BOY FRIEND PART_3
บ้านหลังใหญ่ตั้งตระหง่านบนเกาะส่วนตัวในเนื้อที่กว่าหลายสิบไร่ ห้องนอนหลายห้องถูก จัดสรรเอาไว้ต้อนรับทุกคนเป็นอย่างดี พอมาถึงทุกคนต่างจับจองห้องนอนก่อนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อนเอาแรง เพราะตอนเย็นต้องใช้แรงกันอีกเยอะ
“กูขอเปลี่ยนไปนอนห้องข้างบนนะ” ยังไม่ทันที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปพักฉันก็พูดแทรกขึ้นทันที
“ทำไมวะ นอนห้องข้างล่างสบายดีออก” เป็นเสียงของยัยเดียที่พูดขัดจังหวะขึ้นมา
“นั่นดิ! มึงไม่ขี้เกียจเดินขึ้นเดินลงเหรอวะ” ตามด้วยเสียงแหลมๆ ของยัยฮันน่า
“กูอยากดูวิวทะเลแบบชัดๆ” ฉันรีบหาข้ออ้างทันที แต่จะว่าไปนอนข้างล่างก็ดีนะ สบายดีไม่ต้องเดินขึ้นเดินลงให้เมื่อยเหมือนที่ยัยฮันน่าบอก แต่มันคงจะดีกว่านี้ถ้าไม่ติดตรงที่ว่าฉันได้นอนห้องที่ติดกับห้องของออสติน ฉันก็เลยต้องรีบเปลี่ยนใจไปนอนห้องข้างบนที่มีเพียงแค่ฉันกับไทเกอร์ที่จะขึ้นไปพักอยู่ข้างบน
“เออๆ แล้วแต่มึงแล้วกัน” โชคดีที่ยัยฮันน่าอยากนอนพักก็เลยไม่ต้องพูดกันยาว
จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันเข้าพักในห้องโดยชั้นล่างจะพักกันทั้งหมดห้าห้อง ห้องแรกคือห้องของออสตินกับแฟนที่เป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดของบ้าน และมีฮันน่า นาเดีย ไอริน และกวินที่พักกันคนละห้อง จะเหลือห้องว่างเพียงหนึ่งห้องคือห้องที่อยู่ติดกับห้องของออสติน ส่วนชั้นบนจะมีเพียงห้องของฉันกับห้องของไทเกอร์ที่อยู่ห่างกันพอสมควร (บอกแล้วว่าบ้านหลังใหญ่ขนาดมากันตั้งเยอะพักกันคนละห้องยังเหลือห้องว่างเลย)
..
เวลา 21:30 น.
หลังจากที่ทุกคนกินข้าวเย็นเสร็จก็มานั่งดื่มกันต่อ เรียกได้ว่ากินข้าวครึ่งชั่วโมงกินเหล้ามาแล้วสามชั่วโมงกว่าได้ เพราะตอนนี้ทุกคนเริ่มจะเมาได้ที่กันแล้ว
“เรามาเล่นเกมวงเหล้ากันดีกว่า” เป็นเสียงของยัยฮันน่าที่พูดขึ้น ในขณะที่ทุกคนกำลังสนุกสนานกับการดื่ม
“เกมอะไรวะ” กวินถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ก็เกมหมุนขวดไง หมุนขวดโดนใครก็แค่ตอบคำถาม ถ้าไม่อยากตอบก็ยกหมดแก้ว ง่ายๆ แค่นี้เอง” ยัยฮันน่ารีบอธิบายให้ทุกคนเข้าใจ
“เล่นก็เล่น”
ทุกคนต่างตอบเป็นเสียงเดียวกัน ตอนนี้ยังไม่ดึกมากยังมีเวลากันอีกยาวๆ ทั้งคืน
“หมุนล่ะนะ” ยัยฮันน่าเริ่มหมุนขวดเหล้าอย่างไม่รอช้า เวลาเมาใครๆ ก็ชอบพูดความจริงกันทั้งนั้นแหละจริงมั้ย
ขวดเหล้าเริ่มหมุนช้าลงเรื่อยๆ จนกระทั่ง…
“กูถามเอง…มึงได้คบกับรุ่นพี่คนนั้นรึยัง”
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงคำถามที่พวกมันคะยั้นคะยอถามฉันมาตลอด (แต่ฉันก็ตอบมันตลอดนะ) ไม่รู้ว่าจะอยากรู้ไปทำไมนักหนา
“ยัง!” ฉันตอบไปสั้นๆ อย่างมั่นใจในคำตอบ ไม่ว่าพวกมันจะถามกี่ครั้งฉันก็ยังยืนยันคำตอบเดิม
“มา! กูหมุนเอง” เป็นยัยเดียที่พูดขึ้น จนกระทั่งขวดหยุดอยู่ที่…
“ที่มึงยังไม่ยอมคบกับใคร เพราะมึงมีคนที่ชอบอยู่ในใจแล้วใช่มั้ย!” คำถามจากยัยเดียทำเอาฉันแทบหายเมาในตอนนั้น อยู่ๆ มันก็เจ็บจี๊ดๆ ขึ้นมาที่หัวใจซะงั้น
“….” มีเพียงความเงียบแทนคำตอบ ฉันรีบยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มจนหมดแก้วด้วยความเจ็บใจ
“กูไม่เล่นแล้ว เล่นไปก็มีแต่กูโดนถามอยู่คนเดียว พวกมึงโกงกูรึป่าวเนี่ย!” ฉันบ่นขึ้นด้วยความโมโห หมุนสองครั้ง ฉันก็โดนสองครั้ง แบบนี้เขาเรียกว่าโกงกันชัดๆ
“มึงจะบ้าหรอ เกมแบบนี้มันโกงกันได้ที่ไหนละ ถ้าไม่เล่นก็นั่งดูอยู่เฉยๆ” ยัยฮันน่าบ่นให้ฉัน ก่อนที่ฉันจะเดินเซออกจากวงที่นั่งเล่นเกม มานั่งบนโซฟาใกล้ๆ แทน
เกมยังคงเดินต่อและเป็นไทเกอร์ที่เป็นคนหมุนขวด จนกระทั่งขวดไปหยุดตรงหน้าของ…
“มึงจริงจังกับน้องมุขรึป่าววะ”
เป็นคำถามของไทเกอร์ที่ถามออสตินออกไปตรงๆ อย่างไม่อ้อมค้อม ทำเอาฉันที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ใจเต้นแรงแทบไม่เป็นจังหวะ
“จริงจัง!” ออสตินไม่เพียงแค่ตอบยังยื่นมือไปจับมือแฟนสาวรุ่นน้องเอาไว้เพื่อยืนยันคำตอบเดิม
“ว้าวววว แบบนี้มันต้องฉลองใหญ่แล้ว” ไทเกอร์และเพื่อนทุกคนต่างแซวออสตินเป็นเสียงเดียวกัน ต่างกับฉันที่ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มอยู่คนเดียวไม่มีใครสนใจ ฉันคงต้องทำใจยอมรับความจริงได้แล้วสินะ
“มาๆ กูหมุนบ้าง” ฮันน่ารีบหมุนขวดเหล้าอีกครั้ง
“คำถามของพี่ง่ายๆ น้องมุขมีแฟนมากี่คนแล้วอะ” ฮันน่าถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“สองคนค่ะ พี่ตินเป็นคนที่สอง” ไข่มุขตอบเสียงเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน และยังทำท่าทางเหมือนจะร้องไห้อีก
ทุกคนในวงต่างเงียบเมื่อรับรู้ถึงสิ่งผิดปกติบางอย่าง ออสตินกุมมือของไข่มุขเอาไว้แน่น ฉันที่นั่งมองเหตุการณ์อยู่อยากจะเดินหนีไปจากตรงนี้จริงๆ
“ไปเดินเล่นข้างนอกกันเถอะ” เป็นเสียงของออสตินที่เอ่ยชวนแฟนสาวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
ไข่มุขพยักหน้าเป็นเชิงตกลงก่อนที่ทั้งสองจะเดินออกไปข้างนอกอย่างไม่สนใจใคร
“กูทำอะไรผิดรึป่าววะ” ฮันน่าถามขึ้นอย่างงงๆ
“ช่างเถอะ อีคริส! มึงมานั่งที่เดิมเลย เปลี่ยนเกมๆ” เป็นยัยเดียที่บอกฉันให้กลับมานั่งที่เดิม
“จะเล่นอะไรอีก เมาแล้วทำไมไม่ไปนอน” กวินพูดขึ้น
“เงียบๆ ไปเลย มาหมุนขวดกินเหล้ากันดีกว่า โดนใครคนนั้นต้องหมดแก้ว” ยัยเดียยังคงจะเล่นเกมต่อ
“กูขอหมุนเอง” ฉันรีบเสนอตัวทันที คงไม่โชคร้ายหมุนโดนตัวเองหรอก
เวลา 00:00 น.
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงทุกคนดื่มกันจนเมา ไปไหนไม่ได้นอนด้วยกันบนโซฟาอย่างหมดสภาพกันทุกคน
อยู่ๆ ฮันน่าก็เดินเซไปเปิดเพลงเต้น ยืนเต้นไม่ไหวก็นั่งเต้นแทนแล้วกัน แล้วก็จับกลุ่มนั่งเต้นไปกินเหล้าไปกันอีกตามเคย ก่อนจะเป็นยัยเดียที่เปิดประเด็นถามคำถามฉันขึ้นมา ส่วนยัยฮันน่าก็เล่นโทรศัพท์
“คริส! มึงแอบชอบใครอยู่วะ ทำไมมึงไม่บอกพวกกู” คำถามจากยัยเดียทำเอาฉันหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย
“ก็กูบอกว่าไม่มีงาย” ฉันตอบไปเสียงยาน ตอนนี้ไม่อยากคิดอะไรแล้ว ถามอะไรมาก็ตอบตามจริงไปหมดแหละ ปวดหัว ขี้เกียจคิดแล้ว
“กูไม่เชื่อ! ถ้ามึงโกหกขอให้มึงเป็นโสดจนตาย” ยัยเดียยังคงถามต่ออย่างไม่ยอมหยุด
“กูไม่ได้โกหก กูจะโกหกพวกมึงไปทำไม” ฉันยังคงพูดไปเรื่อย
“คนที่มึงชอบคือคนที่มาบอกฝันดีในไอจีมึงบ่อยๆ ใช่มั้ย” ยัยเดียเริ่มเจาะลึก
“ไม่ช่าย” ฉันยังคงนั่งหลับตาตอบ ในใจอยากจะเดินหนีไปจากตรงนี้แต่ติดตรงที่ไม่มีแรงจะลุก
“ใช่รุ่นพี่คนนั้นมั้ย” เป็นยัยฮันน่าที่ละสายตาจากโทรศัพท์แล้วถามขึ้น
“ไม่ช่าย” ฉันยังคงปฏิเสธ
“ใช่คนในกลุ่มเรามั้ย!” ยัยเดียถามขึ้นเสียงดัง
ทำเอาฉันนิ่งไปไม่เป็นอีกครั้ง ร่างกายไร้เรี่ยวแรง ท้องไส้เริ่มปั่นป่วน เหมือนสิ่งที่กินเข้าไปกำลังจะทยอยกันออกมาทางเดิมแล้ว
“เงียบแบบนี้ต้องใช่แน่ๆ” ฮันน่าพูดอย่างมั่นใจ
“ใครวะ ไอ้เกอร์เหรอ” ยัยเดียเริ่มไล่ชื่อคนในกลุ่มทีละคน
ฉันไม่ตอบ ทำได้เพียงแค่ส่ายหน้าปฏิเสธไป เพราะถ้าขืนพูดออกมาตอนนี้มีหวังทุกอย่างในท้องได้พุ่งออกมาแน่
“หรือจะเป็นไอ้วิน” ยัยเดียยังไม่ยอมแพ้ ถามต่อไม่ยอมหยุด
ฉันยังคงส่ายหน้าเพื่อเป็นการปฏิเสธอีกครั้ง พร้อมทั้งหายใจเข้าลึกๆ เพื่อตั้งสติจัดการทุกอย่างในลำไส้ให้เป็นปกติ
“หรือว่าไอ้ติน!”
“มึงหยุดพูดได้มั้ยวะ กูจะชอบใครหรือว่ารักใครมันก็ไม่มีประโยชน์หรอก เขามีแฟนแล้ว มึงไม่ได้ยินเหรอว่าเขาจริงจังกันแค่ไหน!” ฉันพูดออกมาทั้งน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้ม หมดกัน! สิ่งที่ฉันพยายามเก็บเอาไว้คนเดียวมานาน
“เรื่องจริงเหรอวะ!”
เป็นยัยฮันน่าที่ตกใจจนเผลอเอามือปิดปากตัวเองเอาไว้ ยัยเดียเองก็ถึงกับต้องอยู่ในความเงียบ เพราะไม่คิดว่าฉันจะพูดความจริงออกมาแบบนี้
และใครจะไปรู้ว่ายัยฮันน่าที่ถือโทรศัพท์อยู่กำลังไลฟ์สดเรื่องของฉันตั้งแต่เริ่ม และจะให้ทุกคนหยุดทุกอย่างตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว เพราะออสตินกับแฟนสาวรุ่นน้องได้เข้ามาดูไลฟ์สดตั้งแต่เริ่มแรก ป่านนี้คงจะได้ยินทุกอย่างชัดเจนแล้ว…