ตอนที่ 4 หมอเถื่อน
ผมอุ้มลูกกลับเข้ามาภายในห้อง โดยไม่สนใจว่าใครจะพูดนินทาลับหลังว่าผมเป็นคนไทยป่าเถื่อนไร้มารยาท เอาแต่ใจ เพราะแต่ไหนแต่ไรมา ผมไม่เคยถูกชมว่าเป็นคนมนุษยสัมพันธ์ดีหรือมีมารยาท อีกอย่างคนพวกนี้ไม่คู่ควรจะได้รับการเคารพนบน้อมอะไรจากผม ตอนอยู่เมืองไทยต่อให้นางฟ้า นางสวรรค์ นางสาวสยามมารยาทงามแค่ไหนเข้าใกล้ ผมก็ร้ายใส่ทั้งนั้น แล้วนับประสาอะไรกับคนที่จ้องแต่จะดูถูก ดูแคลนผมตลอดเวลา ทำไมผมต้องไปทำดีกับมันด้วย ผมไม่ใช่ทูตวัฒนธรรมเสียหน่อย
“อื้อ”
“ครับลูก แม่อยู่นี่ ไม่ต้องกลัวนะคาลวิน แม่จะไม่มีวันยอมให้ใครมาว่าลูกของแม่เด็ดขาด”
“ฮึก ฮึก” ปากเล็กเบะร้องออกมาเสียงร้องไห้จ้าของลูกน้อยยิ่งทำให้ผมรู้สึกโดดเดี่ยว
พี่เลี้ยงสามคนเข้ามายืนเรียงแถวหน้ากระดาน เพื่อช่วยผมเลี้ยงลูก จากนั้นพยาบาลวิชาชีพคนหนึ่งจึงบอกว่า คาลวินน่าจะมีไข้จากการเข้าไปรับวัคซีนมาเมื่อช่วงเช้า แม้คุณหมอจะบอกผมล่วงหน้ามาแล้ว แต่ผมกลับรู้สึกร้อนรน ทนฟังเสียงร้องไห้ของลูกไม่ได้ หัวใจอันกระด้างหยาบไหวยวบลงทันที
“คาลวินเป็นอะไรเหรอ” อีวานเดินเข้ามาในห้องก่อนจะตรงเข้ามาหาลูกชาย แววตาของมาเฟียหนุ่มใหญ่ไม่ต่างอะไรจากผม
“เข้ามาทำไม ออกไปอยู่กับญาติของคุณสิ”
“ฉันได้ยินเสียงคาลวินร้องไห้ ฉันเป็นห่วงลูกถึงได้เดินมาดู”
“เห็นแล้วนี่...กลับไปได้แล้ว”
“ไม่กลับ”
“คุณจะอยู่ทำไม อยู่ไปก็ช่วยอะไรไม่ได้”
“นายก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะถ้าช่วยได้คาลวินคงไม่ร้องไห้หนักขนาดนี้”
“นี่คุณกำลังบอกว่าผมเลี้ยงลูกไม่ดีอย่างนั้นเหรอ”
“ก็...”
“ออกไป!”
แง้ เสียงร้องไห้ของลูกชายดึงความสนใจของผมไปจากการทะเลาะกับอีวาน พยาบาลกับพี่เลี้ยงพยายามช่วยกันใช้ผ้าผืนนุ่มชุบน้ำมาเช็ดตัวให้แต่ดูเหมือนลูกชายของผมยังไม่ดีขึ้น แผ่นเจลเย็นลดไข้สำหรับเด็กลายการ์ตูนน่ารัก ถูกนำมาแปะทับลงบนหน้าผากเหม่ง
“คาลวินไม่เป็นไรนะลูก แม่อยู่นี่นะครับ” ทั้งที่คุณหมอบอกล่วงหน้าเอาไว้แล้วว่าคืนนี้ลูกเล็กของผมอาจมีไข้สูงและงอแงมาก แต่คุณแม่มือใหม่อย่างผมกลับพบว่าตัวเองรับมือกับสถานการณ์นี้ได้ไม่ดีเอาเสียเลย
“ฉันจะโทรตามหมอให้”
อีวานไม่ได้ออกจากห้องอย่างที่ผมไล่ แต่กลับเดินเข้ามาหาลูกชายพร้อมโทรศัพท์สายตรงถึงคุณหมอ ออกคำสั่งเสียงเฉียบว่าให้ตรงมาหาที่บ้าน
ผ่านไปเพียงไม่นานคุณหมอจากโรงพยาบาลเด็กก็เดินพุ่งเข้ามาภายในห้องพร้อมกล่องเครื่องมือแพทย์ เมื่อได้รับการดูแลจากคุณหมอ พร้อมให้ยาลดไข้สำหรับทารก ลูกชายตัวอ้วนกลมของผมจึงสงบลงได้ ตีสองกว่าแล้วที่ผมอนุญาตให้พยาบาลและพี่เลี้ยงทั้งหลายไปพักผ่อน ส่วนผมล้มตัวลงไปนอนข้างลูก
“ทำไมคุณยังไม่กลับไปที่ห้องอีก” ผมเอี้ยวหน้าหันไปถามอดีตสามี
“จีน...”
“วันนี้ผมอารมณ์ไม่ดี อยู่ให้ห่างผมเอาไว้ดีกว่า”
“นายหมายถึง...เรื่องในห้องอาหารนะเหรอ”
“ทุกเรื่อง ตั้งแต่คุณเชิญแขกมาบ้านโดยไม่บอกผม เรื่องปากหมาๆ ของบรรดาญาติพี่น้องคุณ เรื่องคำดูถูกและถ้อยคำหยามเหยียดชาติพันธ์ุของผม” ผมกับอีวานไม่ได้ตอบโต้กันอีก ส่วนหนึ่งเพราะผมรู้สึกเหนื่อยและเพลียจริงๆ
“จีน....” เสียงทุ้มกระซิบเบาๆ ปลุกผมให้ตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าจนเกือบสาย
คาลวินลูกชายของผมหายไปจากเบาะ ผมผลุดดีดตัวเองลุกขึ้นมานั่งรู้สึกใจสั่นหวิวๆ แขนขาเหมือนอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ส่งสัญญาณว่าร่างกายกำลังมีไข้ ไม่สบายเนื้อ สบายตัว
“คาลวินล่ะ” ผมหันไปถามหาลูกชายจากอดีตสามี
“พี่เลี้ยงกำลังพาไปอาบน้ำ”
“แต่...” ผมหันไปมองบานประตูห้องน้ำซึ่งเปิดอ้าค้างอยู่ หน้าประตูมีพี่เลี้ยงคนหนึ่งยืนเฝ้าใกล้ๆ ส่วนด้านในผมเดาว่าคงเป็นพยาบาลวิชาชีพกับพี่เลี้ยงอีกคน
“นายมีไข้ ปล่อยให้พี่เลี้ยงทำหน้าที่ไปก่อนเถอะ นายควรย้ายไปนอนพักที่ห้องอื่นแยกกับลูกนะ” หลังมือหยาบทาบลงมาบนหน้าผากจนผมสะดุ้ง ปกติอีวานเป็นคนตัวอุ่นแต่วันนี้ผมกลับรู้สึกว่าอีวานมือเย็นกว่าทุกวัน
“ผมนะเหรอ...มีไข้” ผมปัดมือใหญ่ออกไปแล้วใช้มืออังหน้าผากตัวเอง
“สามสิบแปดจุดห้าองศา มีไข้มั้ยล่ะ” อีวานยกเครื่องวัดอุณหภูมิร่างกายขึ้นมาให้ผมดู
“มีไข้ นี่คุณจะให้ผมแยกกับลูก คุณจะบ้าเหรออีวาน...ไม่มีทาง” ผมคว้าเครื่องวัดไข้มาแล้วขว้างมันทิ้งลงไปบนพื้นห้องทันที
“แต่นายมีไข้ แล้วถ้าเกิดคาลวินติดไข้จากนายขึ้นมาล่ะ จะทำยังไง ลูกเพิ่งดีขึ้นเองนะจีน หายไม่เป็นห่วงลูกอย่างนั้นเหรอ” คำถามกดดันทำเอาผมเถียงมันไม่ได้สักคำ
“เวรเอ๊ยยยยย อีวานคุณมันไอ้คนอำมหิต คุณคิดจะแกล้งผมงั้นเหรอ” ผมระเบิดอารมณ์สะบัดแขนฟาดลงไปยังกองผ้าห่มนวม
“แอ้”
เจ้าตัวเล็กยิ้มร่าอยู่ในห่อผ้าเช็ดตัวถูกพี่เลี้ยงอุ้มออกมาจากห้องน้ำ พยาบาลสองคนช่วยกันเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ สำหรับเช็ดทำความสะอาด รวมไปถึงครีมบำรุงผิวสำหรับเด็กอ่อน เสื้อผ้าเตรียมพร้อมในขณะที่ผม ไม่มีแม้แต่แรงลุกจากเตียง
“อีวาน...”
“แค่แยกห้องนอนเองจีน ทางนี้พี่เลี้ยงตั้งสามคน นายไม่ต้องห่วงลูกหรอกน่า และในฐานะพ่อ ฉันสัญญาว่าจะดูแลลูกอย่างดี ถ้านายอยากอุ้ม อยากกอดลูกเร็วๆ นายก็ต้องนอนพักผ่อนให้มากๆ กินยาตรงตามเวลา แค่ไม่กี่วันก็คงหาย แล้วกลับมาเลี้ยงลูกได้เองเหมือนเดิม”
"แต่นั่นลูกผมนะอีวาน"
"ฉันรู้ อดทนหน่อยนะไม่อย่างนั้น"
"ผมยอมคุณแค่ครั้งนี้ ครั้งเดียวเท่านั้นนะ"
ผมลากตัวเองลงมาจากเตียงนอนแล้วเดินไปชะเง้อมองลูกชายในวัยหนึ่งเดือนเศษกำลังนอนแก้ผ้าดีดแขนดีดขาหัวเราะอย่างร่าเริงกับพี่เลี้ยง พยาบาลสาวที่กำลังช่วยกันใส่เสื้อผ้าให้
“คุณจีนไม่ได้นอนมาหลายวันเพราะห่วงแต่ดูแลคุณหนู ตอนนี้คุณคาลวินหายดีแล้ว คุณจีนพักก่อนเถอะนะคะ เดี๋ยวทางนี้พวกเราสามคนช่วยกันดูแลคุณหนูให้เอง”
ผมย้ายตัวเองกลับมานอนให้ห้องตัวเองซึ่งอยู่ถัดจากห้องนอนลูกมาไม่ไกลนัก ตั้งแต่คลอดลูกมาได้ผมไม่ได้กลับไปนอนที่ห้องของอีวานอีกเพราะยังไงซะเราสองคนก็ขึ้นชื่อว่าหย่ากันแล้ว ที่สำคัญผมอยากอยู่กับลูกที่ผ่านมาผมจึงนอนในห้องลูก 99%
“อื้ออออ ไอ้อีวาน” พ่อของลูกซุกจมูกเข้ามาระหว่างซอกคอ ปลุกให้ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมากลางดึก
“นายดีขึ้นหรือยัง”
“ดีขึ้นบ้าอะไรเล่า อย่ามากอดนะ”
“เมื่อกี้ฉันไปกอดเจ้าตัวเล็กมาล่ะ หอมแก้มลูกมาด้วยนะ นี่แก้มลูกของเรานุ่มมากเลย นี่ไงนายได้กลิ่นนมผงของลูกมั้ย” ไอ้ผัวกวนตีนยื่นแขนมาไว้ใต้จมูก กลิ่นนมผงเด็กอ่อนอันเป็นเอกลักษณ์ทำให้ผมยิ่งคิดถึงเจ้าก้อนตัวกลมในห้องนอนถัดไป
“อย่ามากวนตีน ไม่ต้องมายั่ว”
“อยากกอดลูกมั้ยล่ะ”
“กอดได้เหรอ!” ผมพลิกตัวหันกลับมานอนคุยกับอีวานทันที
“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้” ฝรั่งตัวใหญ่ขยับตัวนอนตะแคงใช้ข้อศอกยันลงไปบนเตียงเอียงข้างหันหน้ามาหาผม
“เอาดีๆ กอดได้จริงอะ เมื่อกี้คุณยังไล่ผมมานอนห้องอยู่เลย” ผมชักไม่ไว้ใจผัวขึ้นมาทันที เพราะเวลานี้ไข้ผมยังไม่ได้ลดลงเท่าไหร่ แล้วมันเองนั่นแหละที่ไล่ผมกลับมานอนห้อง
“กอดฉันไง มาสิ”
“กอดคุณ...ฝันไปเถอะ”
เมื่อรู้ว่าถูกหลอก ผมทิ้งตัวลงนอนกลับที่เดิมมือดึงผ้าห่มนวมขึ้นมาคลุมจนถึงคอเพราะรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวหนาวๆ ร้อนๆ ตามอาการของคนเป็นไข้ไม่สบาย
“หอมมั้ย”
“อีวาน เอามา” ผมยกมือคว้าเสื้อผ้าเด็กที่น่าจะเป็นของลูก กลิ่นหอมเฉพาะยังกรุ่นๆ ติดอยู่บนเนื้อผ้า
“อยากได้เหรอ...” คนขี้แกล้งแกว่งเสื้อลูกยั่วโมโหผม
“ไอ้อีวาน...”
“จีน...” ยิ้มเจ้าเล่ห์กระตุกขึ้นตรงมุมปาก ผมล่ะอยากยกตีนถีบเปรี้ยงเข้าให้ ติดตรงเป็นไข้แรงมือแรงตีนเลยไม่ค่อยมี
“ถ้าจะมากวนประสาทผมล่ะก็ กลับห้องคุณไปเลย”
“ไม่ได้ตั้งใจมากวนสักหน่อย แต่ฉันเอายาดีมาฉีดให้นาย” มือหนักขยำก้นผมผ่านผ้าห่มผืนหนา
“อีวาน...ไม่หื่นสักวันได้มั้ยเนี่ย”
“ไม่ได้หรอก ก็คนมันอยาก จีนฉันเงี่.....น”
“โน้น...ห้องน้ำ ไปชักว่าวเอา” ผมยกขาขึ้นมาแล้วใช้เล็บตีนชี้ไปยังประตูห้องน้ำ ก่อนจะบุ้ยปากตามไป
“ฉันจะไปชักว่าวทำไมให้เมื่อยมือ ในเมื่อเมียฉันนอนอยู่นี่ทั้งคน”
“หน้าด้าน...หย่าแล้วไม่รู้จักหย่า”
“น่านะ...นะจีน...คืนนี้มาเอากัน”
“ผมไม่สบาย”
“รู้...เลยมาชวนออกกำลังกายนี่ไง”
พูดไปให้ปากฉีกถึงรูตูด ผัวเก่าผมคนนี้มันก็ไม่เคยฟัง ต่อให้ฟ้ากำลังถล่ม แผ่นดินกำลังไหวถ้าคนอย่างอีวานเงี่ย..น มันต้องหาเรื่องเอาน้ำออกจนได้
“คืนนี้ฉันให้นายนอนเป็นเจ้าชายเลย ฉันจะปรนนิบัตินายเอง”
“ไอ้...” ตอนแรกผมตั้งใจจะด่ามันสักสี่ห้าประโยคแต่พอมันแก้ผ้าโชว์กระโปก ผมก็ลืมไปเลยว่าจะด่ามันว่าอะไร
คืนนี้อีวานสวมบทบาทเป็นคุณหมอเอวดุ จับคนไข้อย่างผมฉีดยาจนมิดเข็ม ยาน้ำอุ่นร้อนอัดเข้าไปจนเกือบเต็มกระเพาะ ผ่านลำคอ แถมยังฉีดตรงผ่านร่องเนื้อส่วนล่างทางประจำ ฉีดซ้ำๆ ย้ำเน้นๆ จนผมขนลุกไปทั้งตัว
“เป็นยังไงบ้างจีน นายรู้สึกดีขึ้นมั้ย” ไอ้หมอเถื่อนถอนเข็มใหญ่ออกไปจากร่างกายของผมพร้อมกับก้มลงมาจูบแก้ม
“ดีกับผีน่ะสิ เหนื่อยจะตายห่า เวียนหัวด้วย”
“เหงื่อออกเยอะๆ สิดี เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็หาย”
“นี่ผมขอเสื้อลูกได้มั้ย...คิดถึงลูก” ผมยื่นมือแบออกไปขอดีๆ เวลานี้ไม่มีแม้แต่แรงเล่นตัว ดึงชุดบอดี้สูทของลูกมาซุกไว้ตรงใบหน้าจากนั้นสูดดมกลิ่นเด็กอ่อนอย่างโหยหาคิดถึงลูกรัก
“ได้สิ ฉันตั้งใจเอามาให้นายอยู่แล้ว หายไวๆ นะ”
“อือ”