“ฉันอยากให้เธอช่วยปลอมเป็นว่าที่คู่หมั้นให้ฉันหน่อย” เวหาพูดขึ้นในขณะที่พาร่างบางเดินเข้าไปหาพิงค์กี้ที่กำลังยืนกำหมัดแน่นอยู่ยังบริเวณที่เดิมและในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยถึงเรื่องสำคัญกันอยู่นั้น เพลงที่ใช้สำหรับโปรโมทร้านค้าก็ดังขึ้น จึงทำให้เชอรีนไม่ได้ยินคำพูดของเวหาเลยสักนิด
“นายพูดว่าไงนะ!” เชอรีนเอียงคอถามชายหนุ่มอีกครั้งเพราะเธอไม่ได้ยินในสิ่งที่เขาพูดในก่อนหน้านั้นอีกทั้งในตอนนี้เสียงเพลงก็เปิดดังเป็นอย่างมาก เวหาที่ไม่มีเวลาได้อธิบายบอกเธออีกก็สาวเท้าพาเชอรีนมาหยุดยืนต่อหน้ารุ่นน้องสาว
“นี่ไงว่าที่คู่หมั้นของพี่!” เวหาเริ่มแนะนำหญิงสาวข้างกายให้พิงค์กี้ได้รู้จักโดยการบอกออกไปว่าเธอคนนี้นี่แหละคือว่าที่คู่หมั้นของเขา ชายหนุ่มตัวร้ายพูดพร้อมกับมองใบหน้าสวยหวานของเธอข้างกายด้วยแววตาหวานซึ้งความรู้สึกแปลกๆเริ่มแทรกซึมเข้ามาอย่างบอกไม่ถูก
เขายังคงรู้สึกใจเต้นแรงทุกครั้งที่ได้มองสบตาเธอคนนี้~
“ห๊ะ ดะ เดี๋ยวนะ! ว่าที่คู่หมั้นอะไรของนาย” ร่างบางเบิกตากว้างด้วยความตกใจที่อยู่ดีๆเธอก็กลายเป็นว่าที่คู่หมั้นของใครก็ไม่รู้ นี่มันชักจะงงไปหมดแล้วนะหรือว่าผู้ชายคนนี้อาจจะจำเธอผิด เชอรีนไม่รอช้าที่จะรีบแก้ไขในสิ่งที่ผู้ชายคนนี้พูด
แต่ก็ยังไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไรขึ้นมาเด็กสาวข้างกายชายหนุ่มก็พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“นั่นไงคะ ยัยนี่ไม่เห็นจะรู้เรื่องอะไรเลยพี่เวหาอย่ามาหลอกพิ้งค์กี้จะดีกว่า” พิ้งค์กี้แสยะยิ้มมุมปากพลางชี้ไปที่เชอรีน หญิงสาวที่โดนนำตัวเข้ามาเป็นว่าที่คู่หมั้นสาว(ปลอมๆ)แต่แล้วสายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นเข้ากับเสื้อนักเรียนของเชอรีนที่ปักชื่อโรงเรียนรวมไปถึงตราดาวโรงเรียนที่เหมือนกันกับพี่เวหาไม่มีผิด
“นี่เธอเป็นคู่หมั้นของพี่เวหาเขาจริงๆเหรอ..” พิงค์กี้กลืนน้ำลายลงคอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือซึ่งฉันที่เป็นผู้โดนถามทำได้แค่กระพริบตาถี่ๆอย่างไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี
“เชอรีน~ เธอคงยังไม่รู้ว่าพ่อแม่ของพวกเราได้หมั้นหมายพวกเราเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่พวกเรายังเป็นเด็กตัวเล็กๆแล้ว” เวหายกนิ้วขึ้นเกลี่ยเส้นผมที่ตกปกคลุมใบหน้าสวยพร้อมทั้งเรียกชื่อเธอเพื่อบ่งบอกว่าเขานั้นรู้จักเธอจริงๆซึ่งรอยยิ้มละมุนของชายหนุ่มสร้างความปวดร้าวให้กับพิงค์กี้เป็นอย่างมาก
พิงค์กี้เม้มปากแน่นครุ่นคิดในใจว่าทำไมผู้หญิงที่ได้เป็นว่าที่คู่หมั้นของพี่เวหาถึงไม่เป็นเธอกันนะ
เวหายิ้มกว้างมองดูใบหน้าสวยหวานที่กำลังอ้าปากค้างด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกใจมันเต้นแรงรวมไปถึงเขินเธอยังไงก็ไม่รู้ไม่รอช้ามือหนาเอื้อมจับคางเรียวให้หันหน้ามองเขาและทันทีที่ได้สติกลับคืนมาเชอรีนก็รีบเอ่ยถามเขาอีกครั้ง
“นี่นายรู้จักเราจริงด้วย!!” เชอรีนกระพริบตารัวๆเอ่ยถามผู้ชายตรงหน้าซึ่งเขาก็ยิ้มพร้อมกับขยับใบหน้าเขามาใกล้จนเธอนั่นแหละที่ต้องเป็นดันแผ่นอกกว้างให้ห่างออก ร่างบางยังคงไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่เขาพูดจะเป็นความจริง
“ฉันไปก่อนนะหวังว่าเธอคงจะไม่ติดต่อฉันมาอีกทั้งๆที่รู้ว่าฉันมีคู่หมั้นคู่หมายอยู่แล้ว” เวหาโอบกอดรอบเอวเชอรีนแล้วค่อยๆโน้มใบหน้าเข้าหอมแก้มขาวเนียนอมชมพูของเธอตรงหน้าทำเอาร่างบางที่พึ่งจะเคยโดนผู้ชายใกล้ชิดและหอมแก้มเป็นครั้งแรกถึงกับยืนตัวแข็งทื่ออยู่อย่างนั้น
ดวงตากลมโตหันมองใบหน้าหล่อเหลาของชายแปลกหน้าที่ได้ขโมยหอมแก้มเธอ มือเล็กไม่รอช้าที่จะหยิกไปข้างเอวของเวหาส่งผลให้ร่างแกร่งส่งเสียงร้องโอดครวญขึ้นมาทันควัน
“โอ๊ย!! นี่เธอจะหยิกฉันทำไม” เขารีบส่งสายตาดุจ้องมองเธอที่หมายหยิกเขา
“แล้วนายมาหอมแก้มเราทำไม ไอ้คนฉวยโอกาส!” แววตาสวยจ้องเขม็งจ้องตาเขากลับอย่างคนที่พร้อมจะเอาเรื่องผู้ชายคนนี้นิสัยไม่ดีพึ่งจะเคยเจอกันครั้งแรกแท้ๆแต่ทำไมถึงกล้าหอมแก้มเธอแบบนี้
ไอ้คนเจ้าชู้ ทุเรศจริงๆ..
“เขาเรียกว่าจะได้ดูสมจริง ยัยนั่นจะได้เลิกตอแยฉันสักที” เวหาหัวเราะออกมาให้กับความน่ารักน่าเอ็นดูของหญิงสาวตรงหน้าเขามองไปยังใบหน้าสวยที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่าบอกนะว่าเธอไม่เคยใกล้ชิดและโดนหอมแก้มแบบนี้มาก่อน
งั้นแบบนี้เขาก็เป็นคนแรกของเธออะดิ!!
“ไม่เคยโดนหอมแก้มหรือไง” เสียงทุ้มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหยอกเย้าพลางรอดูคำตอบว่าเธอจะบอกกับเขาว่าอย่างไรซึ่งคนที่ได้ยินก็รีบพูดขึ้นด้วยความลืมตัวและพอนึกได้ว่าตัวเองต้องหยุดก็รีบเม้มปากห้ามตัวเอง
“ก็ไม่เคย อะ ยุ่ง! นายอย่ามาชวนเราคุยเรื่องแบบนั้นอีกนะ” ในตอนนี้แววตาของเชอรีนเปล่งประกายไปด้วยความหงุดหงิดและเคอะเขิน เขินที่ตัวเองหลุดปากบอกความจริงออกไปว่าตัวเธอนั้นยังไม่เคยโดนผู้ชายคนไหนหอมแก้มมาก่อน
“หึ”
เชอรีนที่ได้ยินเขาหัวเราะอย่างชอบใจก็รีบชวนเปลี่ยนเรื่องคุยทันทีขืนมัวแต่พูดเรื่องเก่ามีหวังเธอได้โดนเขาล้ออีกแน่เลย มือเล็กยกขึ้นกอดยกถามเรื่องที่ยังคงค้างในใจทำไมเขาถึงรู้ชื่อเธอสายตาคมเลื่อนมองไปยังป้ายตัวอักษรที่ปักอยู่บนหน้าอกเสื้อนักเรียนของเขา
“หัวเราะอะไร สรุปก็คือนายอยากเลิกกับผู้หญิงคนนั้นเลยดึงเราที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยเข้ามาช่วยสินะหรือว่ายังไงอะแล้วทำไมนายถึงรู้ชื่อของเรา เอ๊ะ! หรือว่า..”
“ถามไม่หยุดเลยนะ” เวหาที่พยายามเก็บกลั้นรอยยิ้มของตัวเองอยู่ก็พูดขึ้น ความน่ารักของเธอทำเขาอยากแกล้ง
“พวกเราเป็นว่าที่คู่หมั้นกัน!!”
“ห๊ะ! ตกลงพวกเราเป็นคู่หมั้นกันจริงๆเหรอ” สิ้นประโยคคำพูดนั้นร่างบางที่ตั้งใจฟังอยู่ก็ทำตาโตลุกวาวอีกครั้งสรุปแล้วเธอกับเขาเป็นคู่หมั้นกันจริงๆใช่มั้ย
“ฉันก็แค่โกหกเด็กนั่นเฉยๆ ทำไม..หรือเธออยากเป็นเหรอ” เวหาส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนที่จะขยับใบหน้าเข้าใกล้ใบหน้าเรียวสวยไร้เครื่องสำอาง
“จะบ้าเหรอใครเขาอยากเป็นคู่หมั้นของนาย!” ใบหน้าเรียวเล็กร้อนผ่าวราวกับมีไฟมาสุมทรวงจนเธอต้องรีบแผดเสียงตะโกนออกมาด้วยความเคอะเขินริมฝีปากเล็กเม้มเข้าหากันแน่นพร้อมกับดวงตาคู่สวยที่หันมองไปทางอื่น
“เขินเหรอ?” คำถามของเขาทำคนตัวเล็กหันหมับกลับมามองด้วยใบหน้าเลิ่กลั่กแล้วรีบส่ายหน้าปฏิเสธ
“บ้า! เราจะไปเขินนายทำไมแล้วนี่นายรู้จักชื่อเราได้ยังไงแล้วนี่นายอยู่ชั้นเดียวกันกับเราด้วยนี่ อยู่ห้องไหนเหรอ” เชอรีนถามในสิ่งที่ตัวเธอเองสงสัยเธอ
เวหาที่มองการกระทำของเธอมาโดยตลอดก็เลือกที่จะยิ้มเพียงเล็กน้อยก่อนที่จะจับข้อมือเล็กให้รีบเดินต่อไปยังลานจอดรถของทางห้างสรรพสินค้าชื่อดังและในตอนนี้เวหาก็จูงมือเชอรีนมาถึงยังลานจอดรถเป็นที่เรียบร้อย