ตอนที่ 6 วันนี้ไปที่คอนโด

1489 Words
“ไปสิคะ นี่ก็จะสายแล้วนะคะ” งั้นก็นั่งเงียบ ๆ แล้วอย่าพูดจากวนโมโหอีก" “ไม่ว่าอายจะพูดอะไรหมอก็โกรธหมดนั่นแหละค่ะ สู้ไม่พูดดีกว่า” อายติดกระดุมกลับไปพร้อมกับเลื่อนเบาะขึ้นมาแล้ว เขาดึงถุงที่อยู่ด้านหลังและเอาออกมาให้เธอ ยังเป็นถุงจากแบรนด์ดังอีกเหมือนเคยซึ่งเธอต้องขมวดคิ้ว “นี่อะไรคะ” “แค่เสื้อคลุมคงใส่ได้นะ ถ้ายังมีปัญหาอีกคงต้องย้ายที่ฝึกงานแล้วจริง ๆ” “เสื้อคลุมแต่แชลแนลรุ่นล่าสุดเนี่ยนะคะ” “ทางแยกข้างหน้าเลี้ยวขวาไปที่ทำงานของเธอ ทางซ้ายไปคอนโดเลือกเอาว่าใส่หรือไม่ใส่” มีครั้งไหนบ้างที่เขาจะไม่บังคับเธอแบบนี้ อายจำเป็นต้องหยิบเสื้อคาดิแกนออกมาเพื่อสวมทับชุดนักศึกษาของเธออีกครั้ง เอาเถอะใส่ให้เขาเห็นสักหน่อยพอเข้าไปในตึกเขาก็ไม่เห็นแล้วเธอค่อยถอดออก เมื่อเห็นว่าเธอสวมแล้วเขาก็ดึงแขนขึ้นมาเพื่อป้องปากยิ้มอย่างพอใจโดยที่ไม่ให้เธอเห็น “ก็แค่นั้น เสื้อตัวเดียวจะอะไรนักหนา” “เสื้อตัวเดียวแต่ราคาหลายหมื่น เหอะใครเห็นเข้าคงนึกว่าเป็นเจ้าแม่แฟชั่น” “ก็ยังดีกว่าชุดสก๊อยส์เมื่อวานก็แล้วกัน” อายพ่นลมออกจมูกแต่ก็ไม่เถียงอะไรเขาอีก เธอไม่อยากคาดเดาอารมณ์ของเขาในตอนนี้เพราะไม่อยากไปสายตั้งแต่วันแรกที่รายงานตัว รถหรูขับเข้ามาจอดที่ด้านหน้าตึกขนาดใหญ่กลางกรุงเทพซึ่งเป็นเส้นที่แม้จะรถติดแต่ก็มีรถไฟฟ้าผ่าน “เลิกกี่โมง” “เดี๋ยวอายกลับเองก็ได้ค่ะรถไฟฟ้าจะสะดวกกว่า” “ดี งั้นวันนี้ก็ไปที่คอนโด” “แต่ว่าอาย…” “ยังไม่ได้ดับเครื่องรถนะ” อายรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร เขาจะปล่อยให้เธอลงหรือจะออกตัวในตอนนี้เลยก็ได้หากเธอคิดที่จะปฏิเสธ “ก็ได้ค่ะ” “อย่าเหลวไหลล่ะ เลิกแล้วรีบกลับ” เธอปลดเข็มขัดนิรภัยออกและเก็บของขึ้นมาพร้อมกับยกมือไหว้เขา “ขอบคุณที่มาส่งนะคะ” “อืม ตั้งใจทำงานล่ะ” อายเดินลงจากรถและปิดประตู พร้อมกับหันไปหาเสียงที่เรียกเธอด้านหลัง ไอรินทร์นั่นเอง เธอนั่งรถไฟฟ้ามาพร้อมกับวิ่งหอบจนตัวโยนมาหาเธอ “โอ๊ย!! เหนื่อยฉิ..หายเลย” “ริน แกนี่ก็นะ…ยังไม่สายสักหน่อยจะรีบไปไหน” “ก็เห็นแกแล้วก็เลยรีบวิ่งมากลัวว่าแกจะเดินเข้าไปก่อน ตึกนี่ใหญ่มากเลย” “อืม เหลืออีกเกือบชั่วโมง ไปหาอะไรกินกันก่อนไหม” “ดีเลยหิวกาแฟจะแย่แล้วไปเถอะร้อนมากเลย” “ไม่ร้อนได้ยังไงก็วิ่งมาซะหอบเหมือนหมาแบบนั้น” “ไอ้บ้า นี่เพื่อนนะ เพื่อนเองค่ะคนสวย” “อ่อค่ะเพื่อนไปค่ะเดี๋ยวเลี้ยงกาแฟ” “น่ารักอะไรแบบนี้ ยอมเป็นหมาก็ได้” “เห็นแก่กิน” พวกเธอเดินเข้าไปพร้อมกับสั่งกาแฟและแซนด์วิชมากินและนั่งคุยกันถึงเรื่องที่ทำงานใหม่ แน่นอนว่าเพื่อนสาวของอายไม่ลืมที่จะถามเรื่องของคุณหมอเจษ “ว่าแล้วเชียวทำไมฉันถึงไม่ซื้อหวยถูกเหมือนเดาเรื่องคุณหมอโหดนี่กันนะ” “แกเรียกเขาแบบนี้จนเคยปากแล้วนะ ระวังวันไหนเจอหน้าเข้าจริง ๆ จะหลุดปากนะ” “ว่าแต่แกไม่มีรูปเขาบ้างเลยเหรอ” เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อายไม่เคยคิดมาก่อน เขากับเธอเกี่ยวข้องกันแค่ทางกายแต่เธอไม่เคยนึกถึงเรื่องที่เพื่อนถามเลยสักครั้ง “ไม่อ่ะ ไม่มี” “เลยอดเห็นเลยไม่รู้ว่าหล่อขนาดไหนกันนะพ่อเทพบุตรสุดหื่นของเธอเนี่ย” “อย่ารู้เลย ไปกันเถอะวันแรกไม่ควรไปสายนะ” “โอเค” ที่ฝึกงานของพวกเธอดูอบอุ่นมากกว่าที่คิด รุ่นพี่และเพื่อน ๆ ต่างสถาบันอีกสองคนที่มาฝึกงานด้วยกันก็ดูเป็นมิตรมาก อีกทั้งงานก็ไม่ได้หนักมากกว่าที่คิด ตอนเที่ยงก็ยังมีงานเลี้ยงต้อนรับอีกด้วย “เอาล่ะ ๆ ดื่มน้ำอัดลมแทนนะน้อง ๆ เพราะเรายังต้องกลับไปทำงานต่อ แก้มกับหมิว อายกับริน พี่จำชื่อได้แล้วมา ๆ ดื่ม ๆ จากนี้ก็ตั้งใจทำงานกันนะ” “ขอบคุณค่ะพี่พีร์” “น้องอายนี่ทอดมันปลากราย อาหารขึ้นชื่อของที่นี่ มันอยู่ไกลพี่ตักให้นะ” “ขอบคุณค่ะพี่กันต์” กันต์เป็นรุ่นพี่ในที่ทำงานและเป็นพี่เลี้ยงให้กับทั้งสี่สาว แต่เขาดูจะสนใจอายมากเป็นพิเศษ ก็แน่ละแก้มกับ หมิวมีแฟนอยู่แล้วเลยไม่ได้สนใจใครที่นี่ ส่วนรินที่ห้าวเหมือนผู้ชายก็เป็นมิตรกับทุกคนจนทุกคนไม่กล้าจีบ “แหม…น้องมีสี่คนนะคะพี่กันต์ ไม่คิดว่าจะลำเอียงไปหน่อยเหรอคะ” “น้องริน อ่ะนี่ครับเดี๋ยวจะหาว่าลำเอียง” “เฮ้อ ตัวแถมอย่างเราเนี่ยนะ กุ้ง หมิว ขอน้ำจิ้มหวาน….หน่อยสิจ๊ะ” กุ้งกับหมิวหันมาขำกับคำพูดของรินที่แซวทั้งคู่ที่ตักอาหารให้กัน เขายังนั่งตรงข้ามกับอายและคอยตักอาหารให้อีกหลายอย่างและยังสั่งน้ำผลไม้มาให้เธอด้วยเพราะว่าเธอเป็นโรคกระเพาะไม่ดื่มน้ำอัดลม “ใส่ใจขนาดนี้ หรือว่าหนุ่มหล่อในแผนกครีเอทของเราจะมีแฟนกันนะ” “พี่พีร์ อย่าแซวเลยครับ” “แซวเล่น ๆ” เสียงหัวเราะของพวกเขาดังกลบทุกโต๊ะที่อยู่ในร้าน เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าของอายสั่นจนเธอต้องดึงออกมาเมื่อเห็นว่าเป็นสายจากใคร เธอถอนหายใจจนรินหันมาถาม “พ่อโทรมาสินะ” รินมองหน้าอย่างรู้ใจกับอายก่อนที่เธอจะพยักหน้าและขอตัวเดินออกไปรับสาย “ค่ะ” “กินข้าวหรือยัง” “กินแล้วค่ะ” “กินกับใคร” “กับริน” “กับใครอีก” “เพื่อน ๆ ที่ทำงาน” “แค่นั้น??” “คะ?? คุณหมอมีอะไรหรือเปล่าคะ ไม่เข้าเวรเหรอ ว่างเหรอคะ” “ถามก็ตอบสิ” “พี่ ๆ ที่ทำงานพามาเลี้ยงต้อนรับค่ะ” “เรื่องเยอะ แค่ไปทำงาน” “เพราะอายบอกว่าตอนเย็นอายต้องรีบกลับบ้าน พวกพี่ ๆ เลยพามาเลี้ยงตอนเที่ยงแทนค่ะ” เสียงกระแอมจากปลายสายทำให้อายรู้ว่าหมอเจษคงกำลังยิ้มอยู่และคงไอแก้เขินเป็นแน่ เสียดายที่เธอไม่เคยมีโอกาสได้เห็นรอยยิ้มนั้นเลยสักครั้ง “งั้น…กินให้อิ่ม ตอนเย็นอยากกินอะไร” “ทำไมคะ จะพาไปเลี้ยง” “อืม จะพาไปกิน ก็วันนี้…ทำงานเป็นวันแรกไม่ใช่เหรอ” “อยากกินพิซซ่า” “เลี่ยน” “อาหารฝรั่งเศส” “เบื่อ” “ซีฟู้ด” “รสจัดไปไม่ดีต่อกระเพาะ” “หมูกระทะ” “ตัวเหม็น” “กินอาย” “เจอกันที่คอนโดนะ วันนี้เลิกทุ่มนึงเตรียมกับข้าวด้วย” สุดท้ายก็ไม่ได้จะพาไปไหน แค่พูดไปอย่างนั้นเอง เธอก็ต้องเป็นคนซื้อของเข้าไปทำให้เขากินเหมือนเดิม หมอเจษเป็นคนไม่ชอบกินข้าวนอกบ้านอยู่แล้ว ที่ทำเป็นถามเพราะลองหยั่งเชิงเธอเท่านั้นซึ่งเธอก็รู้ทัน แต่ก็ไม่เคยกล้าคิดเกินเลยมากกว่านั้น เธอรู้ดีว่าเขาอยู่ไกลเกินเอื้อมเกินไป “ตึ๊ง!!” “เงินโอนเข้าบัญชี XXX-XXXX 8,000 บาท” “ค่าอาหารเย็นแพงอย่างกับมิชลิน ใช่ว่าจะกินอะไรได้เยอะสักหน่อย” ตลอดวันแรกของการทำงานไม่ได้มีอะไรกดดันมาก รุ่นพี่แค่พาทุกคนเดินแนะนำตัวทั่วทุกแผนกและแจกจ่ายงานที่รับผิดชอบซึ่งรินและอายมีกันต์และพี่หวานเป็นคนดูแลโปรเจคโฆษณาตัวหนึ่งเกี่ยวกับครีมกันแดดและต้องออกนอกสถานที่แต่อยู่ในช่วงการเตรียมงาน กว่าจะได้ออกงานไปจริง ๆ ก็น่าจะราว ๆ ใกล้จบการฝึกงาน “ครีมกันแดดตัวนี้พรีเซนเตอร์มีคือน้องกิฟต์นางแบบและดาราดังน้อง ๆ น่าจะรู้จักกันดี” “ว๊าว คนนี้ดังมากเลยนะคะ ชักตื่นเต้นแล้วสิคะ” “หึ อย่าตื่นเต้นเลย พวกดาราพวกนี้เอาใจยากสุด ๆ” “จริงเหรอคะพี่หวาน ทำไมเหรอคะนิสัยแบบดาราใช่ไหมคะ” “อาทิตย์หน้าพวกเขาจะเข้ามาบรีฟงานครั้งแรก เดี๋ยวเจอก็รู้เองแหละ อย่าให้พี่ฝอยเลย” “อาย…แกเป็นอะไรเงียบไปเลย” “ริน เมื่อกี้พี่หวานบอกว่าคนที่จะมาร่วมงานกับเราชื่อว่าอะไรนะ….กิฟต์เหรอ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD