3.1

994 Words
จิลลานั่งอยู่ที่ศาลาพักผ่อนหลังบ้าน บริเวณโดยรอบแวดล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ที่ให้ความร่มรื่นกับสวนดอกกุหลาบที่มีอยู่หลากสี มือของหญิงสาวจับอยู่ที่หูถ้วยชา ที่โต๊ะวางของมีจานขนมอยู่สองสามอย่างวางอยู่ ทั้งๆ ที่จิลลาควรจะรื่นรมย์กับการจิบชายามบ่ายคล้อยอย่างที่ควรจะเป็น ทว่าสีหน้าของเธอกลับเต็มไปด้วยความครุ่นคิด ‘ทำไมเช้าวันนั้นพี่จีรถึงได้ออกมาจากห้องพักแขก’ นั่นคือคำถามที่ยังคงติดค้างอยู่ในใจของจิลลา เช้าวันต่อมาหลังจากงานวันเกิดของบิดา เธอเห็นพี่ชายเดินออกมาจากห้องรับรองที่เอาไว้ให้แขกพักผ่อนในช่วงสายเกือบเที่ยง สีหน้าของเจ้าตัวยังดูง่วงงุน เส้นผมยุ่งเหยิงแทบไม่เป็นทรง แถมเสื้อผ้ายังดูหลุดรุ่ยไปหมด ราวกับไปผ่านศึกสงครามมาจนเธออดสงสัยว่าเขาแค่เผลอนอนหลับไปเพราะความมึนเมาหรือไปทำอะไรมากันแน่ ยิ่งคิดแบบนั้นคิ้วได้รูปที่พาดเหนือดวงตาสีดำขลับก็ยิ่งขมวดแน่นจนแทบจะเป็นปม มือที่เคยจับหูถ้วยชาไว้หลวมๆ ก็เผลอจับแน่นขึ้นอย่างไม่รู้ตัว “จิล จิลลูก หนูจิล” “คะ” จิลลาช้อนสายตาขึ้นมองมารดาที่กำลังมองมาที่เธอด้วยรอยยิ้มระคนสงสัย “เป็นอะไรหรือเปล่า แม่เรียกตั้งหลายครั้ง แต่หนูไม่ได้ยิน” “อ๋อ ไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะ จิลแค่คิดอะไรเพลินไปหน่อย” “เรื่องเครียดรึเปล่าลูก คิ้วนี่ผูกโบว์เชียว” คุณศมนไม่พูดเปล่า เธอทิ้งตัวลงนั่งข้างบุตรสาวพลางใช้นิ้วหัวแม่มือแตะที่หว่างคิ้วของจิลลา คลึงเบาๆ เพื่อให้คิ้วที่เคยผูกโบว์คล้ายออก จิลลายิ้มให้มารดา “ไม่ใช่เรื่องเครียดอะไรหรอกค่ะ จิลก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ตามประสาคนว่างงาน คุณแม่ดื่มชาด้วยกันนะคะ” จิลลาขยับยิ้มเอาใจ หญิงสาวโน้มตัวไปหยิบกาน้ำชาขึ้นมาเทใส่ถ้วยให้คุณศมน ก่อนจะเลื่อนถ้วยชามาตรงหน้าอีกฝ่าย “ขอบใจนะลูก” “ค่ะ” จิลลายิ้ม “ว่าแต่คุณแม่มีอะไรจะคุยกับจิลหรือเปล่าคะ” “ตอนแรกก็ไม่มี แต่ตอนนี้เหมือนจะมีแล้ว” ศมนเอ่ยอย่างติดตลก “ยังไงนะคะ” จิลลาถามอย่างแปลกใจ “ก็เมื่อกี้แม่ได้ยินจิลบอกว่าคิดอะไรเรื่อยเปื่อยตามประสาคนว่างงาน จิลอยากทำงานรึเปล่า อยู่บ้านเฉยๆ จิลอาจจะเบื่อ” “จิลอยากทำงานเป็นเลขาฯ ของพี่จีรค่ะ แต่พี่จีรไม่ยอม” “อ่อ อันนั้นงานยากเลยนะลูก” คุณศมนบอกหลังจากที่ยกชาขึ้นจิบ “ทำไมพี่จีรไม่ยอมให้จิลไปทำงานด้วยล่ะคะ จิลตั้งใจเรียนบริหารธุรกิจมาเพื่อจะมาเป็นเลขาฯ ของพี่จีร แต่พี่จีรก็ไม่ยอม เลขาฯ คนเก่าลาออกแทนที่พี่จีรจะเลือกจิล แต่ก็ยังเลือกคุณแสนรัก” ท้ายประโยคน้ำเสียงของจิลลาเต็มไปด้วยความตัดพ้อ คุณศมนยกมือขึ้นลูบศีรษะของบุตรสาวอย่างปลอบโยน “พี่จีรน่ะเขาใจดีกับลูกก็จริง แต่เวลาทำงานน่ะพี่จีรเขาไม่ได้ใจดีนะ จิลจะรับได้เหรอกับพี่จีรที่เข้มงวด พี่จีรที่หน้าเครียดแทบจะตลอดเวลา และพี่จีรที่ไม่ยิ้มให้จิล” ได้ยินมารดาบอกแบบนั้นจิลลาก็ครุ่นคิดตาม แต่สุดท้ายก็แย้งออกไป เพราะไม่ว่าอย่างไรเธอก็อยากทำงานในฐานะเลขาฯ ของจีรรัชญ์อยู่ดี หากไม่ได้เป็นเลขาฯ ของพี่ชาย งานที่อื่นเธอก็ไม่คิดที่จะทำ “แต่จิลเป็นได้จริงๆ นะคะคุณแม่ จิลสามารถทนรับแรงกดดันได้ จิลเคยฝึกงานในตำแหน่งเลขาฯ มาแล้วคุณแม่ก็เห็น เพราะงั้นจิลทำได้แน่นอนค่ะ” “เชื่อแม่เถอะพี่จีรเขาคงไม่ยอมหรอก เขาไม่อยากดุจิลเท่าไร” “แต่ว่า…” “เชื่อแม่เถอะ อีกอย่างตอนนี้พี่จีรเขาก็มีหนูแสนรักเป็นเลขาฯ อยู่แล้วด้วย” “แล้วถ้าพี่จีรไม่มีเลขาฯ ขึ้นมาล่ะคะ” “หนูหมายว่าไงลูก” “เปล่าหรอกค่ะ คุณแม่ลองกินคุกกี้นี่ดีกว่าค่ะ ร้านนี้เขาทำอร่อยมากเลยนะคะ" จิลลาเลื่อนจานคุกกี้ไปตรงหน้าคุณศมนอย่างเอาใจ เธอยิ้มให้บุตรสาวพลางหยิบคุ้กกี้เข้าปาก ในขณะที่แววตาของจิลลาฉายชัดถึงความมุ่งมั่นบางอย่างที่คาดเดาไม่ได้ว่ากำลังคิดอะไร “เลิกประชุมได้ครับ” สิ้นเสียงของจีรรัชญ์ผู้เข้าร่วมประชุมจากฝ่ายการตลาดก็พากันลุกจากเก้าอี้ จีรรัชญ์เดินออกจากห้องประชุมเป็นคนแรกตามด้วยปรมะ แสนรักและปิดท้ายด้วยพนักงานจากฝ่ายการตลาด “รักจองร้านอาหารเอาไว้ให้แล้วนะคะ อาหารพร้อมเสิร์ฟทันทีที่คุณจีรกับคุณสุรกิจไปถึง” “อืม” จีรรัชญ์รับคำในลำคอ ตอนที่ก้าวขายาวๆ มุ่งหน้าไปที่ลานจอดรถของผู้บริหารที่คนขับรถพร้อมอยู่ที่รถเรียบร้อยแล้ว แสนรักตามมาส่งจีรรัชญ์กับปรมะที่รถ กำลังจะเดินกลับหลังจากที่ปิดประตูให้ฝ่ายเรียบร้อย ทว่าเท้าเล็กต้องชะงักเมื่อจีรรัชญ์เอ่ยขึ้น “ขึ้นมาสิ” “รักเหรอคะ” “ตรงนี้มีคนอื่นด้วยเหรอ” “ไม่มีค่ะ มีแค่รักคนเดียว แฮะๆ” แสนรักยิ้มแห้งก่อนจะเปิดประตูขึ้นไปนั่งข้างคนขับ ชั่วโมงนี้ไม่ว่าจีรรัชญ์จะสั่งให้เธอหันซ้ายหันขวาเธอก็พร้อมทำให้ทั้งนั้น แสนรักไม่กล้าขัดใจท่านประธานอยู่แล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD