หญิงสาวตัวเล็กทิ้งตัวยืนแขนแนบไปกับโต๊ะด้วยความเบื่อหน่าย วันนี้เป็นวันพุธกลางสัปดาห์ ทั้งยังเป็นช่วงกลางเดือนอีก ทำให้ในร้านไม่ได้มีลูกค้ามากนัก งานของเธอก็ลดลงไปด้วย ถึงอย่างนั้นก็ยังมีออเดอร์จากลูกค้าที่สั่งผ่านเดลิเวอรีไม่น้อย
ลูกพีช เจ้าของร้านกาแฟขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ใจกลางเมือง ตั้งแต่เรียนจบมาเธอก็บริหารร้านเล็ก ๆ ที่ร่วมลงทุนกับเพื่อนสาวอย่างต้นหนาว ในช่วงแรกกิจการเป็นไปได้ด้วยดี ทว่าติดปัญหาเรื่องของสถานที่ที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการ เลยตัดสินใจใช้ที่ดินมรดกมาเปลี่ยนโฉมจากพื้นที่ว่างให้กลายเป็นคาเฟ่น่านั่ง ทั้งยังมีที่จอดพร้อมเพื่อเป็นการขยายกิจการ จนตอนนี้มีพนักงานมาช่วยดูแล ทำให้ไม่ต้องจัดการร้านเองอย่างที่เคย
อีกทั้งเงินที่ได้รับมาเธอก็นำไปต่อยอดลงทุนในหุ้นและอื่น ๆ ให้เงินทำงานด้วยตัวเอง จนตอนนี้ไม่มีอะไรจะทำเลยได้แต่นั่งถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย
‘ไปช็อปไหม วันนี้มีโปรปลายปีจ้า’ เสียงมือถือดังพร้อมกับข้อความจากต้นหนาว ทำเอาคนตัวเล็กพยักหน้ารัว ๆ แม้ปลายทางจะไม่เห็นก็ตาม ก่อนจะส่งกลับไปว่าตกลง
“เด็ก ๆ พี่ฝากร้านด้วยนะ” ลูกพีชหันไปพูดกับพนักงานด้วยน้ำเสียงสดใส เพราะความร่าเริงและเสมอต้นเสมอปลายในการดูแลและบริหารจัดการทำให้ลูกน้องค่อนข้างจะทั้งเอ็นดูในตัวเจ้านายตัวเล็ก รวมถึงตั้งใจทำงานกันอย่างเป็นระเบียบ ผ่านมาร่วมสองปีสำหรับร้านนี้เจ้าของทั้งสองคนก็ยังปฏิบัติตัวไม่เหมือนเดิม
นอกจากร้านที่ตกแต่งแต่งอย่างน่ารัก และเอาใจใส่ รสชาติที่พิถีพิถันในราคาปานกลาง ก็มีพนักงานที่เป็นมิตรนี่แหละทำให้ Snowy Peace Café เป็นที่นิยมในทั้งเราวัยเรียนและวัยทำงาน
พนักงานตอบรับอย่างพร้อมเพรียง ร่างบางก้าวเดินออกมารอด้านนอก เพียงไม่นานก็เห็นรถหรูที่คุ้นเคยมาเทียบจอดตรงหน้า ถ้าเป็นเวลาปกติต้นหนาวจะพักที่คอนโดไม่ไกลจากร้านมากนัก มักจะมาอยู่เฝ้าที่ร้านก่อนเธอ แต่วันนี้เจ้าตัวกลับบ้านทำให้เดินทางมาช้ากว่าทุกที
ที่จริงนั้นต้นหนาวแทบจะไม่ต้องมาเข้าร้านเลยด้วยซ้ำ เพราะที่บ้านของชายหนุ่มมีธุรกิจครอบครัวอยู่แล้ว เพียงแต่เขาต้องการช่วยเหลือเพื่อนตัวเล็กที่เรียนร่วมกันมาตั้งแต่มหาวิทยาลัย เลยตัดสินใจร่วมลงทุนในกิจการนี้ด้วยกัน แน่นอนว่าเมื่อเริ่มมีเงินทุนเขาเองก็เป็นคนสอนให้ลูกพีชหาเงินวิธีอื่น ๆ เพื่อสะสมต่อยอดต่อไป
“สวยนะคะวันนี้” ลูกพีชเอ่ยแซวเพื่อนสาวทันทีที่ขึ้นรถ ชายหนุ่มมักจะแต่งหน้าเนียนกริบ พร้อมกับลงบรัชออนสีระเรื่อ ขับให้หน้าคมดูหวานกว่าที่ควรจะเป็น
“แน่นอนจ้า วันนี้ว่าจะไปลองลิปสติกใหม่สักหน่อย” ว่าจบก็ทำปากจู๋ยื่นมาด้วยท่าทางน่ารักจนลูกพีชหัวเราะเบา ๆ
ทั้งสองคุยกันเรื่อยเปื่อยเพียงไม่นานก็มาถึงห้างสรรพสินค้าที่ไม่ไกลมากนัก แล้วตรงดิ่งไปที่โซนเครื่องสำอางทันที เดิมทีลูกพีชไม่ใช่สายช็อปปิ้งสักเท่าไหร่ เพราะต้องดูแลตัวเองตั้งแต่เด็กหลังจากพ่อแม่ประสบอุบัติเหตุ ทำให้ต้องอาศัยอยู่กับป้าลุงแทน เมื่อเริ่มทำกิจการกับเพื่อนสนิทก็ค่อย ๆ แยกตัวออกมา ทั้งยังส่งเงินไปให้ทั้งสองท่านอย่างสม่ำเสมอ แต่เมื่อได้เรียนรู้การหาเงินจากต้นหนาว ทำให้เริ่มมีความสุขกับการใช้เงินบ้าง แม้บางครั้งอีกฝ่ายจะบังคับซื้อให้เธอก็ตาม
ต้นหนาวมองแผ่นหลังตัวเล็กของคนที่ยืนหันไปมาอย่างไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี เพราะป้ายลดราคามันขึ้นเด่นเต็มไปหมดอย่างละลานตา เขาลอบถอนหายใจเบาๆ เพื่อนสนิทของตนนั้นเป็นคนที่บทจะดื้อก็ดื้อ บทจะซื่อก็ซื่อ จนบางทีเขารู้สึกเหมือนมีลูกสาวให้ต้องดูแลมากกว่ามีเพื่อนเสียอีก ถึงอย่างนั้นลูกพีชก็เป็นความสบายใจทั้งยังไม่เคยทำให้ลำบากใจ ชายหนุ่มเลยตั้งใจว่าจะช่วยดูแลไปแบบนี้จนกว่าจะแยกย้ายกันไปมีครอบครัว
“เริ่มร้านไหนดีอ่า” ไม่ทันได้ตัดสินใจ ลูกพีชก็หันมาเกาะแขนเพื่อนรักด้วยความสนิทสนม ส่วนสูงทั้งสองต่างกันเกือบไม้บรรทัด ทำให้เขารู้สึกเหมือนมีลูกจริงๆ นั่นแหละ
สุดท้ายชายหนุ่มก็เดินนำพาไปดูร้านนั้นร้านนี้จนถุงช็อปปิ้งเต็มมือไปหมด แน่นอนว่าส่วนมากเป็นของลูกพีชที่ต้นหนาวซื้อให้ด้วยความเพลิดเพลิน งานอดิเรกอีกอย่างที่เขาชอบคือการจับเพื่อนสนิทแต่งหน้าแต่งตัวตามที่ตนต้องการ แน่นอนว่าหญิงสาวก็ชอบที่ได้เห็นตัวเองในรูปแบบต่าง ๆ เช่นกัน
“น่ารักเนอะคู่นั้น”
“เขาเพื่อนกันปะแก”
“โอ๊ย สมัยนี้เกย์เอยกะเทยเอย ชอบผู้หญิงก็มีปะ”
“มีจริงดิ”
“เออดิ แกลองค้นหาแบรี่ชีสเค้กดูสิ คู่นั้นฉันว่าคู่จริงชัวร์”
“แต่น่ารักเนอะ สมกันมากอะ ผู้ชายก็หวานเจี๊ยบ ช่วยผู้หญิงลองลิปด้วยอะ มีผัวแบบนี้รักตายเลย”
สายตาคมตวัดไปทางต้นเสียง ทำให้คนที่รู้ตัวว่านินทาเสียงดังจนโดนจับได้รีบหลบตาแล้วเดินไปอีกทาง ต้นหนาวขมวดคิ้วเข้าหากัน ไม่ใช่เมื่อกี้เขาถูกจิ้นกับยัยเตี้ยนี่หรอกใช่ไหม?
“เขาจิ้นคู่เราเหรอ ฮ่าๆๆ” ลูกพีชที่ได้ยินเช่นกันหัวเราะร่า จนถูกยีหัวแรง ๆ ด้วยความหมั่นไส้
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ตัดสินใจไปทานข้าวพร้อมกันก่อนจะกลับไปที่คอนโดของต้นหนาว แน่นอนว่ายัยตัวเล็กนั้นหอบผ้าหอบผ่อนมาอยู่ด้วยจนเหมือนห้องของตัวเอง และเจ้าของห้องก็ไม่ได้ว่าอะไร โดยแลกกับการที่ลูกพีชคอยช่วยดูแลห้องและทำกับข้าวให้เขานั่นเอง
หลังจากกลับมาที่ห้องต้นหนาวก็จำคีย์เวิร์ดที่ถูกนินทา เลยมาค้นหาคำที่ว่า จนเห็นว่าเป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่มีชื่อเสียงในระดับหนึ่ง ในสายตาเขาก็มองว่าเป็นเพื่อนกันปกติไม่ได้มีอะไร เลยเลื่อนอ่านข่าวที่ว่าทั้งคู่เคยไม่ถูกกันมาก่อน พอสนิทกันเลยเริ่มทำคอนเทนต์ร่วมกันมากขึ้น
มองยังไงก็การตลาดชัด ๆ ก่อนจะเริ่มเลื่อนไปดูอีกหลายช่องที่มีเนื้อหาคล้าย ๆ กัน ไม่ว่าจะการแกล้งเป็นแฟนเพื่อนสนิทหนึ่งวัน หรือแอบอ่อยเพื่อนเก้ง ยิ่งเลื่อนดูก็ยิ่งขมวดคิ้วเข้าหากัน
“งงอะ ทำไมสมัยนี้คนชอบทำคอนเทนต์เกย์กับผู้หญิง” สุดท้ายเขาก็เอ่ยออกมาด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนจะทิ้งตัวนอนพิงไปกับโซฟาตัวแพง
“ทำไมยะ อยากลองกับฉันดูบ้างไหมล่ะ” ลูกพีชกล่าวด้วยน้ำเสียงติดตลก พลางจิ้มผลไม้เข้าปาก แล้วกดรีโมตหาอะไรดูไปเรื่อยเปื่อย
“โอ๊ย เพื่อนก็คือเพื่อนค่ะ” ริมฝีปากยกขึ้นด้วยท่าทางรังเกียจจนคนมองนึกตลก ต้นหนาวคิดภาพตัวเองคบกับเพื่อนไม่ออกจริง ๆ เพราะยังไงก็ดูเป็นไปไม่ได้สักนิด
“ว่าไป หน้าเอยหุ่นเอยหล่อนก็ได้อยู่นะ” แววตาซุกซนของลูกพีชมองมาพร้อมกับขยับตัวมาเบียดชายหนุ่มด้วยท่าทางกวน ๆ
“อี๋... ขนลุก ฉันไม่สนใจชะนีไซซ์มินิแบบหล่อนหรอกค่ะ” ว่าจบก็ผลักอีกคนไปอีกทาง
“เขาเรียกว่าพกพาง่ายย่ะ แล้วถ้าไม่ลองจะรู้เหรอว่าสนใจหรือเปล่า” ว่าจบลูกพีชก็ดันตัวขึ้นมาคร่อมตักอีกคนบนโซฟา พลางจ้องหน้าต้นหนาวที่ทำตัวไม่ถูกในระยะประชิด
“ใครจะพกหล่อนไปเป็นภาระกันยะ” เมื่อหาเสียงเจอก็รีบดันเพื่อนตัวเล็กให้ลุกออกไป จากนั้นชายหนุ่มก็รีบเด้งตัวพรวดก้าวฉับไปที่ห้องของตนอย่างรวดเร็ว ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะตามมาขาแกร่งก็รีบเร่งฝีเท้าแล้วปิดประตูดังปัง
“บ้าจริง ทำไมเห็นต้นหนาวน่ารักขึ้นมาเนี่ย” คนตัวเล็กพูดคนเดียวพร้อมกับอมยิ้มออกมา เมื่อครู่สังเกตเห็นว่าใบหูของอีกฝ่ายขึ้นสีระเรื่อ
เพราะไม่เคยเห็นท่าทีเสียอาการของอีกคนมาก่อน ทำให้ลูกพีชเริ่มรู้สึกสนุกจนคิดวางแผนแกล้งต้นหนาวในใจ แล้วหัวเราะออกมาคนเดียวอย่างมีความสุข