เวลา 08:00 น.
หลังจากที่ออสตินกลับไป พวกเราก็นั่งดื่มกันต่อจนเผลอหลับ พอตื่นขึ้นมาอีกทีก็แปดโมงเช้าแล้ว ฉันมองดูสภาพของแต่ละคนที่นอนอยู่แล้วส่ายหน้าไปมา รับไม่ได้กับสภาพของเพื่อนแต่ละคน
ฉันรีบขับรถกลับคอนโดตัวเองทันที อยากจะอาบน้ำ แล้วนอนพักบนเตียงนุ่มๆ สบายๆ ซักที โชคดีที่คอนโดฉันกับไทเกอร์อยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่ ก็เลยใช้เวลาขับรถไม่นาน
พอมาถึงห้องฉันก็หยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินตรงดิ่งเข้าห้องน้ำทันที ดื่มมาทั้งคืนพึ่งจะได้นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง ทรมานร่างกายสุดๆ
“ปวดหัวๆ ไม่น่าห้าวไปดื่มเยอะแบบนี้เลย” หลังจากอาบน้ำเสร็จฉันก็เดินบ่นออกมาจากห้องน้ำ ด้วยสภาพที่ใส่แค่ผ้าเช็ดตัวเพียงผืนเดียว
แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อฉันเจอออสตินนั่งหน้าบูดเหมือนตูดลิงอยู่บนโซฟากลางห้อง มาตั้งแต่ตอนไหนฉันยังไม่รู้ด้วยซ้ำ อยู่ๆ ก็เข้ามาในห้องฉันแบบนี้ โดยที่ไม่บอกไม่กล่าวกันเลยซักคำ
ฉันไม่ได้ตกใจที่ออสตินเข้ามาได้ยังไง เพราะเขาเป็นเพื่อนที่รู้รหัสเข้าห้องของฉัน แต่ตอนนี้ฉันงงมากกว่าว่ามาทำไม
“มาทำไม” ฉันถามแบบส่งๆ ไม่ได้สนใจออสตินเท่าไหร่
มีเพียงความเงียบ ไร้การตอบรับ ก่อนที่ออสตินจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินไปหยิบไดร์เป่าผมมาให้ฉัน ยิ่งทำแบบนี้ก็ยิ่งทำให้ฉันนึกถึงตอนที่ออสตินยังไม่มีแฟน
เมื่อก่อนออสตินชอบมานอนที่คอนโดฉันในตอนที่ฝนตก เพราะฉันกลัวเสียงฟ้าร้อง และไม่ชอบบรรยากาศตอนที่ฝนตกเลยซักนิด และวันนี้บรรยากาศข้างนอกก็ดูครึ้มฟ้าครึ้มฝน ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันคงจะหาคำพูดหวานๆ อ้อนให้ออสตินอยู่เป็นเพื่อน แต่มาตอนนี้ฉันกลับไม่กล้าที่จะพูดอะไร
“คิดจะทำอะไร”
ออสตินถามขึ้นท่ามกลางความเงียบ ฉันถึงกับขมวดคิ้วเป็นปมเพราะงงกับคำถาม มันต้องเป็นฉันไม่ใช่เหรอที่จะต้องถามแบบนี้มากกว่า
“กูต้องถามมึงมากกว่า ว่ามาทำอะไร” จริงๆ ฉันก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่ออสตินถามหรอก แต่ฉันไม่ได้สนใจก็เลยถามกลับไปตามที่ตัวเองสงสัย
“โพสต์แบบนั้นต้องการอะไร!” หลังจากที่ยืนมองหน้าฉันเงียบๆ อยู่ซักพัก ออสตินก็ถามขึ้นมา ประโยคนี้ทำเอาฉันเข้าใจทันทีว่าออสตินมาเพราะเรื่องอะไร
“ก็โพสต์ไปเรื่อยแหละ ทำไม ใครมีปัญหาอะไรเหรอ” ฉันตอบกลับไปแบบกวนๆ เพื่อกลบเกลื่อนความผิดของตัวเอง
“ไม่มีปัญหาหรอกถ้าคนโพสต์ไม่ใช่มึง”
ออสตินยังคงพูดนิ่งๆ แต่ประโยคนี้ทำเอาคนฟังอย่างฉันเจ็บปวดสุดๆ ไปเลย
“ทำไม จะต้องให้กูไปขอโทษแฟนมึงเลยมั้ยที่ทำให้เข้าใจผิดกัน” ฉันถามกลับอย่างเหลืออด
“อย่ามาประชด!” ออสตินเริ่มขึ้นเสียงใส่ฉัน ทั้งๆ ที่ไม่เคยพูดขึ้นเสียงกับฉันมาก่อน
“ไม่ได้ประชด ต่อไปกูจะไม่โพสต์อะไรเกี่ยวอีก พอใจรึยัง” ฉันพูดไปนิ่งๆ แต่ในใจตอนนี้แทบจะร้องไห้ ทำได้เพียงแค่บอกตัวเองว่าต้องอดทน แล้วฉันก็หันไปเป่าผมตัวเอง ไม่ได้สนใจที่ออสตินเดินออกไปเลยสักนิด
ไม่รู้ว่าฉันจะทนกับเรื่องนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน ยิ่งรู้ว่าฉันรัก ฉันก็ยิ่งเจอกับความเจ็บปวดมากขึ้นทุกวัน ตอนนี้ฉันเหนื่อยจนแทบจะไม่มีแรงเดินต่อไปแล้ว…
..
ฉันได้แต่นั่งคิดถึงเรื่องเพื่อนสนิทตัวเอง ทั้งๆ ที่ใจพยายามลบ พยายามลืมเรื่องราวเก่าๆ แต่ฉันก็ทำไม่ได้ ยิ่งฉันพยายามลืม ใจฉันมันกลับยิ่งจำ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน แต่ใจฉันมันก็ยังรู้สึกเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนหรือตอนนี้ใจฉันมันอาจจะรู้สึกมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ
นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วนะที่ฉันไม่ได้ออกจากคอนโดไปไหน ไม่ได้ออกไปเจอเพื่อน ไม่ได้เจอใคร ฉันพยายามทำตัวออกห่างจากทุกคน เพราะฉันไม่อยากจะทำให้ทุกคนอึดอัด โดยเฉพาะออสตินที่ดูจะอึดอัดกว่าทุกคน ฉันก็เลยไม่อยากจะเป็นตัวปัญหา ก็เลยเลือกที่จะไม่ไปเจอเพื่อน
กริ๊งงง~ กริ๊งงง~
เสียงกริ่งหน้าห้องของฉันดังขึ้น ทำให้ฉันต้องรีบหยุดคิดเรื่องของออสติน แล้วหันมาสนใจเรื่องตอนนี้ทันที
“มึงเป็นอะไรรึป่าว” ทันทีที่ฉันเปิดประตูเสียงของยัยฮันน่าก็ถามฉันขึ้นอย่างไม่รอช้า
“ป่าว…กูไม่ได้เป็นอะไร” ฉันตอบไปแล้วเดินกลับเข้ามานั่งบนโซฟาตัวเดิม ก่อนที่เพื่อนสาวทุกคนจะเดินตามเข้ามานั่งกับฉันด้วย
“ทำไมมึงถึงไม่ไปหาพวกกูหรือว่ามึงตั้งใจจะหลบหน้าไอ้ติน” ยัยเดียถามพร้อมมองหน้าฉันอย่างรอฟังคำตอบ โชคดีที่ไอรินเอาแต่นั่งเงียบไม่ค่อยจะถามอะไรเซ้าซี้เหมือนกับยัยเดียกับยัยฮันน่า ไม่งั้นฉันคงจะต้องปวดหัวมากกว่านี้แน่
“ป่าว…กูแค่จะกลับไปอยู่บ้านก็เลยไม่ได้ไปหาใคร อีกไม่นานก็จะเปิดเทอมแล้ว” ฉันตอบไปพร้อมรอยยิ้มบางๆ แต่ความจริงแล้วเรื่องที่จะกลับไปอยู่บ้านมันก็เป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้นแหละ ปิดเทอมเกือบสามเดือนฉันก็เอาแต่คิดถึงเรื่องออสติน พอคิดแล้วก็เข้าไปดูไอจีออสตินกับแฟนอยู่ตลอด จนฉันแทบจะไม่ได้ทำอะไร เพราะมัวแต่คิดเรื่องของคนอื่นอยู่แบบนี้
“เอาน่าาา…มึงอย่าไปคิดอะไรมาก เดี๋ยววันนี้กูจะพาไปคลายเครียดเอง” ยัยฮันน่ารีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที
“จะไปไหน…กูไม่อยากไป” ฉันรีบปฏิเสธไป เอาจริงๆ ฉันไม่อยากไปไหน อยากนอนอยู่ห้องเงียบๆ คนเดียวมากกว่า
“ไม่ได้! วันนี้มีกระเป๋าคอลเลคชั่นใหม่มา ของมันต้องมีมึงรู้มั้ย” ยัยเดียพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น
“เออใช่…จะเปิดเรียนมันต้องมีกระเป๋าคอลฯใหม่ จะใช้ใบเดิมไม่ได้” ตามด้วยเสียงของยัยฮันน่าที่ดูตื่นเต้นไม่ต่างกันเมื่อได้พูดถึงกระเป๋าคอลเลคชั่นใหม่
“กูเห็นร้านโพสต์ลงไอจี สวยๆ ทั้งนั้น” ยัยเดียพูดพร้อมกับยกโทรศัพท์ที่มีรูปกระเป๋าแบรนด์ดังโชว์อยู่
“อร๊ายยย~ เงินในบัญชีกูสั่นไม่ไหวแล้ว” ยัยฮันน่าดูดี๊ด๊าขึ้นมาทันที
“แล้วใครไปบ้าง” ฉันถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ก็ไปกันแค่นี้แหละ พวกผู้ชายจะไปทำไมให้เกะกะ” ยัยเดียตอบแบบไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่นัก
“ไป! ลุก! รีบไปแต่งตัวเลยมึงอะ” ยัยฮันน่าหันมาเร่งฉันอย่างเร็ว คงจะรีบไปใช้เงินแหละ
“เออ…ไปก็ไป” สุดท้ายแล้วฉันก็ต้องใจอ่อน ยอมไปกับพวกมันอยู่ดี ปฏิเสธไม่ได้เลยจริงๆ