คงเป็นแค่ความกังวล

1392 Words
“วิวมีผ้าอนามัยให้ยืมไหม” นัยนากระซิบถามวิรัลพัชรที่กำลังนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์อย่างตั้งใจ “มีสิ” หญิงสาวรีบเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานของตัวเองแล้วส่งผ้าอนามัยให้เพื่อน “ขอบใจนะเดี๋ยวจะซื้อมาคืนให้” “ไม่เป็นไรหรอกปอนด์” เมื่อนัยนาเดินออกจากโต๊ะทำงานเธอไปแล้ววิรัลพัชรก็เปิดลิ้นชักดูอีกครั้งปกติแล้วเธอจะเตรียมผ้าอนามัยไว้ในลิ้นชักแบบนี้อยู่เสมอแต่จำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ตัวเองหยิบมาใช้มันตอนไหนกันแน่เพราะจำนวนผ้าอนามัยยังคงเยอะอยู่ทั้งที่เดือนนี้เธอไม่ได้ซื้อมาเพิ่มเลย หญิงสาวหญิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูปฏิทินที่บันทึกวันที่เป็นประจำเดือนของตนเองไว้ก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าเดือนนี้เธอยังไม่เป็นประจำเดือน แต่เดือนที่แล้วเธอก็มีประจำเดือนตามปกติเพียงแต่ไม่ได้มากเหมือนกับทุกครั้ง วิรัลพัชรหน้าเครียดเมื่อดูจากปฏิทินแล้วเดือนนี้ประจำเดือนของเธอมาช้ากว่ากำหนดถึงสิบวัน ซึ่งปกติแล้วหญิงสาวเป็นคนที่มีประจำเดือนไม่ค่อยตรงตามเวลาเท่าไหร่ แต่ก็ไม่เคยมาช้าแบบนี้ หญิงสาวเริ่มเป็นกังวลว่าตนเองจะตั้งครรภ์หรือเปล่าแต่ความเป็นไปได้มันก็น้อยมากเลยเพราะเมื่อเดือนที่แล้วเธอยังมีรอบเดือนถึงแม้มันจะเป็นรอบเดือนเพียงแค่วันเดียวก็ตาม เธอคิดว่าตัวเองคงไม่ซวยขนาดนอนกับผู้ชายคืนเดียวแล้วท้องถึงแม้ว่าคืนนั้นผู้ชายที่เธอนอนด้วยเขาจะไม่ได้ป้องกันก็ตาม หลังจากกลับมาจากเกาะพงันหญิงสาวรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ตนเองทำลงไปมากๆ แต่มันก็ไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้ ตอนนั้นเธอกังวลเรื่องท้องและเรื่องโรคติดต่อเป็นอย่างมากแต่กลับมาไม่นานเธอก็มีรอบเดือนหญิงสาวจึงวางใจว่าตนเองไม่ได้ตั้งครรภ์ ส่วนเรื่องโรคติดต่อเธอก็เพิ่งเข้าไปปรึกษาที่คลินิกเล็กๆ แห่งหนึ่งและผลเลือดออกมาเป็นปกติดีหญิงสาวจึงสบายใจขึ้นแต่ตอนนี้ก็มีอีกสิ่งที่กำลังเข้ามากวนใจ “วิวเป็นอะไรดูหน้าเครียดเชียว” หัวหน้าแผนกสังเกตว่าหญิงสาวนั่งจ้องโทรศัพท์ในมือมานานเกือบจะสิบนาทีแล้วก็ถามด้วยความเป็นห่วง “ขอโทษค่ะพี่นิดวิวคิดอะไรเพลินไปหน่อย” “งานใกล้จะเสร็จหรือยังล่ะ” “เสร็จแล้วค่ะเหลือแค่ตรวจทานอีกรอบ” “พี่ว่าตอนนี้หน้าตาเราดูเครียดมาก