การที่เขาอายัดบัตรของเธอ เพียงเพราะต้องการบังคับให้เธอกลับมาที่คฤหาสน์ แต่ใครจะคิดว่า ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ดูอ่อนโยน ไม่เคยพูดเสียงดังกับเขา กลับกล้าทำเรื่องแบบนี้ได้
เปลี่ยนไปในวันเดียว ทำให้เขาต้องมองเธอใหม่ด้วยความประหลาดใจ
หนึ่งพันล้าน เธอกล้าขอจริง ๆ!
เทวินทร์ลุกขึ้นยืน ติดกระดุมสูทด้านล่างและออกจากห้อง ผู้ช่วยดนัยก็รีบวิ่งไปกดลิฟต์ให้ในทันที
รถมาจอดหน้าธนาคารพอดี ธาราและกรเดินออกจากธนาคาร ทั้งสองคนบ่นพึมพำด้วยความไม่พอใจเพราะถอนเงินไม่ได้
พอเห็นทั้งคู่กำลังจะขึ้นรถเทวินทร์ก็เปิดประตูรถและก้าวยาว ๆ ไปหาเธอ
"คุณคิดจะเอาเงินไปแล้วจากผมไปเลยใช่ไหม? ไม่คิดจะติดต่อแล้วเหรอ?"
ความน่ากลัวของเขาทำให้ธาราต้องถอยหลังไปทีละก้าว จนแผ่นหลังเธอชนเข้ากับประตูรถ
เทวินทร์โมโหจนแทบจะระเบิดออกมา ผู้หญิงคนนี้ไร้หัวใจจริง ๆ คิดจะเอาเงินแล้วจากไป โดยไม่เหลือความผูกพันใด ๆ กับตระกูลนี้เลย
ผู้หญิงไร้หัวใจ คงอยากจะไปจากที่นี่นานแล้วใช่ไหม?
ธาราอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตั้งคำถามกลับไปว่า
“ไม่ใช่เพราะคุณที่อายัดบัตรของฉันเหรอ?”
“ถ้าคุณไม่หนีออกจากบ้าน ผมจะอายัดบัตรของคุณเหรอ? บ้านมีอยู่มีกินมีใช้ทุกอย่าง ดูแลเธออย่างดี? แล้วอยากออกไปลำบากข้างนอกทำไม?”
"แต่คุณไม่มีสิทธิ์อายัดบัตรของฉันนะ เงินในนั้นฉันหามาเองทุกบาททุกสตางค์ คุณมีสิทธิ์อะไร?"
เทวินทร์อึ้งไปชั่วขณะ แต่งงานกันมา 3 ปี นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเธอพูดกับเขาอวดเก่งขนาดนี้ ปกติเธอเชื่องเหมือนกับหมา
“คุณหาเงินได้จากอะไรได้ ทั้งปีมี 365 วัน 300 วันเธอก็เอาแต่ไปดูงานแสดงเครื่องประดับแล้ว”
ความหมายของเขาคือ ถ้าไม่มีผม คุณคงอดตายไปแล้ว
กรที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ทนฟังไม่ไหว พูดแทรกขึ้นว่า “นายพูดเรื่องไร้สาระอะไร ที่บ้านเรา ธารา……”
“ปลิง ใช่ ฉันเป็นแค่ปลิงตัวหนึ่ง”
ธาราอยากพูดแทรกด้วยความโกรธ
เธอเป็นดีไซเนอร์เครื่องประดับชื่อดังระดับนานาชาติ แต่ใช้ชื่อในวงการในการเผยแพร่ผลงาน เพียงแต่เขาไม่เคยรู้
เธอไม่เคยปกปิดอะไร บางครั้งก็ออกแบบงานอยู่ที่บ้าน แต่เขาไม่เคยสนใจเรื่องของเธอเลย และไม่เคยแม้แต่จะดูภาพร่างผลงานของเธอ ในสายตาของเขา สิ่งเหล่านั้นก็เป็นแค่การขีดเขียนเล่นตามอารมณ์
แต่งงานมา 3 ปี เธอทุ่มเทให้กับตระกูลอย่างเต็มที่ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมามีเพียงความรังเกียจ ในสายตาของเขา เธอไม่มีค่าอะไรเลย นอกจากใช้เงินของเขาไปวัน ๆ
จนถึงตอนนี้ ธาราเพิ่งคิดได้ว่าก่อนหน้านี้เธอนั้นคิดเข้าข้างตัวเองมากแค่ไหน
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ทำลายบรรยากาศที่เงียบสงัด
เป็นสายจากคุณปู่
“ธารา วันนี้กลับมากินข้าวกับเทวินทร์นะ กุ้งมังกรส่งตรงมาจากนิวซีแลนด์เพิ่งมาถึง ปู่จำได้ว่าเธอชอบ ปู่ไม่ให้ใครแตะเลย เก็บไว้ให้เธอหมด”
“คุณปู่คะ หนู…...”
