เช้าวันอาทิตย์คุณานนท์ไม่ต้องไปทำงานแต่ชายหนุ่มก็ตื่นนอนแต่เช้าเพราะรู้สึกอยากจะอาเจียน อาการของเขาเป็นแบบนี้มาหลายวันแล้วแม้จะทานยาที่คุณหมอให้มาแต่มันก็ไม่ดีขึ้นเลย เขาเริ่มเป็นกังวลว่าตัวเองจะป่วยเป็นอะไรมากหรือเปล่าและคิดวันนี้จะเข้าไปปรึกษากับคุณหมอที่โรงพยาบาลอีกครั้ง ชายหนุ่มไม่ชอบอาการที่เป็นอยู่นี้เลยเพราะมันทำให้เขาทำงานไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่
หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วคุณานนท์ก็เดินลงมาทานอาหารเช้ากับคุณย่าตามปกติ
“หน้าซีดลงมาอีกแล้ว ย่าว่าอาการเราไม่น่าจะไหวแล้วนะนนท์” คุณชมนาดมองหลานชายแล้วก็รู้สึกเป็นห่วงไม่ได้แต่ในใจเธอก็ยังคิดอยู่ว่าอาการของคุณานนท์นั้นเหมือนกับอาการแพ้ท้องแทนภรรยาแต่ชายหนุ่มก็ไม่ยอมรับว่าตัวเองไปแอบมีภรรยาซ่อนไว้ที่ไหน
“เช้านี้ป้าอาหารฝรั่งให้คุณนนท์นะนะ มีไส้กรอก ไข่ดาว ขนมปังปิ้งแล้วก็น้ำส้มคั้นสดๆ ค่ะ คุณนนท์จะได้ไม่คลื่นไส้”
“ขอบคุณครับป้าสำรวยแล้วคุณย่าไม่กินเหมือนผมเหรอครับ”
“ย่าไม่ถนัดกินของพวกนั้นหรอก ย่าขอเป็นข้าวต้มดีกว่าแต่ย่าไม่ได้ใส่กระเทียมเจียวนะ ย่ารู้ว่านนท์ไม่ชอบกลิ่นของมัน”
“คุณย่าครับ ผมขอโทษนะครับที่ทำให้คุณย่าต้องอดกินของอร่อย”
“ไม่เป็นไรหรอกลูก ย่าไม่อยากเห็นนนท์วิ่งไปอาเจียนอีกรีบกินเถอะนะเดี๋ยวขนมปังจะไม่กรอบ”
“ครับคุณย่า”
“กินข้าวเสร็จแล้วถ้าพอมีเวลานนท์ไปหาหมออีกสักครั้งได้ไหม อาการแบบนี้มาทั้งอาทิตย์แล้วนะ”
“ผมว่าสายๆ จะเข้าไปหาหมอที่โรงพยาบาลครับคุณย่า ผมก็ไม่ชอบอาการที่เป็นอยู่เลย ตื่นมาอาเจียนทุกเช้าแบบนี้ไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่”
“ย่าก็คิดแบบนั้น ไปตรวจร่างกายให้ละเอียดว่าเป็นอะไรกันแน่ ถ้าผลตรวจออกมาปกติก็ลองทบทวนเรื่องที่เราเคยคุยกันไว้ด้วยนะ”
“เรื่องที่ผมแพ้ท้องแทนเมียเหรอครับย่า”
“ใช่จ้ะลูก อาการของนนท์เหมือนอาการของคุณปู่ตอนที่ย่าตั้งท้องพ่อของนนท์มากเลยนะ”
“คุณปู่ก็เป็นแบบนี้เหรอครับ”
“เป็นหนักว่านี้อีก ปู่ลุกไปทำงานไม่ไหวจนต้องโทรศัพท์ไปสั่งให้พยาบาลเอาน้ำเกลือมาให้ที่บ้าน”
“แล้วนานไหมครับกว่าอาการจะหาย”
“ย่าจำได้ว่านานเหมือนกันนะ”
“ผมหวังว่าจะไม่ใช่แบบนี้คุณย่าคิดนะครับ” คุณานนท์ไม่เชื่อว่าอาการของเขาจะเป็นเหมือนคุณปู่และวันนี้เขาจะต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลให้รู้เรื่องว่าตนเองป่วยเป็นอะไรกันแน่
“มันก็ไม่แน่นนท์” คุณชมนาดเริ่มมั่นใจมากว่าว่าหลานชายของตนเองน่าจะไปทำผู้หญิงที่ไหนท้องและเธอก็อยากจะตามหาผู้หญิงคนนั้นให้เจอเพราะกลัวเหลือเกินว่าเธอจะไปเอาเด็กออก
คุณานนท์ไม่ได้คุยอะไรต่อตอนนี้เขาเริ่มจะคิดตามที่ท่านพูดแล้วแต่ก็ยังไม่ปักใจเชื่อ
หลังรับประทานอารเช้าเสร็จคุณานนท์ก็มานั่งเล่นกับคุณย่าที่ห้องนั่งเล่น
“คุณย่าอยู่ในบ้านมาตลอดแบบนี้ไม่เบื่อเหรอครับ”
“ไม่เบื่อหรอกย่ามีอะไรให้ทำเยอะแยะเบื่อจากการถักโคเชด์ย่าก็ออกไปดูแลต้นไม้ ดอกไม้นนท์ถามย่าแบบนี้มีอะไรหรือเปล่า”
“ผมอยากพาคุณย่าไปเที่ยวครับเราไปเที่ยวทะเลกันดีไหม”
“ย่าแก่แล้วไม่ชอบนั่งรถนานๆ หรอกและย่าก็ไม่ได้เบื่อเลยที่ต้องอยู่บ้านแบบนี้ ถ้านนท์อยากออกไปเที่ยวก็ออกไปได้เลยไม่ต้องเป็นห่วงย่า ไม่ต้องเกรงใจย่าหรอกนะ”
“ผมไม่อยากทิ้งให้คุณย่าอยู่คนเดียว”
“คนเดียวที่ไหนสำรวยก็อยู่เด็กรับใช้ก็มีช่วงนี้นนท์ไม่ค่อยออกไปดื่มกับเพื่อนเลยนะ หาเวลาผ่อนคลายบ้างนะลูก”
“ช่วงนี้ผมรู้สึกสุขภาพแย่ครับคุณย่าก็เลยไม่อยากจะออกไปดื่มเท่าไหร่ รอให้หาหมอตรวจร่างกายเสร็จผมว่าอยากจะไปเที่ยวพักผ่อนต่างประเทศสักหน่อย อยากชวนคุณย่าไปด้วยจัง”
“ขนาดแค่ทะเลย่ายังขี้เกียจนั่งรถไปลงถ้าต้องนั่งเครื่องไปต่างประเทศย่าคงไม่ไหวหรอก ถ้านนท์อยากหาคนเที่ยวด้วยก็หาแฟนสิ หรือจะชวนผู้หญิงที่พ่อกับแม่เราหาให้ไปเที่ยวก็ได้นะจะได้ศึกษาเรียนรู้นิสัยใจคอกันบางทีภาพลักษณ์ที่เราเห็นมันอาจจะไม่ใช่อย่างที่เราคิดก็ได้ เธออาจจะเป็นผู้หญิงที่เก่งทั้งเรื่องทำงานนอกบ้านเก่งทั้งเรื่องในบ้านถ้าได้ลองคุยกันมากขึ้นบางทีความรู้สึกของเราก็เปลี่ยนไปได้”
“ไม่ดีกว่าครับคุณย่าถ้าผมชวนตัวไปเที่ยวก็เท่ากับผมให้ความหวังกับเธอผมไม่อยากทำร้ายจิตใจเธอหรอกครับ”
“ไม่มีทางเปลี่ยนใจเลยเหรอนนท์”
“ไม่ครับคุณย่าผมรู้สึกว่าเธอยังไม่ใช่ และผมก็ไม่อยากจะฝืนคบกันหรอกครับมันจะทำให้เสียเวลาด้วยกันทั้งคู่”
ย่าหลานแลกเปลี่ยนทัศนคติในการใช้ชีวิตคู่อยู่พักใหญ่ก็ได้ยินเสียงรถเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน
“เหมือนรถพี่นันเลยครับคุณย่า”
“นั่นสิ”
คุณชมนาดชะเง้อคอมองไปยังประตูด้านหน้าแล้วเธอก็ยิ้มเมื่อเห็นว่าหลานสาวกำลังเดินเข้ามา
“สวัสดีค่ะคุณย่า นันคิดถึงคุณย่าจังเลยค่ะ” นันนภัสกอดคุณย่าและหอมแก้มของท่านอย่างประจบ
“คิดถึงย่าแต่ไม่ค่อยจะมาหาย่าเลยนะ”
“งานมันยุ่งมากๆ ค่ะ คุณย่าสบายดีมั้ยคะ”
“ย่าสบายดีแต่น้องชายของเรานั่นแหละ ไหนๆ นันมาแล้วก็ลองคุยกับน้องหน่อยนะว่าจะต้องไปตรวจอะไรเพิ่มหรือเปล่า”
“นี่ยังไม่หายอีกเหรอนนท์”
“ไม่เลยครับพี่ผมยังตื่นมาอาเจียนทุกเช้าเลย คุณย่ากับป้าสำรวยก็หาว่าผมแพ้ท้องแทนเมีย แต่ผมยังไม่มีเมียที่ไหนเลยนะ”
“ไม่ใช่ว่าแอบไปไข่ไว้ที่ไหนแล้วไม่รู้ตัวนะ” นันนภัสพูดแล้วหัวเราะเพราะรู้กิตติศัพท์ความเจ้าชู้ของน้องชายดี
“นี่พี่ก็เชื่อเรื่องที่คุณย่ากับป้าสำรวยพูดเหรอครับ พี่เป็นหมอนะจะเชื่อเรื่องแบบนี้ได้ยังไง”
“ใช่พี่เป็นหมอแต่เรื่องแบบนี้ทางวิทยาศาสตร์มันก็อธิบายได้นะ มันเกิดจากการที่คนเป็นพ่อเริ่มวิตกกังวล ตื่นเต้นที่จะมีสมาชิกใหม่ในครอบครัวและอาจจะรวมไปถึงความห่วงใยที่มีให้ทำกับคนเป็นแม่ ทำให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายเพิ่มขึ้นสูงจนทำให้เกิดอาการแพ้ท้องได้เหมือนกับคนเป็นแม่ยังไงล่ะ”
“แต่ผมยังไม่รู้เลยว่าผมไปทำใครที่ไหนท้องแล้วผมจะรู้สึกกังวลได้ยังไง”
“เรื่องนี้พี่เองก็ตอบไม่ได้เหมือนกันนะ”
“ย่าฟังเราส่งคนคุยแล้วปวดหัวถ้ายังไงย่าขอไปงีบในห้องหนังสือก่อนนะ เราสองคนคุยกันต่อเถอะ”
เมื่อคุณย่าเดินออกจากห้องรับแขกไปแล้วนันนภัสก็จ้องหน้าน้องชายเพื่อคาดคั้นจะเอาคำตอบที่แท้จริง
“นนท์พี่จริงจังนะ นนท์แอบมีเมียไว้ที่ไหนหรือเปล่า”
“ผมยังไม่เมียจริงๆ”
“ลองคิดดูดีๆ ว่าช่วงสองถึงสามเดือนมานี้ได้นอนกับผู้หญิงคนไหนแล้วไม่ป้องกันหรือเปล่า”