2. ก็แค่เพื่อน

1774 Words
หลังจากทานกาแฟและพูดคุยกันซักพัก แพรไหมก็ขอตัวกลับขึ้นห้อง พอนึกถึงตรงนี้ก็ยังคงอายไม่หาย พอเดินผ่านเคาน์เตอร์ทีไรก็ยิ้มแห้งทุกที “สงสัยคงลือกันทั้งคอนโดแล้วมั้ง” มือเรียวหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ และอยู่ในนั้นเกือบครึ่งชั่วโมงก็ออกมา พร้อมกับผ้าที่โพกหัวเอาไว้หลังจากสระผม เมื่อคืนมีแต่คนดูดบุหรี่จนหัวเหม็นไปหมด “ว่าแต่เมื่อคืนน็อคไปได้ไงนะ กูก็ไม่ได้ดื่มเยอะซะหน่อย จะว่าคออ่อนก็ไม่น่าใช่ แต่ก็ช่างเถอะ อย่างน้อยก็ยังปลอดภัยดี ขอบใจนะเพื่อนรัก” เสียงหวานหันไปพูดกับตุ๊กตาหมีตัวน้อย ซึ่งคนที่เธอเอ่ยขอบคุณเมื่อครู่ซื้อให้ ในวันเกิดครั้งสุดท้ายที่ได้ฉลองด้วยกัน ก่อนเขาจะหายไปกว่าสามปี “อาทิตย์หน้าก็ต้องไปฝึกงานแล้วสิ สู้ๆ แพรไหม” เธอพูดพร้อมกับกำมือขยับไปมา ก่อนจะหยิบไดร์มาเป่าผมดำยาวจนมันนุ่มลื่นเช่นทุกวัน อันที่จริงเวลาที่อยู่มหาลัยแพรไหมก็ยังทำตัวเหมือนเคยนั่นแหละ ใส่แว่นมัดผมรวบเป็นหัวสับปะรด กระโปรงยาวเฟื้อยถึงตาตุ่ม แต่พอออกเที่ยวหรือสังสรรค์ก็จะเป็นอีกอย่าง พอเสร็จเรียบร้อยจากการแต่งตัวก็เดินไปนั่งโต๊ะทำงานประจำของตัวเอง ที่ดูเหมือนมันจะเป็นอาชีพที่เลี้ยงดูตัวเธอเองไปแล้ว หลังจากที่ออกมาใช้ชีวิตคนเดียวตั้งแต่เข้าเรียนมหาลัย เพราะพ่อก็แต่งงานใหม่ อีกฝ่ายก็มีลูกติดมาถึงสองคนหญิงกับชาย และมันทำให้เธออึดอัดเมื่อต้องเจอสายตาของลูกชายแม่เลี้ยง ตอนแรกก็ทนอยู่แต่พอหลังๆ อีกฝ่ายหนักข้อถึงขั้นตั้งกล้องแอบถ่าย เลยขอออกมาอยู่ข้างนอกดีกว่า แม่ใหม่ก็กำลังท้องในช่วงนั้น เธอเลยไม่อยากวุ่นวาย พอดีกับมีเงินที่แม่ฝากไว้ให้และพึ่งได้รับมันเมื่อไม่นานมานี้ เลยตัดสินใจซื้อคอนโดที่นี่ เพราะมันอยู่ไม่ไกลจากมหาลัยนัก แต่ไม่คิดว่าจะเป็นของเพื่อนซะได้ ก็ว่าทำไมมันลดราคาเยอะจัง แต่ก็นั่นแหละของถูกใครจะไม่ชอบ เธอวาดรูปเพื่อหารายได้ โพสต์ขายในโซเชียล ซึ่งฝีมือก็ถือว่าดีในระดับหนึ่ง แต่ละเดือนก็ทำรายได้ไม่ต่ำกว่าสามถึงสี่หมื่น บางเดือนก็มากกว่า ซึ่งมันพอกับค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน เธอเป็นคนใช้จ่ายประหยัดไม่เน้นแบรนด์เนม บางทีก็รับถ่ายแบบบ้างครั้งคราว เรียกว่าช่วงไหนช็อต จะดีกว่า ถึงจะหารายได้พิเศษแบบนี้ทำ แต่ปกติโมเดลริ่งก็ติดต่อมาประจำอยู่แล้ว แต่แพรไหมไม่รับเอง เธอนั่งวาดรูปจนกระทั่งบ่ายก็รู้สึกหิวขึ้นมา “ลงไปหาอะไรกินดีกว่า” พูดกับตัวเองเสร็จสรรพก็เดินออกจากห้องลงไปด้านล่าง สุดท้ายก็เจอกับสายตาของทุกคนอย่างที่คิด “ส่างหรือยังคะน้องไหม” เสียงพนักงานที่เคาเตอร์เอ่ยแซวทันทีเมื่อเห็นหน้า “โห๊ว!! พี่!! นี่คงรู้กันทั้งคอนโดแล้วมั้ง” “ไม่เหลือค่ะ พี่ศิริกระจายข่าวเรียบร้อย” “ใจร้าย ทำน้องได้ลงคอ” แพรไหมตัดพ้อไม่จริงจังนัก “แหม! ออกจะน่ารัก