากให้ใครมาลำบากด้วย”
“ไม่ได้หรอก มันอันตราย ป้าเป็นห่วง ถ้าไม่เอารถที่บ้านไปใช้ก็ติดรถพี่ ๆ เขาไป ขากลับเดี๋ยวป้าให้คนที่บ้านไปรับก็ได้ ดึกแค่ไหนก็ไม่ต้องเกรงใจ โทรมาเรียกได้เลย”
“ลุงว่าแบบที่ป้าเขาบอกก็ดีนะเจนิส ช่วงนี้อย่าเพิ่งไปไหนมาไหนเองเลย ยังไงก็ต้องมีเสกคอยดูแล แล้วถ้าไม่อยากใช้รถที่บ้านช่วงนี้ก็ติดรถพี่เขาไปสตูดิโอก่อน พี่พราวก็ได้”
นักร้องสาวลอบถอนหายใจ สุดท้ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่เข้าข้างเธอ ก็แหงอยู่แล้ว ในเมื่อครอบครัวนี้มีลูกสาว จะให้ลูกชายมาคอยดูแลรับส่งเธอให้ใกล้ชิดเกินงามก็คงกลัวว่าพ่อแม่ของเธอจะไม่สบายใจที่อุตส่าห์ฝากฝังลูกสาวให้ดูแล
“ไปกับพี่ก็ได้ แต่เอ๊ะ ไม่ได้สิคะพ่อ อาทิตย์นี้พราวไม่ได้เข้าบริษัท ต้องไปดูเรื่องที่ดิน นัดกับเจ้าของที่ดินไว้ทุกวันเลย นี่พี่พอร์ชอุตส่าห์ฝากฝังงาน พราวยังหาที่ดินให้ไม่ได้เลยค่ะ”
ดวงตากลมโตเปล่งประกาย เหลือบมองใบหน้าหล่อเหลาของพิพัฒน์ก็เห็นว่าเขามองเธออยู่ก่อนแล้วด้วยแววตารู้ทัน มุมปากยกยิ้มที่ดูก็รู้ว่าไม่น่ารู้สึกยินดี แต่ใครสนกันล่ะ ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก
“ผมเองก็ได้ครับพ่อ เดี๋ยวดูแลให้เอง ไม่ต้องห่วงครับ”
“ดีเลย งั้นเจนิสไปกับพี่พอร์ชนะลูก ตอนเลิกก็โทรมา ป้าจะส่งคนไปรับ แล้วก็ห้ามอยู่ไกลจากเสกเป็นอันขาด เข้าใจไหมจ๊ะ”
“เข้าใจค่ะคุณป้า ขอบคุณมากนะคะพี่พอร์ช”
คนตัวบางส่งยิ้มหวาน ดวงตาซุกซนติดจะดื้อรั้นเป็นประกายทำเอาหัวใจแกร่งเต้นกระตุก ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่คิดจะเล่นด้วยกับเธออยู่ดี เพราะนอกจากจะยังไม่อยากขาดอิสรภาพ เขายังไม่ชอบผู้หญิงที่เข้าหาผู้ชายก่อนแบบนี้ที่สุด
“เดี๋ยวตอนเลิกผมจะไปรอรับเองครับแม่ ช่วงนี้เลิกงานค่ำแทบทุกวันเหมือนกัน”
“งั้นแม่ฝากพอร์ชด้วยนะจ๊ะ”
“ครับ”
“สมใจหรือยัง”
เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นทั้งที่สายตายังไม่ยอมละไปจากหน้าจอไอแพดที่กำลังดูกระดานหุ้น คนตัวบางซึ่งนั่งอยู่ด้านข้างจึงหันไปเลิกคิ้วอย่างงง ๆ
“พี่พอร์ชพูดกับเจนิสหรือเปล่าคะ”
“เธอนั่งอยู่กับพี่แค่สองคน ถ้าพี่ไม่พูดกับเธอแล้วจะให้พี่ไปพูดกับใคร”
“สองคนที่ไหนคะ พี่เสกกับพี่เสริฐก็อยู่”
คนดื้อบุ้ยปากไปยังหน้ารถซึ่งประเสริฐ บอดี้การ์ดมือดีของเขาอีกคนรับหน้าที่เป็นคนขับและเสกสรรนั่งอยู่ข้างกัน
“อย่ามาเล่นลิ้น เด็กอย่างเธอนี่มันดื้อตาใสจริง ๆ”
“เจนิสไม่เด็กแล้วนะคะ เจนิสโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ปีนี้อายุยี่สิบสองปีแล้วด้วย”
“อ้อ งั้นผู้ใหญ่วัยยี่สิบสองปีช่วยบอกผู้ใหญ่วัยยี่สิบแปดปีหน่อย ว่าที่ทำมาทั้งหมดเมื่อเช้านี้ เธอสมใจหรือยัง”
“อะไรคะ เจนิสไม่เข้าใจ”
เธอเอียงคอมองหน้าเขาตาแป๋ว แววตาใสซื่อบริสุทธิ์มันน่าหมั่นไส้จนแทบอยากกระชากเธอมาจูบแรง ๆ ให้ปากเจ่อสักที แต่ก็ไม่อาจทำได้ดังใจคิด
“อย่าคิดว่าพี่รู้ไม่ทันนะว่านี่มันเป็นแผนของเธอ เสี่ยงน่าดูเลยนี่ ถ้าพ่อให้ยัยพราวไปส่งเธอ ภารกิจวันนี้ก็ล้มเหลว”
