21.36 PM.
"กระเป๋าหายไปไหน"
ฟึ้บ
ของมากมายในกระเป๋าถือของฉันหล่นลงกระจายเต็มเตียงหากแต่สิ่งที่ฉันตามหาดันไม่มี ฉันเม้มปากแน่นพร้อมกับความกังวลที่กำลังประดังเข้าหัว
"ให้ตาย"
ดวงตาฉันเบิกกว้างเมื่อนึกถึงคนคนนั้นที่ฉันเพิ่งแยกจากเขาไม่ถึงชั่วโมงหลังจากที่เขาเกือบขับรถชนฉันที่วิ่งไม่ดูทาง ฉันกัดปากตัวเองแน่นพลางนึกถึงของสำคัญที่ต้องอยู่ติดตัวฉันตลอดเวลาหากแต่ตอนนี้มันคงอยู่ที่เขา..ไม่ก็หล่นหายไประหว่างที่ฉันกำลังวิ่งหนีพวกนั้น
"ไม่น่าเลย"
ได้แต่ด่าตัวเองที่คิดว่ามันจะไม่อะไรแล้วหลังจากที่ไม่ได้เจอหนักๆมานานแต่ไม่เลย ฉันเดินไปที่หน้าต่างหอพร้อมกับมองออกไปนอกกระจกแต่ก็ต้องรีบปิดผ่าม่านเมื่อเห็นเงาดำทมึงที่ยืนออกันอยู่ที่หน้าทางเข้าหอ
เงาดำที่ยืนเรียงรายอยู่ข้างหน้าหอต่างมองตรงจ้องเขม่งมาที่ฉันราวกับรู้ว่าฉันเห็นพวกเขาและมันใช่..ฉันเห็นสิ่งที่น้อยคนนักจะเห็น
ติ๊ดๆๆ
เสียงโทรศัพท์ทำให้ฉันชะงัก ฉันสบัดหัวไล่เรื่องที่ตัวเองวิ่งหนีผีที่รุมมาขอส่วนบุญในระหว่างทางจนทำให้ฉันเกือบจะโดนรถชนให้พ้นหัวก่อนจะตรงไปหยิบโทรศัพท์มากดรับ
"สวัสดีค่ะยาย"
(เป็นไงบ้างบลู)
"เหมือนยายรู้ว่าบลูเจออะไรมา" ฉันค่อยๆนั่งลงที่ปลายเตียง
(ยายแค่รู้สึก)
"จริงๆบลูก็อยากแค่รู้สึกได้นะไม่อยากเห็นเป็นตัวเป็นตนแบบนี้"
(ยายหาวิธีช่วยอยู่แต่มันก็ยากเหลือเกิน)
"ไม่เป็นไรค่ะยาย บลูเริ่มจะชินแล้ว" ฉันกลืนน้ำลายเพราะดันไปพูดสิ่งที่ตัวเองรู้สึกเหนื่อยหน่ายมาหลายปีให้ยายเครียดไปด้วย "จริงๆวันนี้เพิ่งมีเรื่องมา"
(เรื่องอะไร?)
"บลูคิดว่าพวกเขาคงไม่รู้ตัวกันว่าบลูเห็น แต่บลูนิ่งไม่อยู่ตอนเดินกลับพวกเขาเลยรู้"
(ตายแล้ว แล้วพวกเขาทำอะไรหนูไหม?)
ฉันมองแผลที่หัวเข่าที่เกิดจากที่ตัวเองหกล้มเองก่อนจะถอนหายใจ
"ไม่ค่ะ ก็แค่ขอส่วนบุญ"
(โถ่ลูกเอ้ย เรียนก็เหนื่อยพอแล้วยังต้องมาโดนอะไรแบบนี้อีก)
"ทำไงได้ล่ะคะมันคงเป็นเวรเป็นกรรมของบลูเอง"
(ไม่เอาลูกไม่พูดแบบนั้น) ฉันเม้มปากไม่ได้ตอบอะไรกลับ (แล้วไม่มีเรื่องอะไรอีกแล้วใช่ไหม?)
"ไม่ค่ะ วันนี้มีแค่นี้"
ฉันเลือกที่จะไม่พูดเรื่องที่เกือบโดนชนและทำกระเป๋าที่มีของสำคัญอยู่ให้ยายฟังก่อนเราจะคุยเรื่องต่างๆกันไปเรื่อยจนฉันขอวางเพราะมันล่วงเลยเวลาจนเกือบจะสี่ทุ่มแล้ว
ฉันกลับมานั่งเคลียร์งานไปเรื่อยจนถึงเวลานอนซึ่งนั้นทำให้ฉันลืมเรื่องกระเป๋าไปซะสนิท ลืมไปเลยว่าตัวเองต้องมีสิ่งนั้นอยู่ด้วยตอนนอน..
...
..
.
ร้อน..สัมผัสนี้มันร้อนจนทำเอาเหงื่อไหลลงตามไรผม ฉันลืมตาขึ้นมองและพยายามเพ่งมองแต่สิ่งที่ได้เห็นมีเพียงร่างกายกำยำที่กำลังขยับเร่งเร้าจังหวะเข้าออกภายในช่องทางคับแคบของฉัน
"อื้ออ"
ริมฝีปากฉันอ้าครางออกมาอย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่พร้อมกับเรียวขาที่ถูกขยับแยกออกกว้างเพื่อให้สิ่งคับพองได้ขยับกระแทกกระทั้นเข้ามาภายในได้ถนัด
"จับไว้"
เสียงเข้มเอ่ยติดติ่งหูของฉันก่อนริมฝีปากจะครอบงำติ่งหูของฉันพร้อมขบกัดเบาๆแต่แค่นั้นก็ทำเอาฉันแทบสิ้นใจ แขนฉันตวัดโอบรัดต้นคอเขาไว้แน่นพร้อมหน้าท้องที่กำลังหดเกร็งจากจังหวะการกระแทกที่เต็มไปด้วยความดุดันและเร้าร้อน
ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นใครแต่สัมผัสจากเขามันดีมาก
"อ๊ะอ๊ะ"
ฉันครางออกมานับครั้งไม่ถ้วนพร้อมกับร่างกายตัวเองที่กำลังผสานไปกับร่างกายเขาพร้อมจังหวะดุดันที่กำลังนำพาให้เราพุ่งทะยานไปด้วยความต้องการ
เหมือนยิ่งขยับยิ่งไม่พอ ยิ่งเสือกไสแรงเท่าไหร่เหมือนมันจะยังไม่สาแก่ใจของเรา ยิ่งเราต้องการกันมากเท่าไหร่มันเหมือนทุกอย่างจะไม่ตอบสนองความต้องการของเราเท่าที่ควร มันต้องการมากอีก...มากกว่านี้อีก
"มะไม่ไหวแล้ว"
ฉันกัดปากตัวเองจนรู้สึกเจ็บพร้อมกับฝ่ามือใหญ่ที่จับเชยคางฉันขึ้นพร้อมกับใบหน้าของเขาที่อยู่ในเงามืดที่กำลังจ้องตากับฉันอยู่ด้วยดวงตาดำขลับที่จ้องมองฉันที่กำลังทรมานจากการสัมผัสของเขาด้วยความชอบใจก่อนลิ้นร้อนจะเลียริมฝีปากตัวเองก่อนยกยิ้มร้าย
"จำเอาไว้" เขาว่าในช่วงสุดท้ายที่ฉันกำลังจะหลุดพ้นพร้อมกับใบหน้าที่ขยับให้ต้องแสงจันทร์ "จำเอาไว้"
"อ๊ะอ๊าา"
พรึ่บ!
ดวงตาฉันเบิกกว้างพร้อมกับแสงสว่างจ้าที่ส่องเข้ามาภายในห้องนอน ฉันหอบหายใจเสียงดังก่อนจะหันมองเตียงตัวเองที่ตอนนี้ชุ่มไปด้วยเหงื่อตัวเองและใช่..ฉันฝัน
เขามาอีกครั้งหลังจากที่หายไปหลายเดือนและฉันรู้ว่าทำไมฉันถึงฝันถึงเขาอีก ฉันรีบลุกจากเตียงพร้อมอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะเข้ามหาลัยเพื่อติดต่อหากระเป๋าเงินซึ่งคำตอบที่ฉันได้จากฝ่ายบุคคลคือ
'มีคนมาแจ้งไว้นะแต่เขาประกาศหาในระบบ นี่ค่ะโพสเขาและเขาทิ้งช่องทางติดต่อให้'
ขอบคุณที่มันอยู่ที่เขาและเขาไม่ได้ทิ้งหรือไม่ใส่ใจจะคืน จริงๆฉันไม่ต้องการเงินไม่ต้องการอะไรเลยนอกจากยันต์ที่อยู่ในกระเป๋า
(ฮัลโหล)
หลังจากที่ฉันได้เบอร์ติดต่อฉันก็จัดการโทรออกทันที ฉันนั่งลงที่ม้านั่งแถวศาลาที่มีพระของมหาลัยแทนที่จะไปหานั่งคุยที่ที่ดีและคนเยอะกว่านี้
"สวัสดีค่ะ ฉันเป็นเจ้าของกระเป๋า"
(อ่อ คนเมื่อคืนนี้)
เสียงเข้มตอบกลับมาซึ่งนั้นมันทำเอาฉันชะงักเพราะเสียงเขามันคุ้น..คุ้นแปลกๆ
(เฮ้ ยังอยู่ในสายไหม?)
"ค่ะๆ คือฉันอยากได้กระเป๋าคืนน่ะค่ะคุณสะดวกไหมคะวันนี้"
(มีเรียนสี่โมงเช้า) เขาบอกนั้นทำให้ฉันต้องดูนาฬิกาและตอนนี้มันเพิ่งจะเก้าโมง
"ให้ฉันไปรอเอาที่ไหนหรอคะ?"
(เธออยู่ในมอ?)
"ค่ะ"
(งั้นไปรอที่ตึกนิเทศได้ไหมเดี๋ยวจะรีบเอาเข้าไปให้)
"ได้ค่ะ แต่ไม่ต้องรีบก็ได้นะคะมาตอนที่คุณจะเรียนเลยก็ได้"
(ครับ)
หลังจากฉันคุยกับคนปลายสายเสร็จฉันก็จัดการย้ายตัวเองมาอยู่ที่ตึกของคณะนิเทศทันที ตึกนี้แย่หน่อยตรงที่มันไม่มีศาลาหรือศาลพระภูมิเลย ฉันขยับแว่นกรองแสงที่แทบจะเป็นสีดำของตัวเองและเดินไปนั่งที่โต๊ะใกล้ๆร้านขายน้ำปั่นที่มีหิ้งพระอยู่ภายในร้านแทน
ติ๊ดๆๆ
และไม่นานเขาก็โทรกลับ
"ฮัลโหลค่ะ"
(อยู่ไหนครับ?)
"หน้าร้านขายน้ำปั่นค่ะ"
(โทษทีแต่มัันมีหลายร้านนะคุณ)
ฉันขยับลุกและมองซ้ายมองขวาเพื่อหาจุดสังเกตใหม่แทนก่อนฉันจะขยับหันหลังพร้อมกับร่างสูงที่กำลังยืนถือโทรศัพท์แนบหูที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้า เขาอยู่ในชุดนักศักษาเรียบร้อยและในมือกำลังถือกระเป๋นเงินของฉันซึ่งนั้นทำให้ฉันมั่นใจว่ามันเป็นเขาแน่ๆ
ฟึ้บ..
ฉันยิ้มและเงยหน้าเพื่อมองหน้าเขาแต่รอยยิ้มตัวเองกลับต้องชะงักเมื่อได้สบตากับดวงตาดำขลับ..ดวงตาฉันเบิกค้างพร้อมกับโทรศัพท์ที่กำลังร่วงหล่นสู่พื้น
เมื่อวานตอนที่เขาขับรถเกือบชนฉันไม่ทันได้มองว่าหน้าตาเขาเป็นไงแต่ตอนนี้เมื่อฉันได้เห็นเต็มๆตามันทำให้ฉันนิ่งอึ้ง หัวใจเต้นแรงด้วยความกลัวเพราะเขา..เขาเป็นคนเดียวกันกับผู้ชายที่มักจะอยู่ในฝันฉันเสมอหากฉันไม่มีแผ่นยันต์ใกล้ตัว
และที่แย่กว่านั้นคือ..ในฝันฉันมีเซ็กส์กับเขาตลอด เขาที่หน้าตาเหมือนผู้ชายที่กำลังยืนถือกระเป๋าเงินตรงหน้าตอนนี้