“ที่นี่เป็นบ้านของพี่ดินเหรอคะ”
“อ้อ...ใช่ๆ...พี่อยู่ที่นี่เพราะต้องคุมคนงานในเหมือง มิวไม่ว่าใช่ไหมที่พี่ไม่ได้จองโรงแรมห้าดาวให้พักน่ะ”
“จะว่าทำไมล่ะคะ ที่นี่ก็อากาศดี น่าอยู่มากเลยนะคะ”
“พี่กลัวว่ามิวจะไม่ชอบบรรยากาศในป่า เสียงลิงเสียงค่างจะทำให้รำคาญหรือเปล่าก็ไม่รู้”
เขาก็พูดไปอย่างนั้น เพราะจริง ๆ แล้วตั้งใจจะแกล้งพาหล่อนมาที่นี่ตั้งแต่ตอนแรกเพราะนึกหมั่นไส้แม่บาร์บี้สาวจากเมืองนอก แต่ถึงตอนนี้ภูวดินชักเริ่มรู้สึกแปลก ๆ กับตัวเองเพราะสิ่งที่เขาคิดกับสิ่งที่เห็นมันแตกต่างอย่างสิ้นเชิง มัลลิกาไม่ใช่คุณหนูผู้ดีอย่างที่เขาคิด หล่อนน่ารักและไม่ถือตัว เป็นกันเองและเป็นธรรมชาติตามประสาผู้หญิง ยิ่งได้อยู่สองคนกับมัลลิกายิ่งทำให้เขาเกิดความรู้สึกหวิว ๆ แปลก ๆ และยิ่งได้เห็นแววตาไร้จริตมารยาของหล่อนมันยิ่งทำให้เขารู้สึกดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ หญิงสาวยิ้มกับเขาและพูดว่า
“บอกแล้วไงคะว่ามิวชอบบรรยากาศแบบนี้ เพราะตอนอยู่ต่างประเทศมิวอยู่ในเมือง เป็นห้องพักอึดอัดจะแย่ แต่ที่ต้องทนอยู่เพราะไม่อยากขัดใจที่บ้าน ทนเรียนจนจบแล้วรีบแจ้นกลับเมืองไทย พอพี่ดินบอกว่าจะพาเข้าป่ามิวงี้ดีใจบอกไม่ถูกเลยล่ะค่ะ”
“มิวคิดอย่างนั้นจริง ๆ เหรอ”
“จริงค่ะ...ว่าแต่ในป่านี่มีที่เที่ยวบ้างหรือเปล่าคะ มิวอยากเที่ยวในป่าค่ะพี่ดิน”
“ถ้าจะมีก็คงเป็นน้ำตก อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ มิวอยากว่ายน้ำหรือเปล่า”
“มิวว่ายน้ำไม่เป็นค่ะ แต่ว่า...มิวชอบเที่ยวทะเล เที่ยวน้ำตก ได้เห็นน้ำแล้วสดชื่น”
“อ้าว...เที่ยวน้ำตกแล้วว่ายน้ำไม่เป็นมิวจะสนุกเหรอ”
“สนุกซีคะ พี่ดินพามิวไปหน่อยได้ไหมคะ”
มัลลิกาออดอ้อนและเผลอเข้าไปจับแขนของชายหนุ่มที่เพิ่งรู้จักกัน หล่อนทำเหมือนไม่ตั้งใจแต่ทำให้ภูวดินถึงกับรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟจากมือของหล่อนแลบเข้าไปในตัวเขาอย่างจัง เขาไม่ได้ตื่นผู้หญิงแต่กับมัลลิกามันเป็นความรู้สึกแปลกประหลาดเวลาอยู่ใกล้หล่อน แต่คิดอีกที...หรือว่ามัลลิกาอยู่เมืองนอกเลยชินกับการพูดคุยแบบถึงเนื้อถึงตัว นี่หล่อนเป็นแบบนี้เวลาคุยกับผู้ชายคนอื่นหรือเปล่า ภูวดินกำลังนึกเลยเถิดไปไกลกระทั่งเสียงของหล่อนกระตุกเขาอีกครั้ง
“ว่าไงคะ พี่ดินจะพามิวไปเที่ยวน้ำตกหรือเปล่า มิวอยากไปจริง ๆ นะคะ”
“ได้ซี...พี่จะพามิวไปเที่ยว แต่...มิวไม่เบื่อแน่นะ”
“ไม่ค่ะ มิวแค่อยากไปเห็นธรรมชาติ ขอบคุณมากนะคะที่จะพามิวไปเที่ยว พี่ดินน่ารักมาก ๆ เลยค่ะ”
บทที่ 4
มัลลิกาอ้อนเสียงรื่นก่อนที่ภูวดินจะกลับไปห้องนอนของเขาซึ่งก็อยู่ติดกัน ก่อนเปิดประตูเข้าห้องก็อดไม่ได้ที่จะหันมองหญิงสาวที่มองตามเขาไม่ยอมปิดประตูง่ายๆ ต่างคนต่างมองเหมือนมีอะไรบางอย่างที่อยากพูดกัน จากนั้นนายหัวหนุ่มก็เข้าห้องปิดประตูและถอนใจโล่งเพราะใจเขาสั่นและเต้นแรงมากเมื่อครู่ นี่ถ้ามัลลิกาได้ยินเสียงหัวใจเขาเต้นคงตกใจแย่เพราะมันเต้นแรงมากจนตัวเขาเองก็ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ภูวดินยังนึกเห็นภาพหน้าสวยหวานของมัลลิกา ไม่รู้ว่าทำไมเขาอยากมองหน้าหล่อนนาน ๆ จนต้องแอบเปิดประตูห้องและเยี่ยมหน้าออกไปอีกครั้ง แค่เห็นว่าประตูห้องของหล่อนปิดสนิทก็ทำให้เขาแอบอมยิ้มกับตัวเอง บ้าไปแล้ว...นี่เขาต้องบ้าไปแล้วที่ทำอะไรอย่างนี้เพราะไม่เคยทำมาก่อน อายุตั้งขนาดนี้แต่ยังทำเหมือนเด็กหนุ่มเพิ่งมีความรัก บ้าจริงๆ เลย นึกๆ แล้วรีบปิดประตูและอาบน้ำเพื่อคลายความรุ่มร้อนในใจ
เช้าวันต่อมามัลลิกาตื่นขึ้นด้วยความสดชื่นท่ามกลางเสียงนกร้องและไก่ขันยามเช้า หล่อนรีบลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่ตอนเช้าตรู่และออกมาที่ระเบียงบ้าน หญิงสาวนั่งรับลมยามเช้าที่พัดเอื่อย ๆ หอบกลิ่นหอมเย็นของดอกไม้เข้ามา ในขณะที่กำลังเคลิ้มกับกลิ่นหอมก็ได้ยินเสียงทักขึ้นว่า
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณมิว...ตื่นเช้าเหมือนกันนะคะ”
ต้อยเดินเข้ามาพร้อมทั้งวางถาดใส่กาน้ำชาและจอกเล็ก ๆ ลงบนโต๊ะหน้าระเบียงบ้าน มัลลิกาหันไปยิ้มกับเด็กสาวที่วันนี้หล่อนแต่งตัวไม่ต่างจากเมื่อวาน นั่นคือสวมเสื้อยืดและนุ่งผ้าปาเต๊ะลวดลายสวยงาม
“ฉันชอบตื่นเวลานี้จ้ะต้อย มันสดชื่นดี แล้วนี่อะไรเหรอจ๊ะ”
“ชามะลิค่ะ นายหัวสั่งไว้เมื่อวานตอนเย็นว่าให้ต้อยเตรียมชามะลิมาให้คุณมิวตอนเช้า เนี่ย...ปกติถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นที่นายหัวเคยพามาที่นี่ต้อยก็จะต้องเตรียมชามะลิไว้ให้แบบนี้ล่ะค่ะ”
“เหรอจ๊ะ...นี่แสดงว่าพี่ดินพาเพื่อนมาพักที่นี่บ่อย ๆ ล่ะสิ”
“ก็ไม่เชิง่วาเป็นเพื่อนหรอกนะคะ น่าจะเรียกว่าแฟนหรือคนรู้ใจซะล่ะมากกว่า ก็นายหัวของต้อยหล่อออกปานนั้น รู้หรือเปล่าคะว่านายหัวน่ะแฟนเยอะ ถ้าเป็นผู้หญิงก็หัวบันไดบ้านไม่แห้งเลยล่ะค่ะ”
“ขนาดนั้นเลยเหรอ...อืม...แต่จะว่าไปพี่ดินก็หล่อจริงๆ นะ”
“ก็นั่นสิคะ นายหัวเลยมีแฟนหลายคนแถมยังชอบเปลี่ยนแฟนไม่ซ้ำหน้าด้วย นี่คุณมิวคงไม่ทราบเรื่องนี้เลยสินะคะ”