ไปพักเบรกสักหน่อยไหมแล้วค่อยกลับมาทำต่อ” “ไม่เป็นไรค่ะพี่นิดวิวคิดว่าจะทำให้เสร็จทีเดียวเลยดีกว่าค่ะ” หญิงสาวรีบบอกด้วยความเกรงใจ ปกติแล้ววิรัลพัชรเป็นคนที่ตั้งใจทำงานมากและไม่เคยเหม่อในเวลางานมาก่อน “ไม่ต้องเร่งหรอกนะงานของเราต้องการความละเอียดความรอบคอบ ถ้าถึงเวลาแล้วมันยังไม่เสร็จเย็นนี้ก็อยู่ทำโอทีก็ได้ วิวมีธุระไปไหนหรือเปล่า” “ไม่หรอกค่ะ” เมื่อหัวหน้าพูดแบบนั้นหญิงสาวก็ยิ้มเพราะการได้ทำโอทีมันก็เท่ากับว่าหญิงสาวจะได้เงินเพิ่ม ถึงแม้ตนเองจะมีเงินเก็บอยู่จำนวนหนึ่งจากการถูกลอตเตอรี่แต่อะไรที่ทำให้ได้เงินเพิ่มวิรัลพัชรก็ยินดีจะทำเพราะเธอมีแผนในอนาคตว่าอยากจะซื้อบ้านหลังเล็กๆ หรือไม่ก็ซื้อคอนโดสักแห่งเป็นของตัวเองเพราะไม่อยากจะจ่ายค่าเช่าทิ้งไปฟรีๆ เหมือนที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ วันนี้พนักงานในแผนกบัญชีเลิกงานกันในเวลาหนึ่งทุ่มพี่พนิดาหัวหน้าแผนกเลยพาทุกคนไปเลี้ยงข้าวก่อนจะขับรถไปส่งวิรัลพัชรที่หอพักซึ่งเป็นทางผ่านของเธอพอดี “ขอบคุณมากนะคะพี่นิดวันนี้เลี้ยงข้าววิวแล้วยังพาวิวมาส่งที่หอพักอีก” “ไม่เป็นไรจ้ะจริงๆ แล้วมันเป็นทางผ่านวิวจะติดรถพี่กลับบ้านทุกวันก็ยังได้เลย” “ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่วิวเกรงใจ” “พี่รู้จ้ะ แต่ถ้าวันไหนเหนื่อยมากๆ ขี้เกียจนั่งรถไฟฟ้ากลับก็บอกพี่นะ พี่จะแวะมาส่ง” “ขอบคุณค่ะพี่นิด” หญิงสาวยกมือไหว้ขอบคุณหัวหน้าแผนกและยืนรอจนกระทั่งเธอขับรถออกไป ขณะที่กำลังจะเดินขึ้นไปบนหอพักวิรัลพัชรก็เปลี่ยนใจหันหลังกลับเพื่อเดินไปยังร้านขายยาที่อยู่ทางด้านหน้า หญิงสาวอยากจะตรวจให้แน่ใจว่าตนเองไม่ได้ตั้งครรภ์อย่างที่เป็นกังวล ร้านขายยาในเวลาดึกมีเภสัชกรผู้หญิงประจำอยู่หน้าร้าน เธอเดินเข้าไปบอกกับว่าต้องการซื้อที่ตรวจครรภ์ เมื่อได้ของที่ตนเองต้องการหญิงสาวก็กลับขึ้นมาบนห้อง เธอศึกษาวิธีการตรวจอย่างละเอียดและคิดว่าพรุ่งนี้เช้าจะรีบตื่นนอนมาตรวจเพราะข้างกล่องระบุไว้ว่าการตรวจที่แม่นยำที่สุดก็คือการตรวจในตอนเช้าและโชคดีมากๆ ที่พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์หญิงสาวก็เลยไม่จำเป็นจะต้องรีบไปทำงาน ตลอดทั้งคืนวิรัลพัชรเอาแต่นอนกังวลเรื่องว่าตนเองจะท้องหรือเปล่าและถ้าเธอท้องเธอจะทำยังไงต่อไปหญิงสาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหาข้อมูลเกี่ยวกับการตั้งครรภ์เพื่อเปรียบเทียบอาการของตนเองว่าที่ผ่านมาตัวเองรู้สึกแบบนั้นหรือเปล่าแต่มันก็ไม่มีอะไรบ่งบอกมากเท่าไหร่เธอไม่มีอาการแพ้ท้องไม่เวียนหัวหรือคลื่นไส้ อาเจียนเหมือนที่คนส่วนใหญ่เป็นเลยสักนิด อีกทั้งร่างกายของเธอก็ยังปกติหน้าท้องก็ยังไม่นูนขึ้นมาเธอคิดว่าบางทีการที่ประจำเดือนเธอไม่มาอาจจะเป็นเพราะช่วงนี้เธอเครียดเรื่องงานมากๆ ก็เป็นได้ แต่วิรัลพัชรก็คิดเผื่อไว้ว่าถ้าหากตนเองตั้งครรภ์จริงๆ จะทำยังไงต่อ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้ชายคนนั้นมีชื่อจริงว่าอะไรเป็นใครและทำงานอยู่ที่ไหน เธอรู้แค่ว่าเขาชื่อนนท์และหลังจากนอนกับเขาแล้ววันรุ่งขึ้นเธอก็ไม่เห็นเขาอีกเลย ถ้าหากผลการตรวจออกมาว่าเธอตั้งครรภ์จริงๆ วิรัลพัชรก็ควรจะต้องยอมรับความจริงและเลี้ยงลูกด้วยตัวเองเองแม้ว่าลูกจะเกิดจากความผิดพลาดแต่เด็กก็ไม่ได้มีความผิดอะไรเธอคงไม่กล้าจะเอาเด็กออกถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีกฎหมายการทำแท้งที่ถูกต้องแล้วก็ตาม วิรัลพัชรคิดว่าเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวในสังคมปัจจุบันไม่ใช่เรื่องที่น่าอายอีกต่อไปเธอยินดีจะเลี้ยงดูลูก และให้ความรักกับเขาอย่างเต็มที่แต่อีกใจหนึ่งก็ภาวนาว่าขอให้สิ่งที่เธอกำลังคิดอยู่นี้ไม่ใช่เรื่องจริงขอให้มันเป็นเพียงแค่ความกังวลเท่านั้น เธอนอนพลิกไปพลิกมาบนเตียงอยู่นานแต่ก็ยังไม่สามารถข่มตาให้นอนหลับลงได้เลย หญิงสาวอยากจะเล่าเรื่องนี้ให้กับใครฟังสักคนฟัง อยากจะหาใครสักคนที่จะปรึกษาแต่ก็ไม่รู้จะเล่าให้ใครฟัง เพราะตัวเองก็ยังไม่แน่ใจ แต่ถ้าค่ะพรุ่งนี้ตรวจแล้วว่าตนเองตั้งครรภ์ก็คงจะต้องหาใครสักคนให้คำปรึกษาในเรื่องนี้ หญิงสาวคิดไปถึงมารดาของตนเองแต่ก็ส่ายศีรษะเพราะมันเป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะไปปรึกษาหรือขอความช่วยเหลือจากท่าน เพราะครั้งล่าสุดที่เธอไปเจอกับมารดาและเอาเงินไปให้ท่านก้อนหนึ่งครอบครัวของท่านกำลังวางแผนจะย้ายไปอยู่ต่างประเทศเนื่องจาก สามีใหม่ของท่านจะย้ายไปอยู่กับลูกสาวที่ประเทศสหรัฐอเมริกา อีกอย่างเธอกับมารดาก็ไม่ค่อยสนิทกัน การจะบากหน้าไปขอคำปรึกษาหรือไปขอความช่วยเหลือมันก็ไม่สนิทใจเท่าไหร่ วิรัลพัชรนอนคิดและวางแผนการใช้ชีวิตต่อจากนี้อยู่นานก่อนจะเผลอหลับไปและสะดุ้งตัวตื่นมาอีกครั้งในตอนเช้า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD