บทนำ
ตุ๊บ !!
“ไปคิดแผนมาใหม่” แฟ้มสีดำขนาดใหญ่ถูกโยนลงตรงกลางโต๊ะประชุมขนาดใหญ่เสียงดังลั่น ด้วยฝีมือของเจ้าของบริษัทหนุ่มที่พึ่งขึ้นแท่นเป็นผู้บริหารได้เพียงสามเดือน “แผนกนี้มีกันกี่คน มันคิดแผนใหม่มาเสนอไม่ได้เลยรึไงวะ”
“นี่ก็รูปแบบใหม่ล่าสุดแล้วนะครับบอส” หัวหน้าแผนกแย้งขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“ไม่พอใจก็เขียนใบลาออกไป” คาร์เตอร์ ตวัดหางตาไปมองคนที่กล้าเถียงเขาด้วยสายตาดุดัน ทำเอาพนักงานคนนั้นนั่งเกร็งไปด้วยความกลัว รีบหลบสายตาเอื้อมมือมาหยิบแฟ้มด้วยมือที่สั่นเทา ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นสบตากับคนที่ยืนกอดอกอยู่หัวโต๊ะ ทำได้เพียงก้มศีรษะให้เขาเพื่อขอโอกาสก็เท่านั้น
“ผะ...ผมขอเวลาถึงพรุ่งนี้ครับ”
“ฉันให้โอกาสถึงพรุ่งนี้เช้า ออกไป!!” นิ้วชี้เรียวชี้ไปทางประตูอย่างไม่สบอารมณ์ พร้อมกับน้ำเสียงเกรี้ยวกราด ทำเอาพนักงานคนนั้นรีบวิ่งออกไปจากห้องประชุมแทบไม่ทัน ตั้งแต่เขามาบริหารที่นี่แทนพ่อของเขา คาร์เตอร์ก็ไล่พนักงานออกเป็นว่าเล่นเพียงเพราะไม่ได้ดั่งใจ
แกร๊ก!
“มีอะไรกันคะคาร์เตอร์ อารมณ์เสียอะไรแต่เช้า” ร่างบางที่อยู่ในชุดเดรสรัดรูปสีดำขลับตัดกับสีผิวขาวๆ ของเธอ เดินนวยนาดบนรองเท้าส้นสูงตรงเข้าไปหาหุ้นส่วนเจ้าของบริษัท ที่กำลังปรายตามองเธออย่างไม่สบอารมณ์
“เข้ามาทำไม”
“อันดาเอาเอกสารสั่งซื้อรังนกมาให้ค่ะ” แฟ้มเอกสารสีดำในมือหญิงสาวถูกวางลงบนโต๊ะประชุมด้านหน้ามาเฟียหนุ่ม ส่วนตัวเธอกลับเดินเข้าไปยืนซ้อนอยู่ทางด้านหลังพนักพิงเก้าอี้ที่คนตัวโตนั่งอยู่ มือเรียวกรีดนิ้วลงไหล่แกร่งบีบนวดให้เขาอย่างเอาใจ
“กล้าดียังไงมาแตะต้องตัวฉัน”
ครืด!!!
ตุ๊บ!!!
“อ๊ะ!โอ๊ย!คาร์เตอร์” ร่างบางก้าวถอยหลังออกไปสองสามก้าว เมื่อเจ้าของไหล่แกร่งลุกพรวดพราดขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้เก้าอี้เลื่อนไปชนหน้าท้องของเธออย่างแรง “อันเจ็บนะคะ” เธอแหวออกมาเสียงดัง ใบหนาวหวานเปลี่ยนเป็นบูดบึ้ง มองไปที่คาร์เตอร์ด้วยความไม่พอใจ
“ออกไป!” มาเฟียหนุ่มกดเสียงต่ำออกคำสั่งไล่เธอ นิ้วเรียวชี้ไปทางประตูทางออก สายตาคมมองไปที่เธอด้วยความเกลียดชัง แม้เธอจะเป็นหลานสาวหุ้นส่วนทางธุรกิจของผู้เป็นพ่อ แม้ว่าเธอจะสนิทชิดเชื้อกับทางครอบครัวเขามาตั้งแต่เกิด แต่สำหรับคาร์เตอร์อันดาคือคนที่เขารังเกียจและไม่อยากเข้าใกล้ เขามองเธอไม่ต่างจากเชื้อโรคที่จ้องจะเข้ามาแทรกแซงในชีวิตเขา
“เมื่อไหร่คาร์เตอร์จะเลิกไล่อันดาเหมือนหมูเหมือนหมาสักทีฮะ” อันดาตะเบ็งเสียงใส่คาร์เตอร์ด้วยความโกรธจนตัวสั่น มือเล็กกำหมัดเอาไว้แน่นเพื่อระบายความเจ็บช้ำในใจ แม้เวลาจะผ่านไปนานเพียงใด คนตรงหน้าก็ไม่เคยมองเธอในแง่ดีเลยสักครั้ง ตั้งแต่เรื่องที่เธอกระทำลงต่อเขาในคืนนั้น
“ก็จนกว่าเธอกับป้าจะตายๆ ไปนั่นแหละ”
“คาร์เตอร์!!!” หญิงสาวตะคอกใส่คนตรงหน้าเสียงดัง เมื่อมาเฟียหนุ่มพ่นคำพูดร้ายกาจแบบนั้นออกมา ดวงตาเฉี่ยวมองไปที่เขาด้วยความไม่พอใจอย่างมาก
“ออกไป!!”คาร์เตอร์ออกปากไล่เธอเสียงดังอีกครั้ง
“...เหอะ!” หญิงสาวสะบัดหน้าเชิดใส่คาร์เตอร์ ก่อนจะกระแทกเท้าหนักๆ เดินออกจากห้องประชุมไปด้วยความโมโห
ตุ๊บ!
“เฮ้! อันดา” ชายหนุ่มที่เดินสวนเข้ามาภายในห้องประชุมเอ่ยทักทายหญิงสาวที่พึ่งกระแทกเท้าออกจากห้องไป แต่เธอไม่แม้แต่จะปรายตามองเขาเลยสักนิด
“อะไรของมึงวะไอ้คาร์เตอร์ เกรี้ยวกราดอะไรแต่เช้า” ลูอีส ที่เดินสวนเข้ามาโดยที่ไม่รอให้เจ้าของบริษัทอนุญาต เอ่ยถามพลางมองเพื่อนสนิทของเขาสลับกับหญิงสาวที่พึ่งเดินสวนออกไปเมื่อสักครู่
“บริษัทมึงไม่มีที่ให้สิงหรือไง มาทำห่าอะไรที่บริษัทกู” คาร์เตอร์ไม่สนใจลูอีสที่กำลังนั่งลงเก้าอี้ แต่กลับเดินหนีออกจากห้องประชุมด้วยความฉุนเฉียว ขายาวก้าวฉับๆไปทางห้องทำงานของผู้บริหาร
“ไอ้เชี่ย นี่คือวิธีทักทายเพื่อน” มาเฟียหนุ่มดันตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่พึ่งหย่อนสะโพกลงไปไม่ถึงสองวิ ก่อนจะรีบเดินตามเพื่อนสนิทออกมาด้านนอก
“มีอะไรก็รีบๆ พูด กูมีงานต้องทำต่อ”
“กูจะชวนมึงไปดูไอ้ฮันเตอร์หน่อย แม่งเมียมันหนีว่ะ”
“เมียมันหนีแล้วเกี่ยวอะไรกับกูวะ”
“มันก็เพื่อนไหมวะ ตอนนี้มันเอาแต่เมามาห้าวันแล้ว”
“แม่งตอนเอากันไม่เรียกกู ทำไมตอนนี้ทำมาเป็นคิดถึงกู” คาร์เตอร์แขวะขึ้นด้วยน้ำเสียงกวนๆ มือหนาผลักประตูห้องทำงานเข้าไป จากนั้นก็เดินเข้าไปนั่งเปิดเอกสารที่อยู่บนโต๊ะทำงานขึ้นอ่าน โดยที่ไม่ได้ทุกข์ร้อนกับเรื่องที่ลูอีสได้บอกกับเขาแม้แต่น้อย
“อันนั้นกูไม่เถียง กูก็แค่เห็นว่ามึงเคยมีประสบการณ์เลยอยากให้ไปปลอบใจมันหน่อย”
คำพูดของลูอีสทำให้คาร์เตอร์ที่กำลังจะจรดปลายปากกาเซ็นลงบนเอกสารชะงักงัน เขาเงยหน้าขึ้นจากเอกสารจ้องมองไปยังเพื่อนสนิทด้วยสายตาที่แสดงความปวดร้าวออกมาอย่างชัดเจน
“สภาพกูคือพร้อมสินะ!!”
“เฮ้ยเพื่อนกูขอโทษ กูไม่ได้ตั้งใจสะกิดแผลมึงนะเว้ย” ลูอีสดันตัวลุกขึ้นจากโซฟาเดินเข้ามานั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของคาร์เตอร์ด้วยความรู้สึกผิด ที่เผลอไปพูดถึงปมเก่าเรื่องความรักของคาร์เตอร์เข้าจังๆ
เขาเสมองไปทางวิวด้านนอกห้องทำงานอย่างเหม่อลอย ในขณะที่มือยังควงปากกาด้ามหรูไปมาอยู่อย่างนั้น
"ความเจ็บปวดที่ไม่ทำให้ถึงตาย แต่แม่งโคตรทรมาน"
"อืม...กูผิดเองที่ไม่เคยอกหัก"ลูอีสที่กำลังทอดสายตามองอยู่ที่วิวกลางเมืองเอ่ยขึ้นอย่างสบายๆ เพราะเขามันคือผู้ชายที่รักสนุกแต่ไม่ผูกพัน จึงไม่ค่อยเข้าใจอาการผิดหวังเรื่องความรักของเพื่อนสักเท่าไหร่
“ไอ้ฮันเตอร์มันไม่เป็นอะไรหรอก...อย่างมากก็แค่กลายเป็นคนมีหัวใจ...แต่ไร้ความรู้สึกเหมือนกู”
คาร์เตอร์เงียบไปหลังจากพูดประโยคนั้นจบ ประโยคสั้นๆ ที่ปนไปด้วยความเจ็บปวดที่ไม่มีวันจางหาย ความเจ็บปวดที่รอว่าสักวัน เธอ คนนั้นจะกลับมาตอบคำถามของเขา ว่าทำไมต้องทิ้งเขาไป เขาทำอะไรผิดเธอถึงได้เลือดเย็นขนาดนั้น
แววตาหม่นหมองเจือความเจ็บปวดจ้องมองลงไปที่นาฬิกาบนข้อมือที่เขาใส่เป็นประจำ ราวกับว่าเขากำลังรอคอยเจ้าของนาฬิกาเรือนนี้กลับมาทุกวัน ด้วยความหวังว่าสักวันเขาจะได้เจอเธออีกครั้ง คนที่เขายังรักไม่เคยเปลี่ยน