สองอาทิตย์ต่อมา เรือน้อยใหญ่หลายสิบลำล่องสู่แม่น้ำไนล์ องค์หญิงทรงเปิดพระวิสูตรเห็นผู้คนมากมายใช้ชีวิตเรียบง่ายสองริมฝั่งแม่น้ำไนล์ อีกทั้งยังมีการทำประมงเพื่อเลี้ยงอาชีพในแต่ละวัน แต่ถ้าบางวันโชคร้ายหน่อย พวกเขาอาจจะเจอจระเข้ที่หิวโหยโผล่ขึ้นมากัดกินพวกเขา พวกเขาจึงต้องระวังตัวให้มากยิ่งขึ้น
"ใกล้ถึงอียิปต์แล้วเพคะ" นางกำนัลทูลบอกองค์หญิงเมอร์อาร์ด้วยรอยยิ้ม
"เฮเลน และพวกเจ้าทุกคนต้องเรียกข้าว่า ‘ตาฮารี’ นางระบำแห่งราชสำนักมิโนอัน" องค์หญิงเมอร์อาร์ตรัสเช่นนี้
"เจ้าค่ะ" นางกำนัลทั้งหกคนน้อมรับพระบัญชาโดยพร้อมเพรียงกัน
เจ้าหญิงเมอร์อาร์ทอดพระเนตรมองทิวทัศน์แม่น้ำไนล์ และมองไปยังเมืองหลวงที่อยู่ไม่ไกลจากเรือพระที่นั่งมากนัก
ข้าต้องรีบทำภารกิจให้เสร็จสิ้น ข้าจะได้กลับบ้านเสียที
เมื่อเทพราลับขอบฟ้าไปเสียแล้วเทพไออาห์ทอแสงสว่างในยามค่ำให้อาณาจักรอียิปต์ส่องแสงสว่างในความมืดมิด ในเพลาเดียวกันในท้องท้องพระโรงของอาณาจักรอียิปต์ องค์ฟาโรห์อินโยเซฟมีพระกระแสรับสั่งให้จัดงานเลี้ยงราชทูตของมิโนอันที่มาเยือนอียิปต์ในครั้งนี้
"ขอบใจกษัตริย์คาร์เซอร์ด้วยที่ส่งเครื่องบรรณาการมาเจริญสัมพันธ์ไมตรีกับเราในครั้งนี้ พวกท่านดื่มกินให้อิ่มหนำสำราญเสียก่อน ก่อนที่จะกลับในวันรุ่งขึ้น" องค์ฟาโรห์ตรัสเช่นนี้ และเสวยเหล้าองุ่นในแก้วทองคำลวดลายวิจิตรงดงาม
"ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ กระหม่อมจะนำความกราบทูลกษัตริย์คาร์เซอร์" หัวหน้าราชทูตทูลต่อองค์ฟาโรห์ด้วยรอยยิ้ม
งานเลี้ยงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เหล่าขุนนางทั้งอียิปต์และมิโนอันต่างสนุกสนานกับงานเลี้ยงต้อนรับของอียิปต์ ตามธรรมเนียมเมื่อมีการต้อนรับราชทูตนั้นต้องมีเหล้าองุ่น อาหารหลากหลาย รวมถึงโสเภณีที่มาสร้างความบันเทิงให้กับเหล่าราชทูตเหล่านี้
นางระบำนุ่งน้อยห่มน้อยแทบจะเปลือยเปล่าของราชสำนักต่างร่ายรำตามเสียงดนตรีที่กำลังขับทำนองอยู่เช่นนี้ องค์ฟาโรห์ทรงไม่ได้ใส่พระทัยกับสิ่งเย้ายวนตรงหน้าแต่อย่างใด นอกจากมานั่งต้อนรับราชทูตเท่านั้น
"ฝ่าบาทกระหม่อมได้ชมระบำอียิปต์ช่างงดงามยิ่งนัก กระหม่อมขอนำเสนอระบำของมิโนอันเพื่อถวายให้พระองค์ได้ทอดพระเนตรพระเจ้าค่ะ" หัวหน้าราชทูตทูลบอกองค์ฟาโรห์
"ได้ ท่านราชทูต" องค์ฟาโรห์ตรัสเรียบเฉย
หัวหน้าราชทูตตบมือสามครั้ง ดนตรีของราชสำนักอียิปต์หยุดลง ทำให้ทุกคนต่างเงียบลงโดยไม่ได้นัดหมาย พวกเขาจึงได้ยินเสียงกระพรวนดังขึ้นมา
ทันใดนั้นนางระบำก้าวเข้ามาในท้องพระโรง นางกรีดกรายเดินนวยนาดมาตรงกลางท้องพระโรง เหล่าขุนนางอียิปต์ต่างมองนางตะลึงในความงามดุจต้องมนต์สะกดให้หลงใหลในเรือนร่างอวบอิ่มและผิวที่ขาวผ่องราวกับน้ำนม อีกทั้งนางระบำผู้นี้ใส่ชุดสีดำทั้งชุด โชว์สรีระส่วนโค้งส่วนเว้าสะโพกผาย ใบหน้าของนางภายใต้ผ้าบาง ริมฝีปากแดงชาดเผยรอยยิ้มยั่วยวน ดวงตางดงามสีดำเป็นประกาย นางกำลังร่ายรำโยกย้ายส่ายสะโพกไปมา ในลักษณะที่ยั่วยวนองค์ฟาโรห์ที่ประทับนั่งอยู่ แต่พระองค์นั้นวางพระพักตร์เรียบเฉย ทอดพระเนตรมองหญิงสาวผู้นี้ด้วยความสนพระทัย
"นางเป็นใคร คาเฟร" องค์ฟาโรห์ตรัสถามเขาเป็นราชองครักษ์ส่วนพระองค์ ที่ยืนข้างบัลลังก์ของพระองค์
"เห็นว่านางเป็นนางระบำจากมิโนอัน นามว่า ‘ตาฮารี’ " คาเฟรทูลบอกองค์ฟาโรห์เช่นนี้ องค์ฟาโรห์หันไปทอดพระเนตรนางกำนัลสาวที่กำลังถวายน้ำจัณฑ์ให้พระองค์ แล้วพระองค์ก็รับแก้วทองคำแก้วใส่ และแก้วเก่าก็ส่งให้นาง
"บีนู ให้นางเขาเฝ้าข้าที่ห้องบรรทมคืนนี้" องค์ฟาโรห์ตรัสกับนางกำนัลด้วยพระสุรเสียงเรียบเฉย
"เพคะ ฝ่าบาท" บีนูตอบรับพระกระแสรับสั่งด้วยความงวยงง เพราะองค์ฟาโรห์ไม่เคยให้สตรีคนใดเข้าห้องบรรทมของพระองค์ นอกจากนางกำนัลส่วนพระองค์ที่ดูแลพระตำหนักเท่านั้น
อย่าลืมเข้ามากดหัวใจและคอมเม้นท์ให้ไรท์ด้วยน๊าาาาาา
1 เม้นท์ 1 กำลังใจ