คนสวยทำอะไรก็ไม่น่าเกลียดหรอกค่ะ แล้วจะไปไหนคะเนี่ย” “หิวค่ะ พึ่งวาดรูปเสร็จ” เธอตอบออกไปโดยไม่รู้ว่ามีใครเดินเข้ามายืนซ้อนหลัง แต่ยังไม่ทันได้หันไปมองตามสายตาและท่าทางที่เงียบไปของตาหวานพนักงานสาวที่เธอคุยด้วยเลย ก็มีแขนแกร่งโอบรัดคอดึงเธอให้เดินตาม “มัวแต่พูดอยู่ได้กูหิวจะตายอยู่แล้ว” ไม่ต้องเงยหน้าขึ้นไปมองก็รู้ว่าอีกฝ่ายคือใคร ใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะเอาซะเลย เพื่อนตัวดีนี่ก็ช่างกระไร ไม่เจอกันตั้งสามปีแทนที่มันจะทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่ขึ้น แต่ทำไมถึงได้ต่างจากตอนเด็กนัก ก่อนนี้มันไม่เคยจะเข้าใกล้หรือแตะเนื้อต้องตัวเธอแแบบนี้ แต่พอเจอกันอีกทีกลับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน “ไอ้เชี้ยทิว ปล่อยฉันเดินเองได้” “มึงนี่นะ ด่ากูขนาดนี้แต่พูดแทนตัวเองว่าฉัน หรือไม่คิดจะเป็นเพื่อนกับกูแล้วว่างั้น” เสียงทุ้มปนความหงุดหงิดดังขึ้น เขาสงสัยมาตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงแทนตัวแปลกไป ปกติพวกเขาสามคนก็แทนมึงกูแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก พอเจอกันอีกครั้งทำไมเธอดูสุภาพกับเขาจนเหมือนไม่ใช่เพื่อนที่แก้ผ้ากระโดดน้ำมาด้วยกัน “ก็ ก็มันไม่เหมือนเดิมนี่ ตอนนี้นายเป็นทายาทหมื่นล้าน และฉันกับนายไม่ได้เจอกันมาตั้งสามปี คุยก็ไม่ได้คุย จะให้ทำตัวสนิทเหมือนเดิมได้ไง” คำตอบของแพรไหมทำเอาเขานิ่งไป มันจริงอย่างที่เธอบอก เพราะครอบครัวเขารวยขึ้นเพราะจับธุรกิจถูกทาง แต่ตรงข้ามกับแพรไหมที่ครอบครัวเธอเริ่มล้มเหลวตั้งแต่พ่อเธอคบชู้จนแม่ตรอมใจตาย นั่นจึงทำให้ครอบครัวนี้ติดหนี้เรื่อยมา และเขาก็รู้ว่าทุกวันนี้เพื่อนสนิทหาเลี้ยงตัวเอง “กูก็เพื่อนมึงเหมือนเดิมป่ะ กลับกันถ้ากูจนแล้วมึงรวย จะไม่คบกูว่างั้น” เขายืนกอดอกมองเพื่อน ซึ่งมันทำให้แพรไหมต้องเงยหน้าขึ้นสบตากับเขาเช่นกัน ตอนนี้ทั้งคู่เหมือนคนรักกำลังทะเลาะและปรับความเข้าใจ เพราะยืนอยู่หน้าห้องโถงทางเข้าคอนโด จนผู้คนพากันสนใจไม่น้อย “ใครจะไปทำแบบนั้นล่ะ” “เออ! มึงไม่ทำกูก็ไม่ทำ แล้วจะคิดมากอะไรไงก็เพื่อนกัน มึงนี่ทำกูพูดเยอะนะวันนี้” “ใครใช้ให้มึงพูดล่ะ เงียบแบบเดิมก็ดีแล้ว” แพรไหมพูดขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มให้ ซึ่งมันทำเอาทิวากรอดยิ้มตามไม่ได้ นานแล้วที่เขาไม่ได้เห็นรอยยิ้มนี้ “ขอโทษคร้าบ พวกมึงสองคนจะจู๋จี๋กันอีกนานไหม กูหิวจนจะกินช้างได้อยู่แล้วเนี่ย” “ไม่ได้ทำอย่างที่มึงพูดเสียหน่อย แล้วจะกินข้าวเกี่ยวอะไรกับกูเนี่ย อย่าบอกนะว่ารอ” “ก็ใช่สิครับ บอกให้มันโทรหามันก็ว่าไม่อยากกวน แล้วกูก็ต้องมานั่งรอจนไส้กิ่วแล้วเนี่ยะ” แพรไหมมองหน้าเพื่อนชายอีกคนที่ยืนยักคิ้วมองเธออยู่ เพราะปกติทิวากรไม่ค่อยพูดเท่าไหร่นัก ที่แปลกก็เมื่อครู่ต่างหากที่เขาเอาแต่ต่อว่าเธอ “ก็ไปสิ” แพรไหมเดินไปคล้องแขนอาทิตย์เอาไว้ ปกติเธอก็ทำแบบนี้แหละ จนเป็นภาพชินตาของคนที่นี่ เพราะรู้ว่าสองคนนี้เป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ไม่คิดว่าจะมีทายาทมหาเศรษฐีรวมอยู่ด้วย เลยมีแต่คนอิจฉาความโชคดีของเธอ เพราะหนุ่มหล่อทั้งสองต่างก็เป็นคนมีชื่อเสียงในแวดวงไฮโซ จนสาวๆ อยากจะเข้าหา ไม่เว้นแม้แต่พวกดารานางแบบทั้งหลาย ที่เอาหน้าตามาหลอกล่อทั้งคู่ แต่ก็นั่นแหละสองหนุ่มก็แค่ควงเล่นๆ เท่านั้น “เดี๋ยวนะจะไปไหนกัน ไม่กินที่ร้านในคอนโดเหรอ” เธอถามขึ้นทันทีเมื่อเพื่อนพาเดินมาขึ้นรถ “ไปกินข้างนอกสั่งเอาไว้แล้ว” “เฮ้ย! จะพากูไปดูสภาพกูด้วย เสื้อยืดกางเกงช้างขายาวเนี่ยะนะ ดูหัวดูหน้ากูดิ” แพรไหมโวยทันที เพราะเธอไม่พร้อมที่จะออกไปทานร้านหรูๆ แน่ ดูพวกคุณๆ เขาแต่งตัวสิ เสื้อเชิ้ตกางเกงสแล็ค ราคาแพง แต่เธอนี่รวมกันไม่ถึงห้าร้อย เห็นแล้วอนาถตัวเองมาก ไม่รู้สองคนนี้คบเป็นเพื่อนได้ไง “ไปกินข้าวไม่ได้ไปเดินแฟชั่น” ดูเอาเถอะคำตอบของเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมาสามปี พอเริ่มทำตัวปกติด้วยหน่อยมันก็พร้อมจะกัดเธอได้ตลอดเวลา ทิวากรมองคนตัวเล็กที่เขาดันให้เข้าไปนั่งในรถ มันไม่ต่างจากแมวที่ตั้งท่าขู่เลยสักนิด แต่ก็นั่นแหละ แพรไหมก็ทำได้แค่ขู่ เพราะถ้าสองคนนี้อยู่ด้วยกันทีไรเธอก็ตกเป็นเบี้ยล่างทุกที พอมาถึงภัตตาคารหรูทั้งหมดก็ลงจากรถ คนตัวเล็กยืนนิ่งราวกับกำลังชั่งใจว่าจะเข้าไปดีหรือเปล่า ยิ่งมองไปรอบข้างก็นึกสงสารตัวเองที่คบเพื่อนเกินตัวเกินสภาพ “ถ้ามึงไม่เดินกูจะแบกเข้าไป” “ให้กูทำใจก่อนไม่ได้หรือไง บังคับจัง” เธอมุ้ยปากใส่ทันที โดยที่ไม่รู้ว่ามันทำให้คนตัวโตอดที่จะเอ็นดูไม่ได้ เขาจูงมึงเล็กให้เดินตามขึ้นไปด้านบน พนักงานก็ต้อนรับเป็นอย่างดี แม้จะมีสีหน้าแปลกใจไม่น้อยที่วันนี้มีสาวสวยมาด้วย “วันนี้สี่ที่นะคะคุณทิวากร” เขาพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินตามไปยังห้องเดิมที่มักจะมากับครอบครัวเสมอ แต่ตอนนี้ทั้งพ่อและแม่นั้นจากไปแล้วเมื่อปีก่อน และวันนี้ก็เป็นวันครบรอบการสูญเสีย ช่วงแรกเขาต้องไปๆ มาๆ เพื่อดูแลธุรกิจ จนกระทั่งเรียนจบ เรียกว่าต้องอดทนมากกว่าคนอื่นเป็นร้อยเท่า สุดท้ายเขาก็ผ่านมันมาได้เพราะความช่วยเหลือของคนรอบข้างอย่างเก่งและอาทิตย์ “เป็นไงทิวากรวันนี้มาที่ร้านได้ แล้วนี่คงจะเป็นคู่หมั้นของลื้อสินะ อั้วลีใจที่ได้เห็นว่าที่นายหญิงของตระกูลคนใหม่จริงๆ สวยมากๆ” เจ้าของร้านซึ่งรู้จักมักคุ้นกับครอบครัวเขาดีเข้ามาทักทาย เมื่อรู้ว่าลูกค้าประจำแวะมา “เปล่าหรอกครับ นี่เพื่อนสนิทผมที่โตมาด้วยกันกับไอ้ซัน ชื่อแพรไหม” #ฝากติดตามกดใจให้ด้วยนะทุกคน ขอแรงฮึดสู้หน่อย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD