พลาดท่า ยาอันตราย

1875 Words
ปกติเวลากลางคืนมักเป็นช่วงเวลาที่ฉันชอบที่สุด ทว่าตั้งแต่ย้ายมาอยู่หอพักคนเดียวฉันก็ไม่ค่อยชอบมันสักเท่าไหร่ นั่นเป็นเพราะว่ามันทั้งเงียบ และเหงา จะโทรหาเพื่อนเก่าก็ไม่ว่าง จะโทรเล่นกับยัยตอง ยัยนั่นก็ต้องอ่านหนังสือในช่วงเย็น ครั้นจะโทรคุยกับพี่อลัน เขาก็ดันยุ่งกับงานที่บริษัทอีก นี่จึงเป็นเหตุผลให้ฉันอาบน้ำและเตรียมจะเข้านอนตั้งแต่ยังไม่ทันเข้าสามทุ่ม แต่จังหวะที่ฉันเตรียมจะปิดไฟ จู่ ๆ เสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา ฉันจึงคว้ามันขึ้นมาดูก่อนจะขมวดเรียวคิ้วเล็กน้อย “มิลลิ ทักมาทำไมวะ” ยัยนั่นเป็นเด็กไฮโซที่อยู่ในห้องเดียวกัน เรามีโอกาสได้คุยกันบ้าง แต่ไม่สนิท เพราะยัยนั่นดูเป็นคนแรง ๆ หน่อย เป็นประเภทที่ชอบยั่วผู้ชายไปทั่วและออกแนวล่าแต้ม ไม่ใช่สไตล์ที่ฉันอยากเข้าหามากนัก (ว่างไหม) “กำลังจะนอนแล้ว มีอะไรเปล่า” ข้อความที่เพิ่งส่งไปถูกเปิดอ่านในทันที รอเพียงอึดใจเดียวปลายทางก็ส่งข้อความกลับมา (มาดื่มเป็นเพื่อนหน่อยสิ อยู่ผับข้างมอ) ฉันเม้มปากเล็กน้อยเพื่อครุ่นคิด ก่อนจะต่อสายหาก้านตอง เผื่อว่ายัยนั่นอยากออกไปเปิดหูเปิดตาด้วยกัน แต่ปลายสายกลับไม่มีคนรับ ถ้าไม่หลับไปแล้วก็คงกำลังอ่านหนังสืออยู่แน่ ๆ (วันนี้วันเกิดฉันน่ะ เพื่อนมาน้อยมาก มาเป็นเพื่อนกันหน่อยนะ) ฉันพิมพ์ข้อความเตรียมที่จะปฏิเสธออกไปแล้ว แต่พอถูกรบเร้าแบบนี้ก็อดใจอ่อนไม่ได้ เลยต้องลบข้อความแล้วพิมพ์ส่งไปใหม่ “ส่งพิกัดมาแล้วกัน อีกสิบนาทีจะออกไป” กะทันหันแบบนี้จะไปเตรียมของขวัญวันเกิดทันได้ไงเล่า แต่ก็ยังแปลก ๆ อยู่ดีที่ยัยนั่นทักมาชวนฉัน (ขอบใจมากนะเพื่อนรัก รีบมานะรออยู่) “เพื่อนรัก? สนิทกันตอนไหนวะ” ฉันพึมพำกับตัวเองเสียงเบาพลางขมวดคิ้วงุนงงอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นมาแต่งหน้าแต่งตาลวก ๆ กะว่าจะไปดื่มสักชั่วโมงแล้วกลับมานอน ช่วงนี้รู้สึกเครียด ๆ ด้วย ออกไปเปิดหูเปิดตาสักหน่อยเผื่อจะรู้สึกดีขึ้น ฉันใช้เวลาแต่งตัวไม่นานก็ลงมายืนโบกรถที่หน้าหอพัก และนั่งรถมาไม่นานก็ถึงที่หมาย ผับนี้เป็นผับดังที่อยู่ฝั่งซ้ายของมอ ใกล้ ๆ หอพักยัยก้านตองเลย แต่ยัยนั่นคงจะไม่สะดวกมา “ออมสิน ทางนี้ ๆ” คนตัวเล็กกระโดดโลดเต้นพร้อมกับโบกไม้โบกมือเรียก แต่ที่ทำให้ฉันนิ่งชะงักไปอย่างชั่งใจ คือกลุ่มผู้ชายที่ยืนรายล้อมเธอเอาไว้อยู่ ถึงจะมีผู้หญิงบ้างประปรายก็เถอะ “ขอบใจที่มานะแก” ยัยมิลลิโน้มเข้ามากอดฉันอย่างสนิทสนม ก่อนจะดึงแขนไปนั่งลงเก้าอี้ที่กลุ่มผู้ชายกำลังเพ่งมองมาที่ฉันราวกับเสือที่กระหายในกลิ่นเนื้อ ฉันพลาดจริง ๆ ที่หลงคารมยัยนี่ถึงได้ตามมา “ไหนบอกว่าไม่มีเพื่อนไง” ฉันเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “อ๋อ พวกไอ้พีทมันมาเซอร์ไพรส์น่ะ เพิ่งจะมาถึงก่อนแกเมื่อห้านาทีนี่เอง เนอะ” เธอโน้มไปกอดคอคนชื่อพีทพร้อมกับขยับขึ้นไปนั่งตักอีกฝ่าย ทำเอาฉันปั้นหน้าไม่ถูกเลยหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม “ถ้าแกมีเพื่อนแล้ว ฉันกลับก่อนนะ” ฉันเตรียมจะลุกพรวดออกไป แต่ผู้ชายที่ชื่อพีทกลับคว้าข้อมือของฉันเอาไว้จนฉันสะดุ้ง “เดี๋ยวสิ! ไหน ๆ ก็มาแล้ว ดื่มด้วยกันก่อน สักสิบนาทีก็ได้” ยัยมิลลิแสดงสีหน้าตกใจเล็กน้อย ก่อนจะดึงมือคนชื่อพีทออกแล้วขยับเข้ามากุมมือของฉันแทน “แค่สิบนาทีเองแก นะ ๆ” ฉันเกลียดตัวเองที่สุดในตอนที่ชอบใจอ่อนให้กับทุกคน แม้ว่าเปลือกนอกฉันจะแข็งกระด้างแค่ไหน แต่พอมีใครมารบเร้าหรือเว้าวอนก็มักจะได้ในสิ่งที่ต้องการไปจากฉันเสมอ “อืม ๆ แค่สิบนาทีนะ” “เย่ น่ารักที่สุด ไอ้บอย เทเหล้าให้เพื่อนรักกูดิ๊” ประโยคหลังเธอหันไปพูดกับเพื่อนผู้ชายที่นั่งอยู่ใกล้ขวดเหล้าที่สุด “ได้ครับเจ้” ฉันผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ อย่างปลงตก ก่อนจะยอมนั่งลงแล้วกระดกเหล้าเข้าไปเพื่อดับกระหาย ระหว่างนี้ก็ไม่พูดคุยหรือทำตัวเป็นมิตรกับใครเลย ใครถามมาก็แค่ตอบไปส่ง ๆ เข็ดจริง ๆ กับเรื่องแบบนี้ ต่อไปจะไม่หาเหาใส่หัวตัวเองอีก “สิบนาทีแล้ว ฉันไปก่อนนะ” “ให้ฉันไปส่งไหม?” “ไม่ต้อง ๆ ฉันไปเองได้ สุขสันต์วันเกิดนะแก” ว่าแล้วก็ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ ก่อนจะนิ่งค้างไปเพราะมึนหัวกะทันหัน จำได้ว่ากินเข้าไปไม่ถึงสี่แก้ว นี่มันเหล้าอะไรวะเนี่ย ทำไมถึงแรงขนาดนี้ “เป็นไรเปล่า” “ปะ เปล่า กลับละ” ฉันสะบัดหัวไล่ความมึน แต่ยิ่งสะบัดก็ยิ่งรู้สึกว่ามันตาลายแปลก ๆ นาทีนี้ฉันควรที่จะพาตัวเองกลับหอให้เร็วที่สุด จึงพยายามแหวกผู้คนที่กระโดดโลดเต้นไปตามเสียงเพลงออกมา “ทำไมร้อนจังวะ” ฉันอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมาพัดตามลำคอ เหงื่อเริ่มชุ่มออกมาอย่างผิดสังเกต คอเริ่มแห้งผาก หวังว่าคงไม่ใช่อย่างที่คิดนะ จากที่แค่ตาลาย ในตอนนี้ฉันกลายเป็นคนเมาอย่างเต็มรูปแบบ ถึงขนาดที่ไม่สามารถเดินไปข้างหน้าได้ จึงต้องหยุดแล้วยืนพักที่หน้าผับก่อน “ให้ไปส่งไหม” ในขณะที่ฉันกำลังยืนพิงหลังไปกับผนังหน้าผับ จู่ ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาและเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง แต่ทันทีที่ฉันเงยหน้าขึ้นไปมอง และเห็นว่ามันคือผู้ชายที่ชื่อพีท ฉันก็เริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัย “ไม่ต้อง!” น้ำเสียงห้วน ๆ เอ่ยบอกในขณะที่พยายามพาตัวเองออกมาโบกรถยังถนน แต่กลับถูกผู้ชายคนเดิมเดินเข้ามาคล้องเอวอย่างถือวิสาสะ “เธอเมามากแล้วนะ ให้เราไปส่งดีกว่า” พึ่บ! “ในเหล้ามีอะไร” ฉันเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมาทันทีที่ผลักอกผู้ชายคนนั้นออกไปพ้นตัว แต่กลับเป็นฉันเสียเองที่เซไปด้านหลังจนเกือบล้ม “จะมีอะไรล่ะ ก็มีน้ำแข็งไง” “มึงเอายาอะไรใส่ให้กูกิน” คนเจ้าเล่ห์กระตุกยิ้มร้าย พร้อมกับจ้องมองฉันที่กำลังรู้สึกกระหายในเรื่องที่หน้าอาย ฉันเดาจากอาการของตัวเองแล้วก็ไม่ต้องรอคำตอบอื่น เพราะมันชัดเจนแล้วว่าฉันโดนยาปลุกเซ็กซ์ “หึ ๆ รู้แล้วก็ดี ไปขึ้นสวรรค์กับพวกเราดีกว่านะ กว่ายาจะหมดฤทธิ์ ก็น่าจะวนได้สิบสองคนพอดี” “ชาติหมา! ช่วย... อุ๊บ!!” คนร่างใหญ่รู้ทันว่าฉันจะทำอะไร เขารีบพุ่งเข้ามาทาบมือปิดปากพร้อมกับออกแรงกระชากฉันไปที่ลานจอดรถ “อื้ออ” แม้ว่าความอยากกระหายในกามจะพุ่งทะยานขึ้นสูงอย่างไต่ระดับ แต่ฉันยังมีสติยั้งคิด และต่อต้านการร่วมเพศโดยไม่สมยอมอย่างหัวชนฝา พึ่บ! ร่างเล็กถูกยัดเข้ามาในรถอย่างง่ายดายจนหน้าคะมำ ก่อนที่มันจะขยับเข้ามาคร่อมทับ แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรไปมากกว่านี้ ตัวของมันก็ถูกกระชากคอเสื้อออกไปจากรถโดยผู้มาใหม่ ก่อนที่ฉันจะได้ยินเสียงคนชกต่อยกันที่ด้านนอกรถ ผลัวะ ผลัวะ! “มึงจะหนีไปไหนไอ้สัตว์! มานี่” ฉันรีบลุกขึ้นมาอย่างลนลาน เตรียมจะวิ่งหนี แต่พอเห็นว่าผู้มาใหม่เป็นใคร ฉันก็รีบพุ่งเข้าไปหาเขาพร้อมทั้งทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ออกมา