8

1283 Words
พีรวัสขับรถกระบะกลางเก่ากลางใหม่ที่ค่อนไปทางเก่ามากกว่าใหม่ห้อตะบึงไปตามเส้นทางที่มุ่งตรงเข้าไปยังไร่องุ่นที่อยู่ลึกถัดเข้าไปจากโซนไร่ดอกไม้ ทว่าขับไปได้เพียงครึ่งทางเขาก็ต้องเบรกรถเมื่อรถเก๋งสัญชาติยุโรปที่วิ่งสวนกันนั้นบีบแตรใส่เขาเสียงดัง ชายหนุ่มจำได้แม่นยำว่านั่นเป็นรถของเพื่อนสนิทตั้งแต่เด็กของเขานั่นเอง สองหนุ่มเปิดกระจกลงทักทายกันพอเป็นพิธีก่อนที่ผู้มาเยือนจะเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่ามีเรื่องอยากจะคุยด้วย พีรวัสจึงขับนำอีกฝ่ายไปยังท้ายไร่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของน้ำตกเล็กๆ ภายในเขตไร่ภคนันท์ของเขา สถานที่ที่พอจะเป็นส่วนตัวและเงียบสงบ เพราะตอนนี้เขายังไม่อยากกลับบ้าน “ไอ้พีท” ศาสตราวุธเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าเรียวนั้นประดับไปด้วยคิ้วเข้มพาดผ่านเหนือดวงตาเรียวโตสีดำสนิท จมูกโด่งเป็นสัน และริมฝีปากสีระเรื่ออย่างคนมีสุขภาพดี เขาเป็นคนผิวขาวอยู่แล้ว และยิ่งเมื่อมาทำงานที่วันๆ อยู่แต่ในโรงพยาบาลไม่เจอแดดเจอฝน ชายหนุ่มจึงดูเผือดซีดเสียยิ่งกว่าผีเสียอีก “ว่าไง” พีรวัสย้อนถามสั้นๆ แค่เห็นหน้าไอ้หมอ เขาก็รู้แล้วว่ามันแตกตื่นมาหาเขาเรื่องอะไร ถ้าไม่ใช่เรื่องที่กำลังเป็นที่โจษจันไปทั่วอำเภออยู่ในตอนนี้น่ะสิ! “ฉันได้ยินมาว่าแกยกเลิกการแต่งงาน มันเป็นไปได้ยังไง” นั่น...เขาทายผิดเสียเมื่อไหร่ พีรวัสคิดในใจพลางถอนหายใจยาว มองไอ้คนที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศแล้วเพิ่งรู้ข่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย พลางตอบด้วยน้ำเสียงเฉยๆ เหมือนสีหน้า “ก็เป็นไปแล้ว” “พีท” ศาสตราวุธเรียกเพื่อนสนิทเสียงต่ำ คนอื่นอาจไม่กล้าถามว่าทำไมมันยกเลิก แต่นั่นไม่ใช่เขา นี่มันเกิดเรื่องบ้าบออะไรกัน เขาแค่ไปต่างประเทศสองสัปดาห์ ทำไมกลับมาเรื่องมันถึงวุ่นวายขนาดนี้ “ศิรดาไม่ได้รักฉัน เขาแค่รักกับไอ้พายุ ฉันจะไปห้ามได้ยังไง” พีรวัสตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความท้าทาย ทว่าลึกลงไปในนั้น ทำไมศาสตราวุธจะจับไม่ได้ถึงความโกรธแค้นในน้ำเสียงของเพื่อนสนิท แล้วยิ่ง...ศิรดาสลัดพีรวัสทิ้งไปกับใครไม่ทิ้ง ดันทิ้งไปหาไอ้พายุ งานนี้ไอ้พีทไม่โกรธเป็นสองเท่า...เขาไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด! “แกมีอะไรก็บอกฉันได้นะโว้ย” ศาสตราวุธพยายามปลอบเพื่อนสนิท ก่อนจะบ่นอย่างไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก “ไอ้พายุนี่ก็อะไร ก็รู้อยู่ว่าศิรดาเป็นคนรักของแก แล้วยังคิด...” “ช่างเถอะวุธ” พีรวัสเอ่ยตัดบท เขาเองก็ไม่อยากจะสนใจเรื่องของสองคนนั้นแล้ว อีกอย่างเขากับพายุก็ตั้งตัวเป็นศัตรูกันแต่ไหนแต่ไร เพียงแต่ว่าครั้งนี้มันเล่นเขาแรงเกินไปทั้งๆ ที่รู้ว่าเขากับศิรดาเป็นคนรักที่กำลังจะแต่งงานกัน แล้วศิรดาอีกคน...ผู้หญิงทรยศคนนั้นกล้าหักหลังเขาอย่างเลือดเย็น! ถ้าไม่ได้สั่งสอนสองคนนั้นให้รู้สำนึก...ก็อย่าเรียกเขาว่าพีรวัสเลย! “จะให้ช่างเถอะหรือปล่อยไปได้ยังไง” ศาสตราวุธเอ่ยค้านพลางสังเกตสีหน้าของเพื่อนสนิทไปด้วย “ไอ้พายุมันทำไม่ถูก แล้วแกจะรับหน้ากับเรื่องที่เกิดขึ้นยังไง แขกเหรื่องานเงินอะไรก็เตรียมไปหมดแล้ว” เขาพูดเป็นเชิงบ่น ขณะที่คนตรงหน้ายังมีสีหน้าเรียบเฉยเสียจนเขาเองยังแปลกใจ เพราะนี่ถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติสำหรับพีรวัสที่จะไม่ยอมแก้แค้นหรือเอาคืนพายุและศิรดา เพราะครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ที่จะยอมกันได้ ถึงแม้ว่าใจหนึ่งเขาจะคิดว่าสู้ให้ล้มงานแต่งก่อนแต่งเช่นนี้ดีกว่าไปรู้ทีหลังแต่งงานแล้วว่าศิรดานั้นหนีไปกับพายุ “เตรียมได้ก็ยกเลิกได้ มันจะไปยากอะไร” พีรวัสตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยที่แสดงชัดถึงความผิดปกติ จนทำให้ศาสตราวุธอดที่จะถามไม่ได้ “พีท...ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่เป็นความคิดของแกพีท แกให้อภัยสองคนนั้นได้เหรอ” “ให้อภัยไม่ได้หรอก แต่ว่า...” “แต่ว่าอะไร?” ศาสตราวุธเอ่ยแทรกขึ้นมาทันที “แกคิดจะทำอะไร แกจะไปตามล่าสองคนนั้นกลับมาใช่ไหม” เขาถามอย่างรวดเร็วด้วยความอยากรู้ พีรวัสปรายตามองเพื่อนซี้ก่อนจะเบือนหน้าหนี พร้อมกับตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเยาะหยันว่า “ตามทำไม จะไปก็หนีไปให้ไกลๆ อย่าได้กลับมาให้ฉันเห็นหน้าสองคนนั้นอีก” “พีท” “เลิกพูดเถอะวุธ ฉันจะทำงานต่อแล้ว” พีรวัสเอ่ยตัดบท แล้วจะหมุนกายตรงไปยังรถกระบะเก่าโทรมของตนเองที่จอดอยู่ไม่ไกล ทำให้ศาสตราวุธจำต้องยุติการซักฟอกเพื่อนสนิทแต่เพียงเท่านั้นแล้วต่างก็แยกย้ายกันไปทำงานในที่สุด ๐๐๐๐๐๐ พอมาใช้ชีวิตเงียบๆ อยู่คนเดียว แถมวันทั้งวันก็ไม่มีอะไรให้ทำ ส่งผลให้คนที่ประจำงานชุกชุมถึงกับออกอาการเบื่อ แถมคนที่เฝ้ารอคอยกลับไม่ปรากฏตัวให้เห็นแม้แต่เงา ศวิตาเองพอตกช่วงบ่ายก็เริ่มโทรหาผู้เป็นพี่สาวแต่การณ์กลับเป็นว่าอีกฝ่ายยังคงปิดเครื่องและไม่รับสายเสียจนพอถึงช่วงเย็นเธอก็รู้สึกหงุดหงิดกระวนกระวายเต็มขั้น ตอนนี้เธอแน่ใจเต็มร้อยเปอร์เซ็นแล้วว่านี่มันเป็นเรื่องผิดปกติ! เมื่อได้ยินเสียงรถยนต์แล่นเข้ามาภายในอาณาเขตของเรือนใหญ่ หญิงสาวที่นั่งเล่นตรงระเบียงกว้างที่สร้างยื่นออกไปจากตัวบ้าน ให้เป็นมุมนั่งเล่นที่เบื้องหน้านั้นมีภาพของไร่ดอกไม้ที่กำลังเริ่มผลิดอกและภาพของเทือกเขาที่ทอดตัวสลับซับซ้อนยาวสุดสายตา ดูสวยราวกับเป็นภาพในฝัน แต่หญิงสาวกลับไม่รู้สึกสงบเหมือนกับบรรยากาศรอบกายสักนิดก็ขยับลุกขึ้น เธอเห็นพีรวัสก้าวลงจากรถกระบะเก่าโทรมที่เขาขับไปรับเธอจากหน้าปากทางเข้ามาในไร่ไปจอดไวัตรงบริเวณโรงรถซึ่งสร้างจอดอยู่ห่างจากเรือนใหญ่ไม่มากนัก ศวิตาแทบจะปีนแล้วกระโดดจากระเบียงไปดักหน้าอีกฝ่าย ถ้าไม่คิดว่ามันเป็นภาพไม่งามและระเบียงนี่ก็สูงเกิดไปล่ะก็ เกรงว่าเธอคงจะกระโดดไปจริงๆ ไม่ยืนรอข่มใจให้เขาเดินเข้ามาในตัวบ้านแล้วให้เธอไปวิ่งดักเขาที่หน้าประตูเช่นนี้ เมื่อเจอหน้าเขา ศวิตาไม่พูดพร่ำทำเพลง เธอตรงไปขวางทางเขาแล้วยืนจังก้า ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงคาดคั้นอย่างชัดเจน “คุณพีรวัส เราต้องพูดกันให้รู้เรื่องแล้วนะว่า พี่สาวฉันไปไหน” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น คราวนี้ไม่ยอมให้เขาหลบเลี่ยงคำถามของเธอได้อีกต่อไปแล้ว พีรวัสมองหญิงสาวที่เตี้ยกว่าเขาราวๆ ยี่สิบเซ็นติเมตรด้วยสายตาเอือมระอาอย่างชัดเจนและไม่คิดจะปิดซ่อนมันจากเธอเสียด้วย “มีอะไรอีกล่ะ” เขาถามเธอด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความรำคาญใจ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD