จะพาฉันไปดูคอนโด? ไปทำไมคอนโดของใครหรือเขาจะซื้อให้ฉัน ฉันเองก็อยากมีคอนโดเหมือนกันเคยขอคุณพ่อคุณแม่มาตั้งนานแล้วแต่พวกท่านยังมองไม่ออกถึงความจำเป็นจึงยังไม่อนุญาตที่จะซื้อให้ฉัน
ทานข้าวเสร็จเราสามคนก็เดินมาที่โรงหนังหนัง วันนี้มันเป็นหนังรักที่เกี่ยวกับเราสามคน การดำเนินเรื่องมันก็ดูเรียบง่ายเป็นเรื่องราวของวัยรุ่นหนุ่มสาว ฉันดูแล้วก็รู้สึกอินไปด้วยแม้แต่สองคนข้างๆ ก็นั่งเงียบมีแต่เสียงถอนหายใจที่เห็นนางเอกถูกกดดันว่าจะต้องเลือกใครสักคน
"ถ้าเป็นเธอระหว่างกอล์ฟกับคิมหันต์เธอจะเลือกใคร?"
"ถ้าฉันเป็นนางเอกของเรื่องนี้ฉันก็คงเลือกไม่ได้คนหนึ่งก็โตมาด้วยกันอีกคนก็คอยดูแล ถ้ามันได้รู้สึกรักไปแล้วต้องเลือกใครสักคนสุดท้ายคนที่เสียใจก็คือตัวนางเอกเอง"
"แต่ตอนจบเรื่องนี้เหมือนจะควบสองนะ"
"จริงเหรอนายถามแบบนี้อยากให้ฉันควบสองใช่ไหมนาวา"
นาวาหันมามองหน้าฉันทันทีแม้แต่พี่นาวินก็ด้วย ฉันยกมือขึ้นปิดปากแล้วหัวเราะเบาๆ ใครจะบ้ามีผัวพร้อมกันสองคน แค่คิดก็รู้สึกเจ็บมดลูกแล้ว
เกือบสองชั่วโมงที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ฉายอยู่บนหน้าจอ มันมีทั้งเสียงหัวเราะเสียงร้องไห้แต่โดยรวมแล้วฉันมองว่าความรักมันควรเปิดกว้างถ้าหากเรารักใครหากอยู่ด้วยกันแล้วมีความสุขก็ไม่จำเป็นต้องสนใจเสียงรอบข้างก็ได้แต่ในความเป็นจริงสังคมอาจจะไม่ได้เปิดกว้างหรือยอมรับสถานะนี้
หลังจากดูหนังจบแล้วทั้งสองพาฉันมาที่คอนโด มันเป็นคอนโดใหม่เหมือนเพิ่งจะซื้อได้ไม่นานฉันเดินสำรวจดูรอบๆ รู้สึกชอบแล้วก็ถูกชะตามากๆ เพราะมันมีสระว่ายน้ำส่วนตัวแม้จะไม่ได้ใหญ่มากแต่มันกลับดูดีดูหรูหราสมฐานะ
"คอนโดนี้เป็นของใครคะของพี่นาวินหรือของนาวา"
"ของพี่กับมันนี่แหละ คุณแม่ท่านซื้อเอาไว้ให้เผื่ออนาคตอยากออกมาอยู่ข้างนอกกัน"
"ดีจังแล้วพี่กับนาวาพาฉันมาที่นี่ทำไมแค่อยากอวดเหรอ ฉันก็คิดว่าพี่จะซื้อให้ฉันเสียอีก"
"อยากได้หรือเปล่าล่ะ ก็มาอยู่ด้วยกันเลยดีไหม"
พี่นาวินดึงฉันมานั่งตักแต่ฉันรีบลุกขึ้นเพราะกลัวว่านาวาที่นั่งอยู่จะไม่พอใจแต่พี่นาวินก็ยังดึงฉันนั่งลงเหมือนเดิมแถมยังกอดฉันต่อหน้านาวาด้วย
"พี่นาวินคะอย่าทำแบบนี้เดี๋ยวก็มีปัญหากับนาวาอีก"
"พี่แค่อยากกอด"
นาวาทำท่าไม่พอใจเขาลุกขึ้นแล้วเดินออกไปด้านนอก ไม่รู้ว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่ฉันรีบลุกจากตักของพี่นาวินจนพี่นาวินแอบหัวเราะกับอาการของฉัน สองขารีบก้าวเดินออกมาดูอาการของนาวาเสียหน่อย เดี๋ยวน้อยใจกระโดดตึกลงไปจะทำยังไง
"นาวานายเป็นอะไรของนาย"
"ถามจริงเธอไม่รู้สึกอะไรกับฉันบ้างเลยเหรอ ทำไมถึงปล่อยให้พี่นาวินกอดเธออยู่แบบนั้นล่ะ"
"เมื่อก่อนฉันยอมรับว่าฉันคิด ฉันรู้สึกดีที่ฉันมีนายแต่พักหลังมานายมองข้ามฉันตลอดเลย"
"เพราะความโง่ของฉันนี่แหละที่มันทำให้ฉันมองข้ามเธอไป ฉันขอโทษนะ"
นาวาขยับเข้ามากอดฉัน ฉันจึงลูบหลังเขาเบาๆ เพื่อปลอบใจฉันไม่โกรธเขาหรอกมันแค่น้อยใจแต่ความน้อยใจมันก็สะสมขึ้นมาเรื่อยๆ จนทำให้ฉันเริ่มถอยห่างจากเขาทีละนิด
"เรื่องน้ำชาฉันจะรีบจัดการไม่ให้น้ำชาเข้ามาวุ่นวายกับฉันอีก"
"ฉันว่านายแค่คุยไปตรงๆ ถ้านายไม่ได้คิดอะไรกับน้ำชาและเรื่องวันนั้นมันไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ ก็บอกกับน้ำชาว่าอย่าไปทำให้ใครเข้าใจผิดคิดว่านายจะเธอมีอะไรกันแค่นั้นก็น่าจะพอนะ"
"อืม.. เรื่องที่ฉันถามสรุปแล้วเธอจะเอายังไง"
"ฉันยังให้คำตอบใครไม่ได้หรอก ตอนนี้ฉันยังไม่ได้ปรึกษาผู้ใหญ่ยังไม่ได้คุยกับคุณพ่อคุณแม่ว่าการหมั้นครั้งนี้มันสำคัญมากแค่ไหน"
"สำคัญสิ มันสำคัญมากเพราะผู้ใหญ่ทั้งสองฝั่งตกลงกันไว้แล้ว"
ฉันได้แต่ถอนหายใจพอมองเข้าไปด้านในก็เห็นพี่นาวินกำลังมองฉันอยู่เหมือนเขาไม่สบายใจที่เห็นฉันกอดกับนาวา ฉันจึงถอยออกมาแล้วให้นาวาเข้ามาคุยด้านในคุยกันต่อหน้าพี่นาวินนี่แหละ
"พี่นาวินพี่คิดว่าเรื่องนี้มันจะเป็นยังไง พวกเราจะทำยังไงกันดีคะ"
ทั้งสองมองหน้ากันทันที ฉันเองก็พูดอะไรไม่ออกเพราะตัวฉันเองก็สนิทกับพวกเขาทั้งสองคนถ้าจะต้องให้เลือกใครฉันเองก็ลำบากใจ
"ถ้าเลือกไม่ได้ก็ไม่ต้องเลือก"
"มึงพูดอะไรไอ้วา"
"ก็พูดเรื่องจริงไง ในเมื่อนีน่าเลือกไม่ได้ก็ลองอยู่ด้วยกันไปเลยเผื่อจะได้รู้ใจตัวเอง"
"อยู่ด้วยกันสามคนเหรอ!"
ฉันถามด้วยความตกใจเกิดมาตั้งชีวิตไม่เคยเจออะไรแบบนี้เลย ที่สำคัญเหมือนสองพี่น้องคู่นี้จะปรึกษาเรื่องนี้กันมาแล้วด้วย
"ฉันว่าคุณพ่อฉันคงไม่ยอมค่ะ"
"พี่คุยกับคุณอาแล้วครับ คุณอาบอกว่าอยู่ที่นีน่าจะตัดสินใจ"
"คุณพ่อพูดจริงเหรอคะ"
"ฉันเป็นพยานได้พ่อเธอไม่ได้ติดว่าเธอจะเลือกใคร ท่านยังแซวฉันเลยว่าสงสัยจะได้ลูกเขยพร้อมกันสองคน"
คุณพ่อฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ สรุปแล้วที่พวกเขาพาฉันมาที่นี่ก็เพราะว่าอยากให้ฉันมาอยู่ที่นี่กับพวกเขางั้นเหรอ
"ฉันว่า... มันจะไม่ดีมั้ง"
"ยังไม่ได้ลองเลยเธอจะรู้ได้ไงว่ามันไม่ดี"
"เรื่องนี้พี่เห็นด้วยกับไอ้วานะ"
"ทีแบบนี้พี่กับนาวาเข้าร่วมกันเฉย!"