ส่วนไอ้พีท มันโดนยำด้วยเท้าจนเละนอนคุดคู้หมดสภาพอยู่ที่พื้นแล้ว “ฮึก! พี่เรส” เขาไม่พูดอะไรกับฉันสักคำ รีบกระชากแขนฉันอย่างแรงด้วยความฉุนเฉียว ก่อนจะลากฉันมายัดใส่รถแล้วเหยียบคันเร่งออกไปอย่างรวดเร็ว “เธอนี่มันขาดผู้ชายไม่ได้จริง ๆ สินะออมสิน!!” คนขบฟันกรามแน่นไม่แม้แต่จะหันมาดูอาการว่าฉันกำลังนั่งหายใจแรงแค่ไหน “น้ำ... ขะ ขอน้ำ” มือที่สั่นเทาแตะสัมผัสตักอีกฝ่าย ก่อนที่เขาจะหันมามองหน้าฉันและเลี้ยวรถเข้ามาในซอยเปลี่ยวที่มืดสนิท “ทำไมเป็นแบบนี้ ไปทำอะไรมา” “เอาน้ำให้หน่อย ไม่ไหวแล้ว” ฉันไม่ตอบ แต่พยายามควานมือไปหยิบขวดน้ำที่อยู่ฝั่งเขา พอได้ขวดน้ำมาแล้วก็รีบเปิดฝาและดื่มอย่างกระหาย พลันเอื้อมมือไปเพิ่มแอร์ขึ้นจนสุด ภายใต้สายตาของพี่เรสที่จ้องไม่วาง “นี่โดนยาปลุกเซ็กซ์มาเหรอ?” ฉันไม่ตอบ เอาแต่นั่งนิ่งพยายามยับยั้งอารมณ์ที่พุ่งทะยานขึ้นสูงอย่างไม่มีทีท่าว่าจะลดลงได้เอง “งั้นไปโรงพยาบาล” “ไม่ได้นะ! เดี๋ยวพ่อรู้” ฉันเด้งตัวขึ้นมาเกาะแขนเขาพร้อมกับอ้อนวอนสุดฤทธิ์ “รู้ก็รู้ไปสิ อยากทรมานจนตายหรือไง” “แต่พ่อออมกำลังป่วย ออมไม่อยากให้เขาคิดมาก” ในตอนแรกดูเหมือนเขาจะไม่ยอมง่าย ๆ แต่พอได้ฟังเหตุผลจึงหันไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาใครบางคน “ไอ้ไทน์ ถ้าโดนยาปลุกเซ็กซ์ต้องแก้ไงวะ” เขารีบกรอกเสียงลงอย่างร้อนใจ แต่อีกฝ่ายยังเอาแต่เล่นสร้อยอย่างใจเย็น (ใครโดนยาปลุกเซ็กซ์วะ ให้กูไปร่วมแจมด้วยเปล่า) “ไอ้ห่า! กูไม่ตลก กูถาม!!” เสียงตะคอกที่ดังขึ้นอีกระดับทำเอาพี่ไทน์กลับเข้าสู่โหมดจริงจังโดยอัตโนมัติ (ก็มีเช็ดตัวด้วยน้ำเย็นอะ แล้วก็ถ้าเขาอยากอะไรก็จัดให้แบบนั้นแหละ) “มึงหมายถึง...” (เออนั่นแหละ คนเ****นก็ต้องแก้เ****นสิวะ ถ้าเ****นแล้วไปแก้บนก็คงไม่หายหรอก) “...” พี่เรสนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วกดวางสาย ก่อนจะหันมามองหน้าฉันที่กำลังทุรนทุรายด้วยฤทธิ์ยาอย่างเต็มระบบ “อดทนก่อนนะ เดี๋ยวจะพากลับห้อง” “กลับห้องไม่ไหวแล้วพี่เรส” ฉันรั้งมืออีกฝ่ายที่กำลังจะยกขึ้นมาจับพวกมาลัยด้วยเสียงกระเส่า ก่อนจะนำมือหนาขึ้นมาทาบใส่เนินอกที่แน่นจนเกือบทะลัก “ตรงนี้เลยได้ไหม?” “...”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD