เมื่อการแต่งงานไม่ได้เกิดจากความรัก การใช้ชีวิตคู่ของคนทั้งวสองจึงต่างคนต่างไป ต่างคนต่างทำอะไรด้วยตัวเอง แม้กระทั่งการออกมาสถานบันเทิงก็ทำได้ตามสบาย มีเพียงข้อความที่ต่างฝ่ายต่างส่งถึงกัน เพื่อให้อีกคนทราบเท่านั้นว่าตัวเองทำอะไร อยู่ที่ไหน ไปไหน
“ยังไงเนี่ยชะนี นั่งดื่มขนาดนี้ตับพังแล้วมั้ง ถูกผัวด่ามาหรือไง หรือว่าผัวนอกกายไปจิ้มชะนีนางอื่น” เมื่อเพื่อนสาวที่ชวนออกมาดื่มเอาแต่นั่งดื่มไม่พูดไม่จาตั้งแต่มาถึง ตรีณรงค์หรือน้องตรีจึงเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนา
คนถูกถามกระแทกลมหายใจออกมาดังเฮือก กระดกบรั่นดีในแก้วลงคอจนเกือบหมดแก้ว เท้าคางมองเพื่อนสาวที่อยู่ในคราบผู้ชายหน้าตาดีตาหวานเยิ้ม
“ไม่ต้องมามองกูแบบนี้เลยอีแอ้ม ขนลุกเหอะ”
“ทำไม มึงหวั่นไหวอยากจะเปลี่ยนจากรับมาเป็นลุกหรือไง”
“โนๆๆ กูชอบรับเหมือนมึงค่ะ แล้วจะบอกกูได้หรือยังว่าตกลงมึงเป็นอะไร ถึงได้หิ้วกูออกมาดื่มแบบนี้”
“กูแค่เบื่อๆ ไม่อยากกลับห้อง”
“ทำไม ทะเลาะกับผัวว่างั้น”
“มันก็ไม่เชิงทะเลาะหรอก แต่ผัวตัวดีชอบขัดใจ ปกป้องผู้หญิงคนอื่นมากกว่ากูที่เป็นเมีย” ตรีณรงค์หรี่สายตามองเพื่อนสาวจับพิรุธ อาการแบบนี้เรียกว่าน้อยใจใช่ไหมนะ หรือว่าเสียใจที่สามีเห็นผู้หญิงอื่นดีกว่า ก็ไหนเพื่อนเขามันบอกว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับสามีจำเป็นยังไงล่ะ ทำไมถึงได้
“มึงรักผัวตัวเองแล้วใช่ไหม” จากที่ตาหวานเยิ้มในคราแรกก็เปลี่ยนเป็นตาแข็งขึ้นมาสำหรับคนถูกถาม
“มึงเอาอะไรมาพูด กูเนี่ยนะรักคินณ์ ไม่มีทางย่ะ” ปฏิเสธเสียงแข็งแต่ทำไมรู้สึกว่าหัวใจมันเต้นแปลกๆ
“กูจะไปรู้หรือไงล่ะ อยู่กินกันมาเป็นปีกูก็นึกว่ามันต้องมีความรู้สึกดีๆ ให้กันบ้าง สรุปคือไม่ได้รัก”
“ใช่!” เสียงดังฟังชัด ตรีณรงค์ก็ขี้เกียจจะคัดค้านหรือเค้นหาความจริง แม้ตาของเพื่อนสาวจะดูแข็งไม่เป็นธรรมชาติขนาดนั้น
“มึงไม่คิดจะลงไปทักทายเมียบ้างหรือไง นั่งดื่มกับผู้ชายอยู่เห็นไหม”
หากจะบอกว่าโลกกลมคงไม่ใช่ เพราะหลังจากได้รับข้อความจากพาขวัญว่าหญิงสาวจะกลับดึก คุณากรจึงถามกลับ และได้ความมาว่าหญิงสาวนัดเพื่อนออกมาดื่ม ชายหนุ่มจึงนัดเพื่อนออกมาดื่มเช่นกันแต่คนละชั้นกับหญิงสาว
ไม่ใช่มาเพราะเป็นห่วง แต่มาเพราะอยากรู้ ว่าเมื่อพาขวัญอยู่ลับหลังเขาในที่แบบนี้จะแรดไปกับผู้ชายคนไหนไหม และภาพที่เห็นตรงหน้าก็พาให้ชายหนุ่มอารมณ์ขุ่นมัวขึ้นมา
“ถ้าลงไปตอนนี้กูก็อดเห็นสิว่า เมียกูจะทำอะไรต่อ” อวัช อยากจะเบะปากใส่เพื่อนนัก ที่พูดออกมาได้เต็มปากเต็มคำว่าพาขวัญคือภรรยา
“งั้นก็เชิญมึงตามสบายเถอะ กูขอตัวไปหาสาวๆ ก่อน”
“เดี๋ยวน้องฟ้ารู้ก็ได้งอนอีก”
“ถ้ามึงไม่พูด น้องฟ้าไม่เห็น ทุกอย่างก็จบ โอเค”
“แล้วแต่มึง” อวัชไหวไหล่ให้เพื่อน ลุกเดินลงไปยังชั้นล่าง ทิ้งให้คนหวงภรรยานั่งจับตาดูพฤติกรรมของภรรยาอยู่เพียงคนเดียว
คุณากรนั่งมองพาขวัญนั่งดื่ม นั่งคุยกับผู้ชายร่วมโต๊ะอย่างออกรสออกชาติ ชายหนุ่มไม่รู้หรอกว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร ใช่เพื่อนของเธอไหม เพราะตัวเองไม่ได้สนใจเพื่อนสนิทของเธอสักเท่าไหร่ รู้จักผิวเผินพอๆ กับที่เธอรู้จักอวัช หรือผู้ชายคนนั่นจะเป็นลูกค้าที่เข้ามาเที่ยวแล้วขอมานั่งด้วย
คุณากรไม่ชอบเลย เวลาที่พาขวัญยิ้มเรี่ยราดให้ผู้ชายคนนั้น รู้สึกว่าหวงเธอขึ้นมา หรือแท้ที่จริงเขาไม่ได้หวงเธอหรอก แต่แค่ไม่พอใจที่เธอไปใกล้ชิดผู้ชายคนไหนนอกเหนือจากเขา เพราะเธอยังได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของเขาอยู่นั่นเอง การที่เห็นเธอไปสนิทชิดเชื้อ ใกล้ชิดกับชายคนอื่นจึงเป็นสิ่งที่เธอไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง
“ยัยบ้าเอ๊ย!!” เสียงเข้มสบถออกมาอย่างหัวเสีย ร่างสูงรีบลุกจากโต๊ะแทบจะวิ่งลงไปยังชั้นล่าง ฝ่าผู้คนมากมายเข้าไปยังโต๊ะของพาขวัญ มือหนายื่นไปดึงหญิงสาวออกมาจากผู้ชายคนนั้น
“ว้าย!”
“ทำบ้าอะไรของเธอวะ” เสียงห้วนร้องถามแข่งกับเสียงเพลง เมื่อสิ่งที่ตัวเองมองมาจากด้านบนคือภรรยากำลังจะจูบกับผู้ชายคนนั้น
พาขวัญและตรีณรงค์เลิกคิ้วมองคนหน้าบึ้งตึงด้วยความงุนงงไม่เข้าใจ เมื่ออยู่ดีๆ คุณากรก็โผล่พรวดพราดเข้ามากระชากพาขวัญออกไป
“อะไรของคุณ มีอะไร ทำอะไร คุณเป็นอะไร” ยิ่งเห็นพาขวัญทำหน้าตาใสซื่อถามกลับ คุณากรยิ่งหน้าแดงจัดไม่พอใจเอามากๆ นี่ถ้าเขาไม่แอบมานั่งเฝ้านะ ป่านนี้คงจูบกันนัวเนียไปแล้วมั้ง
“คุณนั่นแหละทำอะไรก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจ คุณก็เหมือนกัน ไม่รู้เหรอว่าผู้หญิงคนนี้เขามีผัวแล้ว มายุ่งทำไม” ตรีณรงค์จะยิ้มก็ยิ้มไม่ออก จะร้องไห้ก็ไม่มีน้ำตา นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ยฉันไม่เข้าใจ กูเป็นเกย์ค่ะพ่อหนุ่ม เกย์รับด้วยที่สำคัญ และนั่นเพื่อนกูค่ะพ่อหนุ่ม
“เอ่อ...คืออย่างนี้นะ” ตรีณรงค์พยายามจะอธิบายให้เข้าใจ แต่ดูเหมือนยิ่งตัวเองพยายามจะเอ่ยปากคนตรงหน้าก็ยิ่งไม่สนใจฟัง
“กลับบ้านแอ้ม เรามีเรื่องต้องเคลียร์กัน” ไม่ฟังจริงๆ ด้วย เพราะพูดจบคนหึงหวงเมียก็ลากแขนพาขวัญออกจากโต๊ะไป แม้พาขวัญจะพยายามร้องห้ามและพยายามอธิบายต่อคุณากรก็ไม่รับฟัง
“นี่คุณ คินณ์ เดี๋ยวก่อนคินณ์ มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ”
“อย่าเพิ่งแก้ตัวตอนนี้นี้พาขวัญ คิดหาข้ออ้างดีๆ ที่ฟังขึ้นไปแก้ตัวที่ห้องดีกว่า” ตัดบททุกการสนทนาไม่ขอฟัง พาขวัญจึงทำได้แค่เดินตามแรงดึงนั้นไป ไม่วายจะหันกลับมามองเพื่อนที่ยืนทำหน้างุนงงอยู่ที่โต๊ะ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรวดเร็วราวสายฟ้าฟาด
“ไม่รักกันจริงๆ เหรอวะ” ตรีณรงค์พึมพำตามหลังไป กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ ไม่มีอะไรที่บอกได้เลยว่าทั้งคู่ไม่ได้รักกัน
“นี่คุณคินณ์ หยุดลากแอ้มก่อนได้ไหม แขนจะหลุดแล้วเนี่ย” ไม่ใช่แค่แขนจะหลุด เหล้าที่ดื่มเข้าไปก็จะไหลกลับออกมาทางปากแล้วเช่นกัน มันตีตื้นขึ้นมาจ่อที่ลำคอแล้ว และคาดว่าน่าจะทะลักออกมาในไม่ช้าหากเขายังลากเธอหัวแทบคะมำอยู่แบบนี้
“คินณ์ หยุดก่อนแอ้มจะอวก” เมื่อได้ยินประโยคนี้ คนที่ลากภรรยาอย่างเอาเป็นเอาตายเพราะโมโหก็หยุดชะงัก หมุนตัวกลับมาหากัน แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร คนที่บอกจะอาเจียนในคราแรกก็พุ่งน้ำในปากใส่หน้าอกสามีไปเต็มๆ
ไม่ใช่แค่คุณากรที่ช็อก พาขวัญเองก็ช็อกแทบลืมหายใจ หัวใจหญิงสาวเต็มระส่ำอยู่ด้านในลามมายังมือที่เกิดอาการสั่นขึ้นมา คุณากรสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ก้มมองดูสิ่งที่พาขวัญปล่อยออกมาใส่เสื้อตัวเองจนเปียกไปถึงผิวด้านใน
“ยัยแอ้มบ้า!!” ร้องตะโกนลั่นลานจอดรถ จนพาขวัญสะดุ้งกลัวด้วยรู้สึกผิด ยกมือขึ้นขอโทษ
“ขอโทษค่ะ ขอโทษจริงๆ ถอดเสื้อออกนะ เดี๋ยวแอ้มถอดให้” รีบปรี่เข้ามาหาสามี ก้มหน้าก้มตาแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตออกให้ด้วยมืออันสั่นเทา อาการพะอืดพะอมหายเป็นปลิดทิ้ง ไม่รู้กลับไปถึงคอนโดเธอจะมีชีวิตรอดไหม หรือจะถูกเขาฆ่าตายตรงนี้ก็ยังไม่ทราบ เพราะหากให้เธอเดาใบหน้าของคุณากรตอนนี้คงบึ้งตึงจนน่ากลัวแน่ๆ
“แฮ่ ขอโทษนะ คินณ์อย่าโกรธแอ้มนะคะ” เงยหน้ายิ้มแห้งกลบเกลื่อนความผิด ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่สามารถลบล้างความผิดได้เลย
“รับขับรถตามผมกลับห้อง” พูดจบก็หมุนตัวเดินจากไป ไม่สนใจฟังภรรยาที่เอ่ยตอบรับตามหลังไปเสียงอ่อยแต่อย่างใด
“ค่ะ”