“แต่คุณลุงก็ให้พี่พอร์ชไปส่งเจนิสนี่คะ เอ๊ะ ไม่ใช่สิ พี่พอร์ชเสนอตัวไปส่งเจนิสเองต่างหาก เสนอตัวไปรอรับด้วยนี่คะ งั้นก็แปลว่าภารกิจของเจนิสวันนี้มันคอมพลีท”
รอยยิ้มยั่วยวนของคนตรงหน้าทำคนตัวโตใจเต้นรัว เขากัดกรามแน่นข่มอารมณ์ไม่ให้จับหลานสาวของแม่ขย้ำให้จมเขี้ยวคารถเสียก่อน
รู้จักเขาน้อยไปเสียแล้ว เธอรู้หรือเปล่าว่าเขาเป็นคนแบบไหน และรู้หรือเปล่าว่าเธอกำลังเล่นอยู่กับอะไร เขาไม่ใช่ไก่อ่อนให้เธอยั่วยวนแล้วมาจับเคี้ยวได้ง่าย ๆ ขนาดนั้นหรอกนะ
“เหอะ แผนตื้น ๆ ต้องการอะไร ว่ามา”
“ถ้าแผนเจนิสตื้น ก็แปลว่าพี่พอร์ชรู้แล้วสิคะว่าเจนิสต้องการอะไร”
“ก็คิดว่าพอรู้”
“แล้วให้ได้หรือเปล่าล่ะ”
ดวงตาคมกริบวาบขึ้นราวกับมีกองไฟลุกโชนอยู่ในนั้น ก่อนจะมอดลงไปเป็นวาบลึกนิ่งสนิทจนแปลความหมายไม่ออก แต่เท่านี้ก็เพียงพอทำให้กายสาวสั่นสะท้านไปทั้งร่างอย่างไม่อาจควบคุม
“อยากนอนกับพี่เหรอ”
เจณิสตาชะงัก หน้าถอดสี นอนกับเขาเหรอ เธอยังไม่ได้คิดไปถึงขั้นนั้น แค่ต้องการยั่วยวนให้เขาตกหลุมรักแล้วตกลงยอมเป็นแฟนกับเธอเพื่อยื้อเวลาอยู่ประเทศไทยภายใต้การดูแลของเขาและครอบครัวคลาร์ก นั่นก็เพื่อจะได้เซ็นสัญญาต่ออีกสักฉบับ
แต่เธอลืมคิดไปว่าผู้ชายอย่างเขา การจะคบกันเป็นแฟนมันต้องรวมถึงเรื่องบนเตียงด้วย หรืออาจจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในความสัมพันธ์ของเขาเลยก็ได้
ถ้าอย่างนั้น เธอก็ไม่มีทางเลือก แค่เสียตัวไม่กี่ครั้งแต่ได้ทำตามความฝันที่ทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อให้ได้มายืนอยู่ในจุดนี้ เธอว่ามันคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม
“นอนเลยเหรอคะ เราไม่ต้องคบกันก่อนเหรอ”
“คบเหรอ จำเป็นด้วยเหรอ พี่ไม่เคยคบใคร เคยแต่นอนด้วยเท่านั้น”
คนตัวบางเม้มปากแน่น รู้ว่าเรื่องนี้มันเสี่ยงเกินไป เกิดยอมนอนกับเขาแล้วเขาไม่ยอมรับผิดชอบด้วยการคบหากันเป็นแฟนล่ะ เธอจะทำอย่างไร
“เจนิสก็ไม่เคยนอนกับคนที่ไม่ได้คบกันค่ะ”
“งั้นอยากคบกับพี่เหรอ”
“ถ้าบอกว่าใช่ล่ะคะ”
“พี่ไม่อยากคบกับคนใกล้ตัว แล้วก็ไม่อยากคบกับเธอด้วย พอดีว่าพี่ไม่ชอบผู้หญิงสายรุก”
พิพัฒน์ปิดจบบทสนทนาด้วยการก้มมองหน้าจอไอแพดอีกครั้ง แต่นักร้องสาวไม่ยอมให้จบแค่นี้
“ถ้าเจนิสไม่รุก แล้วพี่พอร์ชจะรู้ได้ยังไงคะว่าเจนิสชอบพี่”
คนตัวโตชะงัก หันมองหน้าเธอช้า ๆ ดวงตาวาววับที่แปลความหมายไม่ออกนั่นทำเธอใจเต้นรัว
“สิ่งที่เธอต้องการมันเป็นไปไม่ได้หรอกเจนิส พี่จะไม่คบกับเธอ”
พูดจบก็หันกลับไปเปิดเช็กอีเมล ทั้งยังส่งข้อความหาเลขานุการเพื่อสั่งงานอีกต่างหาก
คนที่โดนปฏิเสธอีกครั้งเม้มปากแน่นราวเด็กดื้อถูกขัดใจ สมองอันชาญฉลาดคิดประมวลผลทันทีว่าควรจะต่อกรกับเขาอย่างไร เพราะไม่ว่าจะคิดวิธีไหนเธอก็มีแต่พ่ายแพ้เพราะเขาไม่เปิดทางให้เธอเลย
เขาไม่ชอบเธอ ไม่ยอมคบหาด้วย ไม่เปิดโอกาสให้เธอจีบเขาด้วยซ้ำ
แต่ถ้าไม่ต้องคบหากัน แล้วนอนด้วยกันเลยล่ะ เป็นคู่นอนแบบลับ ๆ เพื่อรอวันเปิดเผยกับผู้ใหญ่เมื่อถึงเวลา อย่างนั้นเขาจะปฏิเสธความรับผิดชอบไปได้อย่างไร
“แล้วถ้าเจนิสแค่อยากนอนกับพี่ล่ะคะ พี่จะนอนกับเจนิสไหม”