ตอนที่ 10
ไม่นานนักเสียงโทรศัพท์ของหญิงสาวก็ดังขึ้น ซึ่งก็เป็นสายเรียกเข้าจากแฟนหนุ่มของศิรินทร์รัตน์ที่โทรหาเธอ อนาวินรีบบอกให้ติวเตอร์สาวรับสายของแฟนหนุ่มเพื่อจะได้เคลียร์กันให้จบ ๆ แต่ศิรินทร์รัตน์ก็เอาแต่ส่ายศีรษะ เธอบอกว่ายังไม่อยากรับสายของเขาในตอนนี้ หลังจากนั้นอนาวินจึงพาเธอไปพักผ่อนภายในห้องนอน ก่อนจะเอาผ้าเช็ดตัวและชุดนอนที่พอจะหาได้ในบ้านมาให้เธอ
“คืนนี้คุณอาจจะต้องพักที่นี่ไปก่อน ห้องน้ำอยู่ทางโน้นนะ” เขาชี้มือบอกเธอ
“แล้วคุณล่ะ..ไม่อาบเหรอ”
“อาบสิ! แต่ผมให้คุณอาบก่อน หรือว่าคุณอยากอาบพร้อมผมล่ะ” ประโยคหลังเขาแกล้งแหย่เพื่อทำให้เธอหายเครียดและอารมณ์ดีขึ้น แต่สิ่่งที่หญิงสาวตอบกลับมาก็คือเธอทำตาเขียวใส่เขาทันที
“จะบ้าเหรอ!..ทะลึ่งใหญ่แล้วนะคุณเนี่ย!” อนาวินไม่คิดว่าแค่พูดเล่น ๆ จะโดนดุเข้าจริง ๆ ก่อนจะทำหน้าจ๋อย ศิรินทร์รัตน์จึงรีบเอ่ยขึ้นเพราะเธอก็แค่แกล้งดุไปอย่างนั้น
“แต่ยังไงก็ขอบคุณนะคะ..ที่คุณอุตส่าห์ตามมาช่วยฉันได้ทัน ไม่งั้น..ฉันต้องแย่แน่ ๆ เลย”
“ไม่เป็นไรครับ ผมยินดี” หญิงสาวยิ้มให้เขาด้วยความขอบคุณก่อนจะเดินจากไป อนาวินพ่นลมหายออกมา ก่อนจะมองตามร่างระหงอย่างชื่นชม
ศิรินทร์รัตน์เดินนวยนาดเข้าห้องน้ำไป สักพักหลังจากเธออาบน้ำเสร็จ หญิงสาวก็สวมใส่ชุดนอนที่เป็นผ้าถุงออกมา ข้างบนเป็นเสื้อคอกระเช้า เธอคิดแล้วคิดอีกว่าควรจะสวมใส่มันดีมั้ย แต่แล้วเธอก็ตัดสินใจที่จะใส่มันออกมาจนได้
อนาวินเล่าให้เธอฟังว่าชุดนี้เป็นของแม่บ้านที่เคยมานอนเฝ้าดูแลอยู่ที่นี่ แต่ว่าปัจจุบันแม่บ้านคนนี้ได้เสียชีวิตไปแล้ว ทำให้ศิรินทร์รัตน์หน้าซีดลงทันทีด้วยความกลัว แต่ก็ไม่อยากแสดงสีหน้าออกมา เพราะไม่อยากให้เขาหาผลประโยชน์จากความกลัวของเธอ
ศิรินทร์เริ่มอายที่ยืนให้เขาจ้องมองร่างของตนเองอยู่แบบนี้ ยิ่งเสื้อคอกระเช้าที่คว้านลึกจนเห็นไปถึงไหนต่อไหน เธอจึงรีบเอาผ้าเช็ดตัวมาคลุมร่าง ก่อนจะบอกกับเขาทันที
“คุณรีบไปอาบน้ำสิ มายืนจ้องฉันทำไม” เธออายเพราะไม่เคยใส่เสื้อคอกระเช้าและผ้าถุงแบบนี้อยู่กับผู้ชายมาก่อน
อนาวินมองเรือนร่างของเธอด้วยความชื่นชม ถึงแม้สภาพเธอตอนนี้จะไม่หลงเหลือเครื่องสำอางใด ๆ บนใบหน้า แต่มันก็ทำให้เธอดูน่ารักสดใสเหมือนวัยเด็ก และสิ่งที่ทำให้อนาวินคึกคักเป็นพิเศษนั่นก็คือเนินอกอวบที่ลอยเด่นภายในเสื้อกระเช้าสีม่วงตัวนั้นมันช่างสอดรัดกับสะโพกกลมกลึงผึ่งผายของเธอเหลือเกิน
“ครับ” อนาวินตอบสั้น ๆ ก่อนจะรีบจัดแจงถอดเสื้อผ้าของตนเองออกทันที เขาแทบไม่หลงเหลือสติสัมปชัญญะอยู่เลยเมื่อสำรวจเรือนร่างของเธอโดยละเอียด
หญิงสาวทรุดร่างลงนั่งบนเตียง ระหว่างที่เธอกำลังเอาผ้าเช็ดตัวขึ้นมาเช็ดผมที่เปียกอยู่ก็ต้องถึงกับตาโตขึ้นมาทันทีเมื่อชายหนุ่มถอดเสื้อของเขาออก ก่อนจะโชว์เรือนกายที่งดงามเฟอร์เฟค แผงหน้าอกกว้างกำยำและช่วงล่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเรียงรายอยู่บนหน้าท้องและข้างลำตัวทำให้หญิงสาวถึงกับเคลิบเคลิ้ม แต่ศิรินทร์รัตน์ก็ได้สติขึ้นมาเสียก่อน เมื่ออนาวินกำลังจะปลดตะขอกางเกงเพื่อเตรียมจะถอดมันลงไป
“วิน!!! นี่หยุดเลยนะ!!!” ศิรินทร์รัตน์ร้องห้ามเสียงดังลั่น ทำให้ชายหนุ่มชะงักมือที่เตรียมจะปล่อยกางเกงลงไป คิ้วหนาเลิกขึ้นมองคนเสียงหวานที่ทำหน้าตาตื่นตระหนก ก่อนจะได้ยินเสียงหวานของเธอบ่นมาอีกระลอก
“คุณจะมาถอดเสื้อผ้าต่อฉันได้ยังไงฉันเป็นผู้หญิงนะ” หญิงสาวโวยวายและต่อว่าเสียงดังลั่น อะไรกันเขามีกางเกงบ๊อกเซอร์อีกตั้งหนึ่งตัวมันจะโป๊ตรงไหน!!
“โทษที...ผมลืมไปน่ะ พอดีว่ามันเคยชิน แต่ถ้าคุณไม่อยากมอง.....ก็หันหลังไปสิ แต่เอ้!!..เมื่อกี้ผมก็เห็นคุณจ้องตาไม่กะพริบเลยนะ” น้ำเสียงกวน ๆ ยั่วโทสะของเขา ทำให้ติวเตอร์สาวปรี๊ดแตกขึ้นมาทันที
“หึ!!!..ใครเค้าอยากมองกันยะ คนแก้ผ้าน่ะ มองไปเดี๋ยวตาฉันก็เป็นกุ้งยิงกันพอดีน่ะสิ” หญิงสาวสวนทันควัน แต่เขาก็ไม่อยากทะเลาะกับเธอ
เพียงแค่ได้เห็นใบหน้าสวย ๆ ในเวลาที่เธอโกรธนั้นมันก็น่ารักไปอีกแบบ อนาวินจึงยิ้มออกก่อนจะรีบเดินเลี่ยง ๆ ไปห้องน้ำทันที
หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งใจ ลำพังแค่ตัวเองต้องมานอนกับผู้ชายเธอก็ใจคอไม่ดีอยู่แล้ว นี่เขายังจะมาเปลือยกายแกล้งเธออีก แล้วคืนนี้จะไปนอนหลับลงได้ยังไงกันล่ะ! เฉพาะท่อนบนที่เห็นเต็มตาเมื่อกี้นี้ก็ทำให้เธอหวั่นไหวพออยู่แล้ว แล้วถ้าเกิดคืนนี้เธอห้ามใจไม่อยู่ขึ้นมาจะทำยังไง
ศิรินทร์รัตน์รีบสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกไปจากหัว ก่อนจะมองไปรอบ ๆ ห้องที่ดูสะอาดน่านอน ถึงจะเป็นบ้านพักหลังเล็ก ๆแต่ข้างในก็หรูหราสมฐานะเลยทีเดียว เธอยืนมองรูปถ่ายของบิดาอนาวินที่ตั้งเอาไว้ เขาเคยเล่าให้เธอฟังว่า บิดาของเขาประกอบธุรกิจหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมหรือคอนโดรวมไปถึงโครงการบ้านและที่ดินเพื่อการอยู่อาศัย