ธารารู้สึกว่าการหนีออกจากสถานการณ์นี้ไปอยู่เงียบ ๆ คนเดียวมันช่างยากเหลือเกิน แต่เธอก็ไม่สามารถปฏิเสธคุณปู่ได้ เพราะท่านเป็นคนที่รักเธอเหมือนหลานแท้ ๆ
เทวินทร์คว้าโทรศัพท์รับแทน "คุณปู่ครับ พวกเราจะกลับไปตอนเย็น"
“ยืนอึ้งอยู่ทำไม ไปกันเถอะ?”
เขาวางสายแล้วถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
ธารายืนนิ่งอยู่ไม่กี่วินาทีก่อนจะถูกเทวินทร์ดึงแขนแล้วพาเธอขึ้นรถ
เมื่อเธอนั่งรถลงเรียบร้อย เทวินทร์ก็ให้กล่องเล็ก ๆ ที่ดูละเอียดอ่อนมาให้เธอ
ธาราถือกล่องที่เขายัดเยียดมาให้อย่างงง ๆ ก่อนจะมองเขาด้วยความสงสัย
"เป็นคอลเล็กชั่นใหม่ของบริษัทในไตรมาสหน้า หลังจากงานแถลงข่าวจะวางขายแบบลิมิเต็ด เธอเอาไปเล่นก่อนก็แล้วกัน"
ธาราเปิดกล่องดู สิ่งที่อยู่ข้างในทำให้เธอตกตะลึง
นี่ไม่ใช่จี้อัญมณีที่เธอออกแบบเมื่อเดือนที่แล้วหรอกเหรอ? ต้นฉบับที่เธอทำค้างไว้ 80% แล้วจู่ ๆ ก็หายไป เธอค้นหาทั่วทั้งห้องทำงานแต่ก็หาไม่เจอ
ทำไมมันถึงกลายมาเป็นคอลเล็กชั่นหลักของบริษัทพันธกิจกรุ๊ปในไตรมาสหน้าไปได้ล่ะ?
“ฉันขอถามได้ไหมว่าใครเป็นคนออกแบบจี้อัญมณีนี้?”
เทวินทร์พอใจกับปฏิกิริยาของเธอมาก
“ลดาเป็นคนออกแบบเอง เธอเพิ่งเซ็นสัญญาเป็นดีไซเนอร์หลักของบริษัทพันธกิจกรุ๊ปเมื่อวานนี้ จี้อัญมณีนี้เป็นผลงานชิ้นโบแดงของเธอหลังกลับมาประเทศ รับรองว่าต้องมาแรงแน่นอน"
หลังจากยกย่องลดา เขาก็ไม่ลืมที่จะเหยียดเธอเล็กน้อย
“ดูสิ เปรียบเทียบกับภาพที่เธอขีดเขียนเล่น มันต่างกันเยอะเลยนะ”
ขณะที่เทวินทร์พูดถึงลดา ใบหน้าของเขาก็แสดงความภาคภูมิใจโดยไม่รู้ตัว เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่า คำพูดของเขานั้นแฝงความไปด้วยคำอวดเก่งอย่างเต็มที่ ราวกับกำลังแนะนำสมบัติล้ำค่าให้คนอื่นฟัง
ธารารู้สึกขนลุกซู่ ตอนนี้ในหัวของเธอมีเพียงเสียงเดียวที่ดังก้อง—ผลงานของตัวเองถูกขโมยไปแล้ว ใบร่างต้นฉบับที่ยังไม่เสร็จของเธอตกไปอยู่ในมือลดาได้อย่างไร เธอคิดเท่าไหร่ก็ไม่เข้าใจ
เทวินทร์เป็นคนหยิ่งทะนง เขาไม่มีทางที่จะขโมย และยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่สนใจสิ่งที่เธอออกแบบ
แต่ต้นฉบับของเธอที่ถูกเก็บไว้ในห้องทำงานที่บ้านกลับหายไปดื้อ ๆ มันจะบินไปถึงมือลดาได้ยังไงกัน?
ธาราคิดมากจนเกิดอาการเมารถและคลื่นไส้ เธอเอามือปิดปากและอาเจียนออกมาเล็กน้อย
เนื่องจากตอนกลางวันเธอไม่มีเงินกินข้าว ทำให้เป็นโรคกระเพาะ แต่สิ่งที่อาเจียนออกมากลับไม่มีอะไรออกมาเลย
เทวินทร์ยื่นกระดาษทิชชูมาให้แล้วถามด้วยความสงสัย "คุณ…... เดือนนี้?"
คำถามนี้ทำให้ ธาราชะงักไป เธอเริ่มคิดทบทวนว่า—เดือนนี้เธอมีประจำเดือนหรือยัง?
สมองเธอคิดช้าลง เธอจำไม่ได้เลยว่าครั้งล่าสุดที่ประจำเดือนมาคือเมื่อไหร่ รู้แค่ว่านานมากแล้ว
เธอยังคงรู้สึกเวียนหัว และพยายามอธิบายว่า "เมา เมารถ"
"แหวะ—"
พูดจบเธอก็อาเจียนออกมาอีกครั้ง เธอใช้ข้ออ้างเรื่องเมารถเพื่อเบี่ยงเบนความสงสัยของเขา
เทวินทร์ล้มเลิกความคิดที่สงสัยไป ก่อนจะสั่งให้ผู้ชายดนัยที่ขับรถว่า
"จอดข้างทางก่อน"
ผู้ชายดนัยหาที่จอดรถชั่วคราวในขณะที่เพิ่งดับรถธารายังไม่ทันได้พัก โทรศัพท์ของ เทวินทร์ก็ดังขึ้น
“เทวินทร์ ฉันรู้สึกแย่มากตอนนี้ คุณมาหาฉันหน่อยได้ไหม?"
ภายในรถเงียบสงัด เสียงหวานออดอ้อนของหญิงสาวดังอยู่ในหูของทุกคน ยิ่งตอกย้ำความเจ็บปวดในใจที่บอบช้ำของธาราเหมือนมีมีดทิ่มลงไปในใจเธออีกครั้ง
เทวินทร์เหลือบมองเธอที่เพิ่งอาเจียน ก่อนจะหันหน้าไปสั่งผู้ช่วยดนัยว่า
"ขับรถไปที่อพาร์ตเมนต์ไดมอนด์ เรสซิเดนซ์"
รถที่เพิ่งจอดอยู่ก็หักเลี้ยวขึ้นถนนใหญ่และมุ่งหน้าไปยังไดมอนด์ เรสซิเดนซ์
ทันทีที่รถเคลื่อนตัวออกไป ธาราก็อาเจียนอีกรอบ
หากเธอจำไม่ผิด ไดมอนด์ เรสซิเดนซ์ เป็นของขวัญจากคุณปู่ของเทวินทร์ที่มอบให้พวกเขาตอนแต่งงาน บ้านนั้นถูกจดทะเบียนในชื่อของทั้งสองคน และปล่อยว่างไว้มา 3 ปีแล้ว แต่ตอนนี้เขากลับเอาไปใช้ซ่อนใครบางคนเอาไว้
มันช่างขำเสียจริง
เมื่อรถเคลื่อนตัวไป ธาราก็ยิ่งอาเจียนหนักขึ้น ดวงตาเริ่มแดงก่ำ คิ้วขมวดเข้าหากัน เหงื่อผุดขึ้นเต็มจมูก เธอดูอ่อนแอและน่าสงสาร
เทวินทร์รู้สึกผิดต่อเธอ เขายื่นมือมาลูบหลังเธอเบา ๆ
“อดทนหน่อยนะ ลดาเป็นโรคหัวใจ จะรอนานไม่ได้ หรือไม่คุณก็มาพิงผมก็ได้?”
ธารา ขยับตัวหลบไปด้านข้าง จนแทบชิดกับประตูรถ ท่าทีของเธอดูเหินห่างและเย็นชา
“ฉันขอร้องล่ะ ปล่อยฉันลงที ฉันเมารถ ตอนนี้รู้สึกแย่มาก”
เทวินทร์ขมวดคิ้วเข้าหากัน แล้วเข้ามาใกล้ พร้อมกับดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนอย่างแรง
“คุณจะโกรธอะไรนักหนา? คุณจะไปเปรียบกับคนป่วยโรคหัวใจทำไม มันเป็นโรคที่อันตรายมาก ถ้าเกิดอาการขึ้นมา มันไม่ใช่แค่เมารถแล้วอาเจียนสองสามครั้งแบบนี้นะ”
ธาราดิ้นจนสุดแรงเพื่อผลักเขาออก แต่แรงของผู้หญิงกับผู้ชายนั้นต่างกันลิบลับ การพยายามของเธอจึงแทบไม่มีผลอะไรเลย
เทวินทร์มองเธอที่ดิ้นในอ้อมแขน ก่อนจะก้มหน้าลงไปกระซิบที่ข้างหูเธอ
“พิงแบบนี้มันไม่สบายเหรอ? หรือว่าคุณอยากนั่งบนตักผมมากกว่า?”