ตอนที่ 2 ประทับใจ

2698 Words
ผมแทบช็อกไม่คิดว่าพ่อนพจะถามแบบนั้น คำถามที่เปรียบเสมือนความรู้สึกที่ผมกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ คำถามที่ผมอยากจะตอบออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องไตร่ตรองหากคนตรงหน้าไม่ใช่พ่อนพเพื่อนเก่าของพ่อสมัยตั้งแต่เรียนอยู่ที่อเมริกาด้วยกัน ถ้าท่านรู้ว่าผมรู้สึกยังไงกับลูกชายของท่าน พ่อนพคงไม่ให้ผมฝึกงานอยู่ที่นี่ต่อไปแน่ เมื่อคิดได้แบบนั้นจึงรีบตอบปฏิเสธออกไปด้วยความปวดใจไม่น้อย "ไม่ใช่อย่างที่พ่อเข้าใจหรอกครับผม เพียงแค่รู้สึกคุ้นหน้าน้องแค้มป์ก็เท่านั้นแหละครับ อีกอย่างผมเป็นผู้ชายเต็มร้อยนะครับพ่อ ผมจะชอบลูกชายของพ่อได้ยังไงครับ!" "เดี๋ยวๆ นี่ลูกกำลังเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าล่ะเหมย เจ้าแค้มป์นะเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อ 2 เดือนที่แล้วเองนะ ลูกจะไปคุ้นหน้ากันที่ไหน ที่สำคัญ 2 เดือนที่เจ้าแค้มป์กลับเมืองไทยก็อยู่แต่ในบ้านเพื่อศึกษาเอกสารงานที่พ่อเอามาให้มันได้ลองอ่าน ได้ลองศึกษาดูว่าสายอาชีพที่มันเรียนมาเหมาะกับการบริหารงานในโรงพยาบาลหรือเปล่า" เมื่อผมได้ฟังคำชี้แจงถึงกลับทำให้ผมหงายหลังอย่างไม่เป็นท่า สิ่งที่ผมพูดมันสวนทางกับข้อมูลที่พ่อนพพูดมาทั้งหมด ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าอาการหน้าชามันเป็นยังไง ผมพูดอะไรไม่ออก มือไม้สั่นแล้วรู้สึกเหมือนมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้า ขณะที่สายตาของท่านก็จับจ้องมาที่ดวงตาของผมยังไม่ละไปทางอื่น พ่อรู้ความจริงแล้วผมจะทำยังไงดีล่ะทีนี้ จู่ๆ ท่านก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้โต๊ะทำงานเดินมาทางฝั่งที่ผมนั่ง ผมรู้สึกกลัว ตัวสั่น ผมต้องถูกท่านไล่ตะเพิดออกไปจากโรงพยาบาล ถูกขึ้นบัญชีดำไม่สามารถไปฝึกงานที่ไหนได้อีกแน่ๆ ไอ้เหมยเอ๊ยไอ้เหมยทำไมแกมามีอาการสปาร์คลูกชายท่านอะไรตอนนี้ ตั้งแต่ผมเกิดมาความรู้สึกนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับผมมาก่อนจนกระทั่งได้มาเจอรุ่นพี่ปากหวานที่โรงเรียนสมัยมัธยมปลาย นั่นมันก็เป็นเพียงความรักแบบใสๆ ไม่มีอะไรมาก หลังจากนั้นเป็นต้นมาใจของผมก็รู้สึกโหยหาความรักมาโดยตลอดแต่ผมก็ไม่เคยไปสร้างเรื่องราวที่ไม่ดีกับใคร ไม่เคยทำให้ใครเสียใจ ไม่เคยทำให้ใครต้องมาเจ็บใจหรือร้องไห้เพราะผม นับแต่วันที่รุ่นพี่คนนั้นทิ้งผมไป ผมก็ไม่เคยเปิดใจให้ใครอีกเลยเพราะผมกลัวเจ็บไม่อยากตกอยู่ในสถานะที่ไร้ความรู้สึก ผมรู้ว่าความเจ็บปวดจากการถูกทิ้งมันทรมานมากแค่ไหน มาวันนี้ความรู้สึกนั้นมันได้กลับเข้ามาในชีวิตผมอีกครั้ง เมื่อผมได้เห็นหน้าน้องแค้มป์สักครู่ที่ผ่านมา บางครั้งผมก็แทบจะไม่เชื่อตัวเองเหมือนกันว่าจะกลายเป็นคนที่มีรสนิยมชอบเพศเดียวกันไปได้ นี่ผมคิดถูกหรือคิดผิดที่ส่งหนังสือขอฝึกงานมาที่โรงพยาบาลที่ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าผู้บริหารจะเป็นคนรู้จัก ผมยังคงนั่งกุมมือตัวเองจนรู้สึกว่าฝ่ามือทั้งสองข้างเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเพราะความกลัว หากพ่อนพทราบความจริงก็อาจจะนำเรื่องนี้ไปคุยกับพ่อของผม คราวนี้ชีวิตของผม อนาคตของผมคงต้องมาพังทลายลงเพราะความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อน้องแค้มป์ในครั้งนี้เสียแล้ว ขณะที่สายตาของผมเห็นพ่อนพกำลังกำหมัดไว้แน่นก่อนที่ท่านจะค่อยๆ ยกมือข้างที่กำหมัดขึ้น เท่านั้นแหละครับผมรีบหลับตาปี๋เพราะคงคิดว่าต้องถูกมัดใหญ่ๆ ของท่านฟาดเข้าที่ปากอย่างหนีไม่พ้น แต่แล้วสิ่งที่ผมคิดก็ไม่ได้เกิดขึ้น มือใหญ่ที่กำหมัดแน่นกลับคลายวางลงบนบ่าของผมแทนอย่างเบามือ ก่อนที่ท่านจะพูดอะไรบางอย่างออกมา "เหมย นี่เรากลัวพ่อขนาดนั้นเลยเหรอลูก พ่อไม่คิดจะทำร้ายลูกชายคนที่พ่อรักหรอกนะ ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้วพ่อเองก็ไม่อยากจะปิดบังความรู้สึกของพ่อที่มีต่อพ่อของเหมยเหมือนกัน พ่อกับพ่อของเหมย เราเป็นเพื่อนกันมากว่า 20 ปีก่อนที่ไอ้พงศ์มันจะมีเมียและมีเราจนทุกวันนี้ เราสองคนรักกันมาก รักมากแม้กระทั่งพ่อของเราไม่ยอมให้พ่ออยู่ใกล้ผู้หญิงหรือผู้ชายคนไหนเลย แล้วพ่อเองก็มีความรู้สึกที่ไม่ต่างไปจากไอ้พงศ์เช่นกัน ทุกครั้งที่พ่อเห็นมันอยู่ใกล้กับผู้หญิงหรือผู้ชายน่ารักๆ คนไหน พ่อจะเข้าไปโวยวายใส่มันอย่างไม่ไว้หน้า จนเป็นเหตุให้เราสองคนถูกลงโทษเพราะความใจร้อนของเราสองคนเองอยู่หลายครั้ง กระทั่งพ่อแม่ของเราสองคนรู้ความจริงว่าพวกเรามีความรู้สึกที่ดีต่อกันเกินกว่าเพื่อนทั่วไป ....แต่มีสิ่งหนึ่งที่พ่ออยากให้เหมยรู้ ถึงพ่อกับพ่อของเราจะรักกันมากแค่ไหนเราสองคนก็ไม่เคยล่วงเกินทางกายของกันและกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว อย่างมากที่สุดก็แค่หอมแก้มเพื่อเป็นการแสดงความรักต่อกันเท่านั้นจริงๆ หลังจากที่ผู้ใหญ่ของเราทั้งสองคนรู้ความจริงก็เป็นเหตุให้ท่านจับเราแยกกันโดยส่งพ่อเราไปเรียนที่อเมริกาซึ่งทางพอแม่ของพ่อก็ส่งพ่อไปเรียนต่อที่ต่างประเทศเหมือนกันแต่ไม่นึกเลยว่าจะเป็นสถานที่เรียนเดียวกัน พ่อกับพ่อของเหมยจึงได้กลับมาพบกันอีกครั้ง เมื่อวันเวลาผ่านไป เราสองคนโตขึ้นได้เห็นโลกกว้างขึ้น ส่งผลให้พ่อกับพ่อของเราต่างก็มีแฟนเป็นผู้หญิงของตัวเองกันทั้งคู่ แต่ดูแล้วไอ้พงศ์มันจะไวไฟกว่าพ่อมาก มันทำให้เหมยเกิดมาเร็วกว่าที่พ่อคาดไว้เยอะ ขณะที่พ่อยังตั้งหน้าตั้งตาเรียนจนกระทั่งเราสองคนเรียนจบปริญญาแล้วแยกย้ายกันกลับประเทศเลยขาดการติดต่อกันไปตั้งแต่วันนั้นแล้วกลับมาพบกันอีกเมื่อ 13 ปีที่ที่ผ่านมา เหมยรู้มั๊ยถ้าพ่อกับพ่อของเราตกลงเป็นแฟนกันตั้งแต่วันนั้น ก็คงไม่เหมย พิชญาและแค้มป์ คิมหันต์จนถึงทุกวันนี้หรอก อย่าหลอกความรู้สึกตัวเองจำไว้ ความรู้สึกของเราเป็นยังไงถึงเราจะอธิบายให้คนอื่นฟังยังไงให้ต่างไปจากความจริง เราเองก็ไม่มีวันที่จะหลอกตัวเองได้หรอก จงเชื่อมั่นในความจริงถ้าเหมยรู้สึกดีกับเจ้าแค้มป์จริงๆ พ่อเองก็เห็นด้วยเพราะเจ้าแค้มป์เองก็ไม่เคยมีความรักหรือคบหาใครเป็นเรื่องเป็นราวสักคน ถ้าคนรักของเจ้าแค้มป์เป็นเหมย พ่อจะพอใจและสบายใจมากเพราะพ่อสัมผัสได้ถึงความจริงใจ ความมุ่งมั่นในตัวของเหมย เราคงจะไม่ทำให้ลูกชายของพ่อเสียใจแน่นอน พ่อมีอะไรจะบอกอีกเรื่องหนึ่ง กลางเดือนหน้าพ่อจะรีไทร์ตัวเองแล้วนะ เข้าใจที่พ่อพูดใช่มั๊ยลูกชายของพ่อ!" "พ่อนพ!!...." ผมปล่อยโฮพร้อมทั้งสวมกอดพ่อนพทั้งน้ำตาอาบแก้ม หลังจากที่ผมได้ฟังเรื่องราวความรักในอดีตของพ่อและพ่อนพทำให้ผมรู้ว่าเพราะเหตุนี้นี่เองพ่อของผมกับพ่อนพถึงต้องกลับมาพบกันอีกครั้งจนได้และยิ่งผมได้ฟังคำฝากฝังให้ผมช่วยดูแลลูกชายของท่านด้วยแล้ว ผมก็ยิ่งน้ำตาแตกมากกว่าเดิม ไหล่ของท่านจึงเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาของผมอย่างเลี่ยงไม่ได้ "หยุดร้องได้แล้วหากมีคนเข้ามาเห็น เขาจะคิดว่าพ่อกำลังรังแกเราอยู่นะ คิดจะเป็นคนรักลูกชายของพ่อต้องเข้มแข็งจำไว้!" "ก็ผมดีใจนี่ครับ ที่ได้ฟังเรื่องราวในอดีตของพ่อนพกับพ่อของผม ผมเข้าใจทุกอย่างแล้วครับว่าทำไมพ่อผมกับพ่อนพถึงรักกันมากขนาดนี้ ผมจะเข้มแข็งให้มากกว่านี้ครับพ่อนพ ผมจะไม่ทำให้พ่อผิดหวังในตัวผม ส่วนเรื่องที่ผมจะได้เป็นคนรักของน้องแค้มป์หรือเปล่าเรื่องนี้ผมไม่แน่ใจ ถ้าน้องเขาไม่ได้รู้สึกเหมือนกันกับผม ก็ไม่เท่ากับว่าผมคิดไปฝ่ายเดียวเหรอครับพ่อ" "พ่อก็กำลังจะบอกเราอยู่นี่ไง พ่อจะให้มันมาบริหารงานโรงพยาบาลแทนพ่อหลังจากที่พ่อรีไทร์ตัวเอง แล้วจะให้เหมยมาเป็นผู้ช่วยเจ้าแค้มป์ ส่วนเรื่องความรู้สึกหัวใจพ่อจะให้เราสองคนจัดการกันเอง จะใช่หรือไม่ใช่มันก็ขึ้นอยู่กับตัวของเหมยเองแล้วล่ะ พ่อเชื่อนะว่าเราสามารถจะพิสูจน์ตัวเองให้เจ้าแค้มป์มันยอมรับและรับรักเราได้ พ่อขอยืนยันว่าเจ้าแค้มป์เองมันจะไม่ทำให้เหมยลูกสะใภ้ของพ่อเสียใจเช่นกัน" ผมยิ้มแก้มแทบแตกเมื่อได้ยินคำว่าลูกสะใภ้ นี่ตกลงท่านเห็นผมเป็นผู้หญิงใช่มั๊ยเนี่ย เลยอยากได้เป็นลูกสะใภ้ ในใจผมอยากเป็นลูกเขยมากกว่านะ แหะๆๆ แต่ผมก็ไม่รู้อีกนั่นแหละว่าผมจะได้เป็นลูกสะใภ้หรือลูกเขยเพราะเรื่องนี้มันคือเรื่องของอนาคตที่ผมไม่สามารถไปกะเกณฑ์มันได้ "ผมพร้อมจะฝึกงานแล้วครับพ่อนพ ผมจะตั้งใจทำให้ดีที่สุดเท่าที่ความสามารถของผมจะทำได้...." ผมรีบเสนอตัวเพื่อแสดงสปิริตว่าผมจะทำงานทุกอย่างให้เต็มที่ให้สมกับที่ท่านไว้วางใจ "อย่ารีบร้อนนักสิว่าที่ลูกสะใภ้ ก่อนอื่นพ่อว่าเราเอาสัมภาระไปเก็บก่อนดีมั๊ยส่วนเรื่องที่เราคุยกันก็ขอให้ปิดเป็นความลับ แม้แต่เจ้าแค้มป์เองก็ห้ามบอกเข้าใจมั๊ย ที่พ่ออยากให้เราช่วยปิดบังเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่ผิดหรืออะไรหรอก เพราะมันคือความทรงจำดีๆ ที่เคยเกิดขึ้นกับพ่อและพ่อของเราในอดีต เผื่อเราจะได้นำไปใช้เป็นแนวทางที่จะพิชิตใจเจ้าแค้มป์ไงล่ะ อย่าลืมงานทุกงานจะสำเร็จได้ก็ต้องอาศัยความตั้งใจ ความเพียรพยายาม ความจริงใจและการเอาใจใส่ ความสำเร็จก็จะมาเยือนเราในไม่ช้า รอแป๊บนึงนะเดี๋ยวพ่อจะให้เจ้าแค้มป์ช่วยยกของไปส่งที่ห้องพัก" พ่อนพกล่าวเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างพลางส่งยิ้มให้ผมอย่างเป็นใจ "ขอบคุณมากครับพ่อ" ท่านส่งยิ้มให้ผมแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาใครคนนั้น.... "แค้มป์มาหาพ่อที่ห้องทำงานหน่อยลูก" "สักครู่นะครับคุณพ่อ" หลังสิ้นเสียงน้องแค้มป์พ่อนพก็วางหูโทรศัพท์ลงก่อนจะพูดอะไรกับผมอีกเล็กน้อย "จำไว้อีกอย่าง ถ้าอยู่กับพ่อสองคนเรียกพ่อได้ตามปกติ แต่อยู่ต่อหน้าคนอื่นก็ต้องใช้คำเรียกเหมือนกับคนอื่นเช่นกัน เข้าใจนะ" "เข้าใจครับอาจารย์หมอ" เป็นจังหวะที่น้องแค้มป์เคาะประตูบานใหญ่ก่อนจะผลักเข้ามาหลังจากได้ยินคำอนุญาตจากพ่อนพ "คุณพ่อมีอะไรหรือเปล่าครับ" "ช่วยยกกระเป๋าสัมภาระของพี่เหมย พาไปส่งที่ห้องพักที่พ่อให้เราไปช่วยจัดไว้เมื่อวานหน่อยสิลูก พ่อคุยธุระกับพี่เขาเสร็จแล้วเลยอยากจะให้เขาไปเก็บของเพื่อเตรียมใจมาฝึกงานวันพรุ่งนี้ได้อย่างเต็มที่" "ได้ครับคุณพ่อ เชิญพี่เหมยตามผมมาทางนี้ครับ" ผมแทบไม่อยากหันหน้าไปมองน้องแค้มป์จริงๆ เพราะรู้ตัวเองว่าคงจะแสดงอาการกริยาไม่เหมาะสมออกมาอีก จึงทำได้เพียงถือกระเป๋าสะพายกับกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กๆ อีก 1 ใบ เดินตามผู้ชายร่างโปร่งไปด้วยอาการก้มหน้าตลอดทางเดิน ด้วยความที่ผมเดินก้มหน้าไปตลอดทางไม่ทันได้ระวังตัวโดยไม่รู้ว่าจะต้องหยุดเดินเมื่อไหร่จึงทำให้ผมเดินชนแผ่นหลังกว้างของคนร่างโปร่งอย่างไม่ตั้งใจจนล้มลง ก็เป็นจังหวะที่น้องแค้มป์รีบวางกระเป๋าใบใหญ่ในมือทั้งสองข้างลงบนพื้นแล้วรีบมาประคองตัวผม ไม่ให้กระแทกพื้นได้ทัน ผมรีบหลับตาปี๋เพราะไม่อยากเผชิญหน้ากับคนหน้าตี๋ ที่บัดนี้ร่างของผมได้อยู่ในวงแขนแกร่งของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว "พี่เหมยไม่เป็นอะไรนะครับ?!" "ขอบใจน้องแค้มป์มากนะครับที่ช่วยรับพี่ไว้ คิดว่าตัวเองจะหัวฟาดพื้นไปแล้วซะอีก" ผมกล่าวขอบคุณทั้งที่ยังหลับตาปี๋อยู่ในอ้อมแขนของคนตรงหน้า "พี่เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ ผมจะพาไปห้องพยาบาลครับ" เมื่อผมได้ยินประโยคนั้น ผมก็รีบลุกขึ้นยืนทันทีเพราะคิดว่าหากผมถูกส่งไปห้องพยาบาลของโรงพยาบาลแล้วอาจจะทำให้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นมาได้ "ไม่เป็นไรหรอกครับ พี่ไม่ได้เจ็บตรงไหนเลยก็ได้แค้มป์มาช่วยรับไว้ทันยังไงครับ ถึงห้องพักของพี่แล้วใช่มั๊ยครับพี่ขออนุญาตเข้าไปเก็บของก่อนนะครับพรุ่งนี้ค่อยเจอกันครับ" ผมพูดรวบๆ ด้วยความพยายามเก็บอาการเขินอายก่อนจะเดินตรงไปยังห้องพักตามที่คนร่างโปร่งเดินมาส่ง "พี่เหมยไม่ใช่ห้องนั้นครับ ห้องนี้ครับ พี่มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าดูพี่ไม่ค่อยดีเลยผมว่าเดี๋ยวผมช่วยพี่จัดของดีกว่าครับ....” ไม่ทันที่ผมจะปฏิเสธ คนร่างโปร่งก็คว้ากระเป๋าใบใหญ่ทั้งสองใบเดินตรงไปที่อีกห้องหนึ่ง จากนั้นสัมภาระของผมก็ถูกหนุ่มน้อยรุ่นน้องจัดการเข้าตู้อย่างเป็นระเบียบในพริบตาและไม่น่าเชื่อว่าน้องแค้มป์จะรู้ใจผม โดยลักษณะการจัดของเข้าตู้ของเขาตรงตามความต้องการของผมทุกกระเบียดนิ้ว นี่มันอะไรกันเพียงแค่การสบตา ทำให้เขารู้ถึงความรู้สึกในใจผมอย่างนั้นหรือหรือผมคิดไปเอง หลังจากที่สัมภาระมากมายถูกจัดเข้าตู้และชั้นวางตามมุมต่างๆ ของห้องพักจนเสร็จสิ้น ผมแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำจึงเกิดความรู้สึกไม่ดีแต่ได้คนร่างโปร่งกล่าวปลอบใจอย่างเป็นกันเอง ส่วนตัวผมก็ทำได้เพียงกล่าวขอบคุณในน้ำใจกับความช่วยเหลือของน้องเขาเท่านั้น ระหว่างที่ผมเดินมาส่งเขาที่หน้าประตูห้องพัก "พี่เหมยครับเดี๋ยว 2-3 คืนแรกผมจะมานอนเป็นเพื่อนนะครับเพื่อให้พี่คุ้นชินกับบรรยากาศภายในห้องพัก คุณพ่อเองก็เห็นด้วยเลยอยากให้พี่มีเพื่อนอยู่ด้วยตอนกลางคืนครับ" ว่าที่พ่อตาของผมเปิดทางให้ผมขนาดนี้เลยเหรอครับเนี่ย เขาจะรู้บ้างมั๊ยว่านี่คือความต้องการของผู้เป็นพ่อของเขาที่อยากฝากฝังให้ผมช่วยดูแลลูกชายของเขาในฐานะคนรัก หากเขารู้ความจริงเรื่องนี้เขาคงจะเกลียดผมแน่เลยแต่ก็ไม่เป็นไรเมื่อผมได้ยินแบบนั้นก็ทำให้ผมรู้สึกมีโอกาสที่จะทำคะแนนดีๆ กับว่าที่คนรักคนใหม่แล้วครับ 'พี่สัญญาว่าพี่จะดูแลแค้มป์ให้ดีที่สุด'
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD