ภายในรถตู้หรู สายตาคู่คมเหม่อลอยไร้จุดโฟกัสด้วยมีเรื่องให้ต้องขบคิด หัวใจแกร่งว้าวุ่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เธอคนนั้นจะยังรออยู่ไหม จู่ๆ ความกลัวก็เกาะกินใจ กลัวว่ากลับไปจะเจอเพียงความว่างเปล่า
แสงไฟตามทางเท้าค่อยๆ ถูกเปิดขึ้นเป็นระยะ แล้วสายตาก็ปะทะกับร่างเล็กบอบบาง แม้จะเห็นเพียงเสี้ยวหน้า แต่เขาก็จำได้ดี
“หยุดรถ!!”
เอี๊ยด!!
เสียงเบรคดังสนั่น ทันทีที่ประตูเลื่อนเปิด อคิณก็ก้าวลงจากรถทันที
“อคิณ นายจะไปไหน นายจะลงจากรถแบบนี้ไม่ได้นะ เดี๋ยวแฟนคลับก็แห่กันมาหรอก อะ...อุ๊บ!” กาอินตกใจต่อการกระทำของอคิณ ในเวลานี้คลาคล่ำไปด้วยผู้คน แล้วศิลปินในความดูแลลงจากรถไปเช่นนี้ หวั่นจะเกิดความโกลาหลจากแฟนคลับ และกลายเป็นข่าวใหญ่
“เพราะเสียงพี่กาอินนั่นละจะทำให้แฟนคลับรู้” ไดชิปิดปากพร้อมรั้งคนโวยวายที่เตรียมพุ่งตัวตามอคิณไปเข้าหาตัว ทำให้ตอนนี้กาอินอยู่บนตักของเขา
“นี่ก็ขยันเสี่ยงชีวิตจริงๆ” อาแจ๊กซ์ส่ายหน้าอย่างปลงๆ กับสิ่งที่น้องเล็กของวงจะต้องเจอ
“ทรี ทู วัน” เดวิดยกมือขึ้นมานับเวลาถอยหลัง
“โอ๊ยยยย” ไดชิร้องลั่นเพราะคมเขี้ยวของกาอินที่ฝากฝังลงบนมือของเขา
“ไดชิ!!” เป็นอิสระได้ สองมือก็ขยุ้มผมของศิลปินในความดูแล
“โอ๊ยๆ” หัวของไดชิโยกคลอนไปตามแรงมือร้ายกาจของผู้จัดการวง
แจยุน อินซู แบคฮยอน อาแจ๊กซ์ และเดวิด พากันส่ายหน้าเอือมระอาผู้จัดการกับน้องเล็กของวง ก่อนทุกสายตาจะหันไปมองอคิณที่วิ่งข้ามถนนฝ่าฝูงชนไปหาหญิงสาวที่ทุกคนก็จำได้ อยากรู้ว่าเพื่อนร่วมวงจะทำอะไร
ขณะเดินดุ่มๆ ไปยังร่างเล็กบอบบาง อคิณล้วงแมสก์ในกระเป๋าเสื้อออกมาใส่ เสื้อฮู้ดที่ใส่มีประโยชน์ช่วยคลุมศีรษะปกปิดใบหน้าได้อีกทาง
“อคิณ โอนิกซ์ หรือเปล่า”
“เป็นไปไม่ได้หรอกที่อคิณจะมาเดินแถวนี้”
“นั่นอคิณ โอนิกซ์ ใช่ไหม”
“คนหน้าคล้ายหรือเปล่า”
เสียงสงสัย เสียงไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น ดังขึ้นให้ได้ยินเป็นระยะๆ แต่ก็ไม่มีเสียงใดหยุดยั้งร่างสูงที่มุ่งเดินหาเป้าหมาย เขาต้องใช้ความรวดเร็วในการพาเธอกลับไปที่รถ
อคิณไม่รีรอที่จะคว้าแขนเรียวเล็กฉุดรั้งไว้ ไม่รู้เพราะเขาออกแรงมากเกินไป หรือเป็นเธอที่ตัวเล็กอ้อนแอ้น ร่างนั้นจึงปะทะกับร่างของเขา
“ฉันบอกให้เธอรอ ทำไมเธอถึงไม่รอฉัน กันตา” ดวงตาคู่งามเบิกกว้างชะงักค้าง ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นตกใจเมื่อตัวเธอลอยละลิ่วขึ้นไปอยู่บนบ่ากว้าง
“ฉลาม!!”
“ฉันอายุมากกว่าเธอ” เสียงนั้นกราดเกรี้ยว เมื่อคืนเขาถือวิสาสะเปิดกระเป๋าของเธอ บัตรประชาชนบ่งบอกว่าเธออายุ 18 ปีเท่านั้น แน่นอนว่าเขาอายุมากกว่าเธอ 5 ปี
ร่างสูงเดินอาดๆ กลับไปที่รถ ไม่รู้ทำไมเข้าถึงต้องโกรธเธอมากขนาดนี้ ท่ามกลางสายตาหลายสิบคู่ที่มองด้วยความเคลือบแคลง
“ว๊าย!!” ร่างเล็กถูกวางบนเบาะอย่างไม่เบามือนัก ร่างสูงที่ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ทำให้เธอต้องรีบขยับกายชิดด้านในสุด
“ออกรถ” อคิณสั่งเสียงเข้ม สลัดแมสก์ออกจากใบหน้า ตามด้วยหมวกฮู้ดออกจากศีรษะ อารมณ์ของเขายังคงคุกรุ่น
“นะ...” เสียงของกันตาถูกกลืนหาย เม้มริมฝีปากแน่น เพราะสายตาคมกริบทั้งหกคู่ที่มองมาที่เธอ และสายตาของแต่ละคนก็แสดงอารมณ์ต่างกันไป บ้างก็ฉายแววปนทะเล้น บ่งบอกว่าเป็นคนขี้เล่น บ้างก็แสดงความเป็นมิตรออกมาอย่างไม่ปิดบัง บ้างก็เรียบเฉยจนไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร แต่ก็ไม่ได้แสดงความน่ากลัวออกมาให้เห็นเช่นสายตาน่ากลัวๆ ของคนที่อุ้มเธอขึ้นมาบนรถ และยังมีสายตาเป็นกังวลจากผู้หญิงอีกคน
“แล้วพี่กาอินจะนั่งตักไดชิอีกนานไหม” แจยุนเอ่ยถาม เพราะดูเหมือนว่ากาอินจะหลงลืมว่ากำลังนั่งอยู่บนตักไดชิ
“เด็กบ้า” กาอินหันไปมองหน้าเจ้าเด็กญี่ปุ่น เอ่ยว่ากลบเกลือนความลืมตัวของตน รีบลุกไปนั่งยังเบาะว่าง แก้มที่ขึ้นสีแดงระเรื่อของผู้จัดการวงทำไดชิกระตุกยิ้มเบาๆ
ภายในรถตู้คันหรูตกอยู่ในความเงียบ จนกระทั่งถึงอพาร์ทเมนต์ และทำให้กันตารู้สึกว่าตัวเองเหมือนเป็นนักโทษ
“จะบอกได้หรือยังว่าทำไมถึงไม่รอฉัน”
“อคิณอย่ามีความลับ” เพราะอคิณพูดกับกันตาด้วยภาษาไทย ทำให้อาแจ๊กซ์ไม่เข้าใจความหมาย และอยากรู้ว่าทั้งคู่คุยอะไรกัน
“อาแจ๊กซ์มานี่เลย ให้อคิณจัดการ” แบคฮยอนดึงคอเสื้อด้านหลังของอาแจ็กซ์ให้ออกห่างอคิณกับกันตา
“หลังประชุมเสร็จบอกว่าอยากอาบน้ำแล้วพักผ่อนกันไม่ใช่เหรอ ไปสิ” อคิณพูดกับเพื่อนร่วมวงเป็นภาษาอังกฤษ
“ใช่ พวกนายทุกคนควรไปอาบน้ำ อีกเดี๋ยวอาหารก็มาส่ง กินเสร็จจะได้พักผ่อน เพราะพรุ่งนี้ต้องไปถ่ายรายการแต่เช้า และถ่ายทำตลอดทั้งวัน จะต้องให้บอกไหมว่ามีรายการอะไรบ้างที่พวกนายต้องไปออก”
“No No พี่กาอินบอกพวกเราตั้งแต่ออกจาก Sol แล้ว ผมไม่อยากฟังแม่บ่นอีกแล้ว” อาแจ๊กซ์รีบห้าม ทุกครั้งที่กาอินพูด เหมือนฟังแม่บ่นอย่างไรอย่างนั้น
“สามรอบที่พี่กาอินบอกทำผมจำได้ขึ้นใจ” เดวิดจำตารางงานของวันพรุ่งนี้ได้ขึ้นใจ เพราะผู้จัดการสาวเน้นย้ำถึง 3 ครั้ง
“ผมอยากกินบะหมี่” ไดชิบอกหน้าตาเฉย กาอินค่อยๆ หันมองหน้าเด็กญี่ปุ่นอย่างเอือมๆ
“มีข้าวจะกินบะหมี่”
“ไม่ได้เหรอ”
“ได้ มีใครจะเอาอีกไหม”
“เอา”
“สรุปเอาทุกคน แล้วเธอล่ะจะเอาด้วยไหม ฉันจะได้ทำทีเดียว”
“คะ?” กันตารับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังพูดกับตัวเอง เพราะสายตาที่มองมา แต่ฟังที่กาอินพูดไม่ทัน เธอพูดเร็ว มิหนำซ้ำยังเป็นภาษาเกาหลี
“พี่กาอินถามว่ากันตาจะเอาบะหมี่ด้วยไหม”
“มะ...ไม่เป็นไรค่ะ”
“พี่กาอินช่วยทำเผื่อเธอด้วย” อคิณรู้ว่ากันตาปฏิเสธเพราะเกรงใจ วันนี้ทั้งวันเธอคงกินแค่ข้าวผัดกะเพราไข่ดาวที่เขาทำไว้ให้
“อือ พวกนายก็ไปอาบน้ำกันสิ” กาอินตอบแบบขอไปที ก่อนจะแผดเสียงใส่หนุ่มหล่ออีก 6 คน ที่ยังนั่งมองหญิงสาวแปลกหน้า
“ครับแม่” 6 หนุ่มหล่อประชดประชนด้วยความทะเล้น ก่อนจะแยกย้ายไปยังห้องของตัวเอง
“ภายนอกอาจจะดูดุ ขี้โวยวาย แต่จริงๆ แล้วพี่กาอินใจดีมากๆ”
“ค่ะ”
“คราวนี้จะบอกฉันได้หรือยังว่าทำไมไม่รอฉันกลับมา หรือไม่เห็นโน้ต”
“เห็นค่ะ”
“เห็นแล้วทำไมไม่รอ”
“ก็...”
“งั้นฉันถามกันตาใหม่ กันตากำลังจะไปไหน”
“...” กันตาไม่สามารถตอบได้ เพราะเธอเดินไปอย่างไร้จุดหมาย
“กลับบ้าน?”
“...” อคิณเห็นแววตาที่หม่นเศร้าลงของกันตาเมื่อเขาพูดถึงบ้าน
“ถ้าไม่กลับบ้าน ไม่รู้จะไปไหน กันตาอยู่ที่นี่ไหม” อคิณไม่สามารถตอบตัวเองได้ว่าเพราะเหตุใดเขาจึงอยากให้ผู้หญิงตรงหน้าอยู่ด้วยกันที่นี่ ทั้งที่ยังไม่รู้หัวนอนปลายเท้าของเธอ
“กันตาอยู่ที่นี่ได้เหรอคะ” ไม่รู้ทำไมถึงดีใจมากที่ผู้ชายตรงหน้าให้เธออยู่ที่นี่ด้วย ทั้งที่เขากับเธอเป็นแค่คนแปลกหน้าต่อกัน
“ได้สิ แต่ฉันต้องรู้เรื่องของเธอ”
“กันตา...”