เจนสุดาล้วงหยิบแผนที่ในกระเป๋าสะพายของเธอขึ้นมากางดูหลังลงจากเรือโดยสารที่พาเธอมาส่งยังเกาะเล็ก ๆ แห่งหนึ่งทางใต้ของประเทศซึ่งห่างไกลออกมาจากแผ่นดินใหญ่มากพอประมาณ
นักเขียนนิยายสาวร่างเล็กในชุดเสื้อยืดคอวีและกางเกงยีนส์รัดรูปแบบสกินนีเดินทางมาถึงเกาะอันเงียบสงบท่ามกลางน้ำทะเลสีฟ้าครามที่โอบล้อมตามคำแนะนำและเป็นธุระให้ของเพื่อนสนิท
“อยากได้สถานที่ที่เป็นแรงบันดาลใจในการเขียนนิยายอย่างนั้นเหรอเจน...ได้ซี...ฉันจัดให้ มีเกาะอยู่เกาะหนึ่งทางภาคใต้ชื่อเกาะมินดา มันเป็นเกาะที่แปลกมากเลยนะ เกาะนี่น่ะสวยมาก ๆ แต่กลับไม่ค่อยเป็นทีรู้จักของนักท่องเที่ยวสักเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะว่ามันอยู่ห่างไกล แต่ฉันจะติดต่อเรือให้เขาพาเธอไปนะจ๊ะ ฉันแน่ใจว่าถ้าเจนได้เห็นแล้วจะต้องชอบ และก็จะมีแรงบันดาลใจเหลือเฟือในการเขียนนิยาย เผลอ ๆ เธออาจจะไม่อยากออกมาจากเกาะนั่นเลยก็ได้ เพราะมันสวยมากจริง ๆ “
เสียงบรรยายบรรยากาศของเกาะแสนสวยที่ออกจากปากของลีลานุชเพื่อนสาวยังก้องในหูของเจนสุดา แต่เมื่อได้ลงมาเหยียบบนหาดทรายของเกาะที่เพื่อนเธอว่าแปลกเป็นครั้งแรก หญิงสาวก็รู้สึกว่าคำพูดของเพื่อนสนิทนั้นไม่ได้เกินความเป็นจริงแต่อย่างใด
มินดา เป็นเกาะที่สวยงามมากจริง ๆ สำหรับหญิงสาวซึ่งใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงมาตั้งแต่เด็กจวบจนตอนนี้อายุย่างเข้ายี่สิบสี่ปี หลังเรียนจบจากมหาวิทยาลัยเจนสุดาก็หวังจะยึดอาชีพนักเขียนเพื่อเลี้ยงชีวิตของเธอในวัยทำงาน
ที่ผ่านมาเธอมีผลงานตีพิมพ์บ้างแต่ไม่สม่ำเสมอ ยังโชคดีที่เธอไม่มีครอบครัวเพราะสถานะการเงินและรายได้ก็ยังไม่ใคร่มั่นคงสักเท่าไหร่ แต่ตอนนี้เธอกำลังประสบปัญหาว่าตัวเองขาดแรงบันดาลใจในการเขียนนิยายเรื่องใหม่ ๆ ส่งสำนักพิมพ์
นิยายที่เธอเขียนส่วนใหญ่เป็นแนวโรแมนติก รักใคร่ระหว่างหนุ่มสาวทั่วไปซึ่งมีขายเกร่อในท้องตลาด เธออยากได้พลังในการเขียนงานแบบใหม่ อยากเติมพลังใจในชีวิตสำหรับงานเขียน
แต่เมื่อมาถึงเกาะในฝันแสนสวยของเพื่อนสนิท ปัญหาใหญ่สำหรับคัทลียาตอนนี้คือ เธอยังไม่รู้ว่าจะไปทางไหนและยังไม่รู้จักใครเลยบนเกาะแห่งนี้
“ขอโทษครับ คุณผู้หญิง...คุณกำลังจะไปไหนหรือครับ?”
เสียงทุ้มห้าวที่ดังจากเบื้องหลังหยุดความสับสนของเจนสุดาไว้ชั่วขณะ หญิงสาวหันกลับไปมองก็ถึงกับตกตะลึงเมื่อพบว่าเจ้าของเสียงเมื่อครู่เป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่เกินมาตรฐานชายไทยทั่วไปที่เธอเคยเห็น
เจ้าของความสูงเกือบร้อยแปดสิบเซ็นติเมตรและใบหน้าหล่อเหลาโดยเฉพาะดวงตาสีอำพันแกมน้ำเงินเปล่งประกาย จมูกโด่งและริมฝีปากหยักหนาได้รูปบนโครงหน้าคมคร้ามและสันกรามแกร่งก้าวเข้ามาหาหญิงสาว
เขาอยู่ในชุดที่เรียกได้ว่าเป็นชาวเกาะขนานแท้เพราะสวมใส่แค่กางเกงเลสีน้ำเงินตัวเดียว อวดมัดกล้ามบนเรือนร่างสมส่วนยิ่งกว่านายแบบระดับโลกบนหน้านิตยสารชั้นนำ มันดึงดูดสายตาของเจนสุดาและทำให้เธอเผลออึ้งไปชั่วขณะเลยทีเดียว
และในชั่วขณะนั้นก็ดูเหมือนชายหนุ่มแปลกหน้าก็มีปฏิกิริยาไม่ต่างจากหญิงสาว เขามองเจ้าของร่างแน่งน้อยคล้ายมีอาการตกตะลึงไปชั่ววินาที ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นผู้หญิง แต่สตรีตรงหน้านั้นมีใบหน้างดงามจนเขาอดที่จะอยากมองเธอชัด ๆ ไม่ได้
“ฉัน...เอ้อ...ฉันพึ่งมาที่นี่เกาะนี่น่ะค่ะ เพื่อนฉันแนะนำให้มาที่นี่”
“ถ้าอย่างนั้นยินดีต้อนรับสู่เกาะมินดานะครับ”
ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร เรือนผมสีน้ำตาลเป็นประกายของเขาขับใบหน้าหล่อเหลาให้ยิ่งน่ามอง เจนสุดายิ้มเก้อ ๆ ก่อนอธิบายต่อ
“แต่ปัญหาคือฉันลืมถามเพื่อนของฉันเรื่องที่พัก จะโทรไปก็ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์เลย เอ้อ...ไม่ทราบว่าบนเกาะนี้พอจะมีห้องพักหรือรีสอร์ทบ้างหรือเปล่าคะ”
ชายหนุ่มยิ้มให้ก่อนตอบ “ที่นี่ไม่มีรีสอร์ทหรือห้องพักให้เช่าหรอกนะครับ เพราะเกาะมินดายังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวสักเท่าไหร่ แต่ถ้าคุณไม่มีที่พักคืนนี้ ผมก็ขอเสนอบ้านของผมเองให้เป็นที่พักของคุณ ถ้าหากว่าคุณไม่รังเกียจ...เอ้อ...ต้องขอโทษด้วยที่ผมยังไม่ได้แนะนำตัวกับคุณเลย ผมชื่อ ไค ครับ”
ชายหนุ่มแปลกหน้าผู้มีนามว่า ไค มองหน้าหญิงสาวที่ยังทำท่าเหมือนครุ่นคิดอย่างหนัก
“ผมขอรับประกันนะครับ คุณ...”
“เจนค่ะ...ฉันชื่อเจนสุดา เรียกฉันว่าเจนก็ได้ค่ะ”
“ครับ...คุณเจน ผมขอรับรองความปลอดภัยของเกาะมินดาครับ ผมเข้าใจว่าคุณอาจจะยังไม่มั่นใจเพราะไม่เคยรู้จักผมมาก่อน แต่บนเกาะนี้มีคนอยู่ไม่กี่ครัวเรือน พวกเราเป็นญาติ เป็นพี่น้องกัน และที่นี่ก็ไม่เคยมีอาชญากรรมหรือยาเสพติด ผมขอรับประกันด้วยตัวผมเอง”
แล้วเธอควรจะเชื่อเขาอย่างนั้นหรือ?...เจนสุดาถามตัวเอง หากแต่ตอนนี้เมื่อมองไปรอบ ๆ หญิงสาวก็รู้แล้วว่าเธอคงจะปฏิเสธน้ำใจของหนุ่มชาวเกาะหล่อเหลาที่ชื่อ ไค ไม่ได้ แสงแดดเริ่มราลง ถ้าไม่ได้กลับไปตอนเย็นแล้วค่ำนี้เธอจะนอนที่ไหน
“ตกลงค่ะ...ไค ฉันจะเชื่อคุณ ว่าแต่...คุณดูไม่เหมือนชาวเกาะ เอ้อ...ฉันหมายถึงชาวเกาะที่เป็นคนไทยแท้เลยนะคะ”