มือเรียวที่กำลังบังคับพวงมาลัยรถให้วิ่งอย่างปลอดภัยบนท้องถนน มีจุดหมายปลายทางเป็นร้านกาแฟที่อยู่ตรงข้ามกับโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง ถึงกับเกร็งขึ้นมาทันทีเมื่อหันไปเห็นรถเบนซ์ซีดานสัญชาติเยอรมนีที่วิ่งนำอยู่ด้านหน้า ระยะทางที่ห่างกันไม่ถึงยี่สิบเมตรทำให้มองเห็นแผ่นป้ายทะเบียนรถได้อย่างชัดเจน ริมฝีปากเรียวท่องทวนตัวอักษรและตัวเลขที่เห็นไม่ต่ำกว่าห้ารอบ มั่นใจว่ารถหรูที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเป็นคันเดียวกับที่ยื่นร่มให้เธอในวันฝนตก
อา...
‘ใช่รถคันนั้นจริงๆด้วย’
เมื่อรู้ว่าเป็นรถคันเดียวกัน ความตื่นเต้นและดีใจก็ยิ่งมีมาก
เธออยากจะขับรถขึ้นไปเทียบคู่ อยากเห็นหน้าบุคคลใจดีที่อยู่ในรถคันนั้น ทว่าเธอกับทำไม่ได้ เพราะความหนาแน่นของรถที่สัญจรบนท้องถนน บวกกับจุดหมายที่ต่างกัน เธอทำได้เพียงขับรถตามหลัง จ้องมองดูรถซีดานคันนั้นวิ่งห่างออกไปเรื่อยๆ จนพ้นระยะที่สายตามองเห็น ก่อนจะเลี้ยวรถเข้าไปยังร้านกาแฟ ซึ่งเป็นจุดหมายของตัวเอง
รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีทางที่จะมองเห็น ทว่าเมื่อลงจากรถก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเส้นทางที่รถเบนซ์ซีดานคันนั้นวิ่งผ่าน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความบังเอิญหรือแต้มบุญความโชคดีของเธอยังเหลืออยู่ ทำให้เธอเห็นรถเบนซ์ซีดานคันนั้นยูเทิร์นกลับมาและกำลังจะเลี้ยวเข้าโรงพยาบาลที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
เป็นอีกครั้งที่ดวงตาสวยเศร้าฉายชัดถึงความตื่นเต้น เพ่งมองดูรถคันนั้นค่อยๆวิ่งหายเข้าไปในเขตโรงพยาบาลจนพ้นรัศมีสายตา
อบอุ่นอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มให้กับภาพตรงหน้า เกิดมาจนอายุยี่สิบหกปีเคยได้ยินแต่คนบอก ‘ไม่เห็นหน้าเห็นหลังคาบ้านก็ยังดี’ แต่ทำไมสถานการณ์ของเธอถึงเป็น ‘ไม่เห็นหน้าเห็นหลังคารถก็ยังดี’
อา...
เธอจะถือว่ามันเป็นเรื่องที่ดีสำหรับการเริ่มต้นเส้นทางใหม่
เมื่อคิดได้ดังนั้น คนอยากเริ่มต้นในเส้นทางใหม่ก็จัดการล็อครถ เดินตรงไปที่ร้านกาแฟเพื่อทำในสิ่งที่ตัวเองเลือก
“สวัสดีค่ะ พี่เมย”
อบอุ่นเอ่ยทักทายเจ้าของร้านกาแฟที่เธอบังเอิญรู้จักเมื่อสามสัปดาห์ก่อนอย่างคุ้นเคย
วันนี้เป็นวันแรกที่เธอมาทำงานเป็นเด็กฝึกหัด เพื่อเตรียมตัวที่จะเข้ามาทำงานในฐานะเจ้าของร้านในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า
เธอเซ็นต์สัญญาเซ้งร้านนี้จากพี่เมยเมื่อสองวันก่อน โดยที่ตัวเองถือหุ้นหกสิบเปอร์เซ็นต์ ส่วนอีกสี่สิบเปอร์เซ็นต์เป็นของพี่สาวฝาแฝดของเธอสิบเปอร์เซ็นต์ และเพื่อนสนิททั้งสามคนอย่างสีดา วินทร์ และฟาง อีกคนละสิบเปอร์เซ็นต์
การตัดสินใจเซ้งร้านนี้เกิดขึ้นเพราะความบังเอิญ...
ถ้าพูดถึงที่มาที่ไปก็ต้องย้อนไปเมื่อสามสัปดาห์ก่อน เพราะความเบื่อหน่ายและเหนื่อยใจกับอะไรหลายๆอย่างในที่ทำงาน ทำให้เธอเลือกที่จะพาตัวเองมายังร้านกาแฟที่มั่นใจว่าจะไม่เจอคนรู้จักแทนการขับรถกลับบ้านหลังเลิกงานเหมือนทุกครั้ง
และวันนั้นก็ทำให้เธอได้เจอกับพี่เมย ได้รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะขายกิจการเพราะต้องเดินทางไปอเมริกาพร้อมกับแฟนหนุ่มที่เป็นหมอ ซึ่งมีแพลนจะเดินทางไปเรียนต่อเฉพาะทางที่นั้น การคุยกันครั้งนั้นทำให้เธอเริ่มทบทวนตัวเอง รู้ดีว่าตัวเองคงจะทำงานที่บริษัทเดิมได้อีกไม่นาน เธอเฝ้าถามตัวเองเป็นพันๆรอบว่าถ้าลาออกจากที่เก่าแล้วยังจะทำงานในสายงานเดิมอีกไหม
หนึ่งสัปดาห์เต็มที่เธอพาตัวเองมาเป็นลูกค้าประจำของร้านกาแฟแห่งนี้ เธอมักจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่าชั่วโมงเพื่อนั่งเงียบๆ มองดูความเคลื่อนไหวต่างๆภายในร้าน
และเธอก็ได้คำตอบ
การเซ้งร้านกาแฟนี้คือคำตอบของเธอ
“หวัดดีจ้าน้องอุ่น ทำไมมาเช้าจัง พี่คิดว่าเราจะมาสายกว่านี้ วันหยุดทั้งทีน่าจะนอนพักผ่อนเอาแรงยาวๆ”
เสียงใสหวานที่แฝงไปด้วยความเป็นกันเองไม่ต่างจากวันแรกที่ได้คุยกันทำให้อบอุ่นยิ้มกว้าง และไม่ลืมที่จะเผื่อแผ่รอยยิ้มนั้นไปให้บาริสต้าของร้านอย่างเปิ้ลและนุดีที่ยืนอยู่ไม่ไกล เธอรู้จักกับพนักงานทุกคนของร้านตั้งแต่วันที่เข้ามาเซ็นต์สัญญา ซึ่งทุกคนยินดีจะทำงานที่ร้านต่อแม้ร้านจะเปลี่ยนเจ้าของ
“อุ่นอยากมาดูค่ะว่าแต่ละวันต้องทำอะไรบ้าง มีอะไรให้อุ่นช่วยก็บอกได้นะคะ ห้ามเกรงใจอุ่นเด็ดขาด” ถ้าเป็นเมื่อก่อนไม่มีทางที่เธอจะตื่นเช้าในวันหยุด เหตุผลเดียวที่ทำให้เธอลุกจากเตียงนอนก่อนสิบโมง คือการลุกเพื่อไปเข้าห้องน้ำ พอทำธุระส่วนตัวเสร็จก็กลับไปนอนต่อเหมือนเดิม
“อืม วันนี้พนักงานพี่หายไปคนหนึ่งพอดี ถ้าให้น้องอุ่นเสิร์ฟไหวมั้ย?” ตอนแรกก็ตั้งใจจะให้อบอุ่นอยู่ด้วยกันที่หน้าเคาน์เตอร์ แต่เพราะพนักงานอีกคนลาทำให้ต้องเปลี่ยนแผน
“ไหวค่ะ สบายมาก”
"นี่จ้ะ ผ้ากันเปื้อน ส่วนกระเป๋าน้องอุ่นเอาไปไว้ที่ตู้ล็อกเกอร์ด้านในได้เลยนะ สองตู้ที่ยังไม่มีชื่อน้องอุ่นเลือกใช้ได้เลย"
"ขอบคุณค่ะ" คนอยากเรียนรู้งานยิ้มขอบคุณ รับเอาผ้ากันเปื้อนแบบคาดเอวสีดำแถบแดงซึ่งเป็นยูนิฟอร์มหนึ่งเดียวของร้านไปถือไว้ ก่อนจะเดินไปยังตู้ล็อกเกอร์ด้านใน
อบอุ่นใช้เวลาจัดการตัวเองไม่ถึงห้านาทีก็เดินออกมายืนอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์พร้อมทำงาน ผมยาวสลวยสีน้ำตาลถูกมัดรวบตรึงเป็นหางม้า ชุดแซกสีครีมถูกทาบทับด้วยผ้ากันเปื้อนแบบคาดเอว
ออเดอร์แรกที่อบอุ่นต้องเสิร์ฟคือลาเต้ปั่นกับช็อกโกแลตเย็นสำหรับลูกค้าโต๊ะสาม งานยากของเธอคือการหาโต๊ะของลูกค้าและการจำชื่อเมนู การเสิร์ฟของเธอค่อนข้างติดขัดในช่วงแรก เพราะต้องคอยมองว่าแต่ละโต๊ะอยู่ตรงไหน เครื่องดื่มแต่ละแก้วที่กำลังจะเสิร์ฟคือเมนูอะไร แต่เมื่อเวลาผ่านไปความคล่องแคล่วและความชำนาญก็มีมากขึ้น
เกือบสี่ชั่วโมงที่เธอทำงานโดยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย
อบอุ่นหยิบโทรศัพท์ที่มีเสียงข้อความเข้าขึ้นมาดู เมื่อเห็นเป็นข้อความของกลุ่มเพื่อนก็อดยิ้มไม่ได้
ผู้ตรวจสอบบัญชีทั้งสามคนอย่างอิงเอย วินทร์ และฟาง ยังอยู่จ็อบลูกค้าที่ต่างจังหวัด ส่วนสีดาเข้าไปเคลียร์งานที่บริษัท ไม่ว่าทุกคนจะยุ่งมากแค่ไหน ก็มักจะหาเวลาว่างส่งข้อความหากันเสมอ
เธอรู้ดีว่าเพื่อนทุกคนเป็นห่วง