“เคยหรือเปล่า?”
คนฟังหน้าแดงก่ำ เข้าใจในสิ่งที่คนถามต้องการสื่อ
“ยังค่ะ มนยังไม่เคยมีแฟน”
“ไม่มีแฟนก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เคย หรือว่าเธอไม่รู้จักวันไนท์? อ้อ...ที่ถามนี่ไม่ใช่ว่าฉันให้ความสำคัญกับความบริสุทธิ์ของผู้หญิงหรอกนะ ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นฉันก็คงไม่สนใจ แต่สำหรับเธอฉันต้องมั่นใจว่าตัวเองจะไม่ถูกย้อมแมวขาย”
“มนยังเวอร์จิ้น ถ้าคุณต้องการฟังคำนี้”
“งั้นเหรอ? แต่ฉันไม่เคยเชื่ออะไรง่ายๆจนกว่าตัวเองจะได้พิสูจน์ด้วยสิ อ้อ รู้ใช่มั้ยสำหรับผู้ชายต่อให้ไม่ได้รักไม่ได้ชอบก็สามารถเอาได้”
มนนัทธ์ธรที่หน้าแดงก่ำอยู่แล้วถึงกับเห่อร้อนไปทั่วทั้งใบหน้าและลำคอเมื่อรู้ความนัยที่คนพูดต้องการสื่อ
ก็เหมือนอย่างที่เขาพูด
ไม่มีแฟนก็ไม่ได้หมายความว่าไม่เคย...ถึงไม่เคยก็ไม่ได้แปลว่าไม่รู้ความหมาย
เธอไม่ได้ตอบคำถามนี้ เหมือนคนถามเองก็ไม่คิดอยากได้คำตอบจริงจัง เพราะทันทีที่พูดจบริมฝีปากเย็นชื้นจากการอาบน้ำใหม่ก็ก้มลงจูบริมฝีปากอิ่มของเธออย่างหนักหน่วงไร้ซึ่งความอ่อนโยน
“อ๊ะ...”
จูบแรกของเธอถูกปล้นไปอย่างรุนแรง
ความเจ็บทำให้เธออยากประท้วง แต่สิ่งที่เธอทำได้คือการนิ่งและปล่อยให้คนตัวสูงปล้นจูบตามใจชอบ
ทว่าเวลาผ่านไปไม่ถึงห้านาทีความรุนแรงของจูบก็ค่อยๆลดลง อาจจะไม่ถึงกับอ่อนโยนแต่มันก็ทำให้เธอคลายความตระหนกและลดความกลัวลงไปมาก
คนเพิ่งเคยจูบพยายามเรียนรู้ แต่เพราะเป็นจูบแรกทำให้รู้สึกประหม่า และความประหม่านั้นก็ทำให้เธอทำตัวไม่ถูกไม่รู้ต้องทำยังไง เธอควรขยับปากไปกับเขาหรือควรอยู่นิ่ง เธอควรยกมือขึ้นกอดลำคอหนาหรือวางมันไว้กับอกแกร่ง หรือแม้แต่การหายใจเธอยังลืมว่าตัวเองควรจะหายใจเข้าออกหรือต้องกลั้นมันเอาไว้
"เปิดปาก อย่ากลั้นหายใจ ฉันยังไม่อยากถูกตั้งข้อหาฆ่าเมียที่เพิ่งแต่งงานกันแค่วันเดียวหรอกนะ"
เป็นอีกครั้งที่คนพูดไม่คิดที่จะเอาคำตอบ เมื่อพูดจบริมฝีปากร้อนของเขาก็บดจูบลงมาบนริมฝีปากอิ่มของเธออย่างหนักหน่วง ขยับดูดเม้มริมฝีปากอิ่มของเธอ ก่อนจะสอดลิ้นของเขาเข้ามา ตรัดเกี่ยวรัดกับลิ้นของเธออย่างชำนาญ กลายเป็นว่าเธอกับเขาจูบแลกลิ้นกันอย่างดูดดื่ม
แม้จะยังเก้ๆกังๆ แต่การตอบสนองของเธอก็ทำให้พิชญุตม์พอใจอยู่มาก ดูได้จากการจูบระหว่างกันที่เขาแทบไม่ปล่อยให้เธอเป็นอิสระ จะผละออกห่างก็ตอนที่ปล่อยเธอได้หายใจเข้าออกเอาซิเจนเข้าปอด
เมื่อเห็นว่าเธอหายใจได้ปกติก็จู่โจมโดยจูบอันเร่าร้อน ทั้งดูดเม้มและเกี่ยวรัด เกือบยี่สิบนาทีที่เธอกับเขาจูบแลกลิ้นกัน ก่อนที่ริมฝีปากร้อนของเขาจะค่อยๆเคลื่อนย้ายไปตามลำคอระหงและหยุดนิ่งที่อกอวบอันปราศจากเสื้อผ้าห่อหุ้ม สายตาคมของเขาที่กำลังจ้องมองมันทำให้เธอรู้สึกร้อนวูบวาบ นัยน์ตาของเขาจ้องนิ่ง มุมปากยกยิ้ม คล้ายว่าเขากำลังพอใจกับความอวบใหญ่ตรงหน้า ก่อนที่เธอจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อริมฝีปากร้อนทาบทับลงบนอกอวบของเธออย่างเหมาะเจาะ
เขาดูดดึงเม็ดไต ตวัดเลียสลับกับการดูดเม้ม ทำมันทั้งสองข้างอย่างเท่าเทียมโดยไม่ปล่อยให้ข้างใดข้างหนึ่งน้อยใจ ถ้าข้างหนึ่งถูกปรนเปรอด้วยริมฝีปากร้อน อกอวบอีกข้างก็ต้องถูกปรนเปรอด้วยมือหนาอย่างไม่น้อยหน้า ความชำนาญและมากประสบการณ์ของเขาทำให้เธอหวาบหวิว สยิว เสียวซ่าน ปั่นป่วนไปทั่วท้องน้อย และไม่เป็นตัวเอง
เธออยากกรีดร้อง อยากให้เขาช่วยปลดปล่อย ทว่าสิ่งที่ทำคือการนอนเหยียดตรงบิดตัวไปมา ริมฝีปากเม้มแน่นกักเก็บเสียงครวญครางเอาไว้ไม่ให้เล็ดลอดออกมา แต่เหมือนว่ามันจะไม่ได้ผลเมื่อคนตัวสูงเพิ่มแรงปาดเลียและดูดเม้มอกอวบของเธอแรงขึ้น เร็วขึ้น จนเธอไม่สามารถกักเก็บเสียงครางเอาไว้ได้
“อ๊ะ...อืมมม”
เสียว...
และเสียวมาก
คือสิ่งที่กำลังจู่โจมเธออย่างรุนแรง
“เสียวเหรอ? เดี๋ยวเธอจะเสียวยิ่งกว่านี้”
พิชญุตม์ถาม ยกยิ้มพอใจกับเสียงครวญครางที่ดังขึ้นเรื่อยๆ
และรอยยิ้มของเขาก็ทำให้คนที่นอนอยู่ใต้ร่างสูงหน้าแดงก่ำ ใบหน้าเห่อร้อนเมื่อตัวตนอันแข็งขืนและร้อนผ่าวของคนด้านบนที่บดเบียดแนบชิดอยู่กับความเป็นหญิงของเธอก่อนหน้าถูกดันแทรกเข้ามาในตัวเธอ เพราะเป็นครั้งแรกบวกกับความใหญ่โตของเขาทำให้เธอรู้สึกเจ็บแปลบและจุกเสียดจุดกึ่งกลางราวกับร่างกายจะปริแตก
ความเจ็บทำให้เธออยากผลักไสคนตัวสูงที่กำลังสอดแทรกกายแกร่งเข้ามาออกห่างพอๆกับการกอดรัดเขาเอาไว้แน่นหวังให้ช่วยคลายความทรมาน
“เจ็บ...”
“ชูว์...เจ็บนิดเดียว”
มนนัทธ์ธรมองคนพูดตาปรือก่อนจะเบ้ปาก เมื่อตระหนักได้ว่าสิ่งที่เขาพูดมันไม่เป็นความจริง เพราะทันทีที่เขาเริ่มขยับตัวความเจ็บแปลบก็ถาโถมเข้าหาเธออีกครั้ง ทุกการเคลื่อนไหวของเขาที่ขยับโยกและบดคลึงทำให้เธอทั้งเจ็บแปลบและจุกเสียด
อาจจะไม่เท่าครั้งแรกที่เขาแทรกตัวตนเข้ามา ทว่าความจุกเสียดก็ยังมีมาก
เธออยากได้ยินคำปลอบโยน หรืออะไรก็ได้ที่ช่วยให้เธอเบาใจว่าเขาจะไม่รุนแรง