เมื่อลงไปถึงชั้นล่าง ห้องอาหารก็หาได้ไม่ยากเพราะเพียงแค่เลี้ยวขวาก็เจอห้องที่เป็นเป้าหมายโดยทันที
หญิงสาวเดินเข้าไป พบว่าในห้องนั้นกลับมีแต่อีตาบ้านั่นนั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะ เขาจ้องมองเธอเขม็งจนหญิงสาวหยุดยืนอยู่ไม่ห่างจากโต๊ะอาหารมากนัก
“เชิญ” เขาร้องบอก กึ่งๆ สั่งเธอเสียงเรียบเย็น แต่ศวิตายังไม่นั่ง เธอขมวดคิ้วมองเขาด้วยสายตาสงสัย
“คุณพีรวัสล่ะ”
หญิงสาวยังถามถึงคนที่อยากเจออีกครั้ง
คราวนี้เธอได้ยินเสียงเขาถอนหายใจยาว ก่อนจะสั่งเธอเสียงเข้ม “ศวิตา นั่งลง”
ไม่พูดเปล่า เขาชี้มือไปยังเก้าอี้ทางขวามือของเขา ส่งผลให้ศวิตากระแทกตัวลงนั่งในท้ายที่สุด
“ฉัน...”
“ผมรู้ว่าคุณอยากเจอผม คุณได้่เจอแล้วนี่ ทีนี้ทานข้าวได้หรือยัง”
เขาพูดสวนขึ้นมาทันที ส่งผลให้ศวิตาหันขวับไปทางเขา จ้องมองตาดุจัด
“ฉันไม่ได้อยากเจอนาย ฉันอยากเจอคุณพีรวัส ภคนันท์ เจ้าของบ้านหลังนี้!” หญิงสาวย้ำเสียงหนักในตอนท้าย
“งั้นมองหน้าผมให้เต็มๆ ตา” เขาพูดด้วยน้ำเสียงคล้ายกับจะรำคาญนิดๆ และในดวงตาเหมือนนัยน์ตาเสือของเขา ก็ต้องมองเธอราวกับว่าเธอมันโง่งี่เง่าและปัญญาอ่อนจนหญิงสาวนึกฉุนขึ้นมาอีกรอบ “ผมนี่แหละพีรวัส ภคนันท์”
“...”
“ตัวจริงเสียงจริง!”
“เป็นไปไม่ได้!” หญิงสาวถึงกับเผลอลืมตัวหลุดค้านออกมาเสียงหลง ส่งผลให้นัยน์ตาดุๆ นั้นกราดใส่เธออีกครั้ง
“จะดูบัตรประชาชนหรือเปล่าล่ะ?” เขาถามเหมือนท้าทาย “เมื่อไหร่จะหมดปัญหาเสียที ไหนศิรดาบอกว่าน้องสาวตัวเองอ่อนหวาน เงียบๆ ไม่ค่อยพูดมาก แต่คุณนี่ทั้งหัวดื้อและปากจัด แถมยังโง่นิดๆ เสียด้วยซ้ำ” เขาพูดพลางมองหน้าเธอด้วยสีหน้าและแววตาเยาะหยัน
“คุณ!”
ศวิตาได้แต่เม้มริมฝีปากแน่น ดวงหน้าสวยแดงจัดด้วยความโกรธเคืองสุดใจ นี่ถ้าไม่เห็นว่าเขา...คือว่าที่เจ้าบ่าวในอีกไม่กี่วันข้างหน้าของพี่สาว เธอจะยุให้พี่ปอเลิกกับคนบ้าปากจัดเช่นนี้จริงๆ ด้วย!
“จะทานอาหารได้หรือยัง ผมหิวแล้ว” เขาเอ่ยเสียงเย็นอีกครั้ง
คราวนี้ศวิตาไม่ตอบ แต่หยิบช้อนส้อมขึ้นมาแทน ส่งผลให้พีรวัสเริ่มต้นรับประทานมื้อเย็นของตนเองเช่นเดียวกัน
๐๐๐๐๐
นี่เป็นมื้อเย็นที่ทั้งน่าอึดอัดและน่าโมโหที่สุดเท่าที่เคยประสบมาในชีวิตนี้!
ศวิตาคิดอย่างหงุดหงิดเมื่อแยกตัวออกมา เธอรู้สึกผิดหวังอย่างบอกไม่ถูกที่ศิรดาเลือกผู้ชายแบบนี้มาเป็นพี่เขยของเธอ
ห่าม! เถื่อน! มารยาททราม! แถมนิสัยก็ผีเข้าผีออก! อ้อ! ตาเหมือนเสือเหมือนสางน่ากลัวจะตาย! ไม่รู้พี่ป่านเห็นดีเห็นงามอะไรในตัวอีตาพีรวัสนี่!
แถมยังปากจัด ด่าว่าเธอสารพัด ทั้งๆ ที่เขานั่นแหละว่าเธอก่อนทั้งนั้น หญิงสาวได้แต่นึกอย่างเจ็บใจ
ศวิตาขบเคี้ยวฟันเมื่อเดินเข้าห้องพักตัวเอง เธอตรงดิ่งไปเปิดโทรศัพท์มือถือที่ปิดเครื่องเอาไว้ ก็พบข้อความว่าทั้งแม่ทั้งเพื่อนสนิทต่างโทรหาเธอกันจ้าละหวั่น เธอมองข้ามข้อความของแม่ แต่เลือกโทรหาพินทุสรแทน
ไม่นานอีกฝ่ายก็รับสาย
“ยัยป่าน” พินทุสรเรียกเธอเสียงแหลมสูงราวกับจะกรี๊ด “นี่แกหายไปไหน รู้ไหมว่าแม่กับยายแกเค้าตามหาตัวแกกันจ้าละหวั่นเลย”
“รู้สิ” เธอตอบสั้นๆ เห็นมิสคอลที่กระหน่ำโทรหาเธอก็รู้แล้ว “ฉันสบายดี”
“นี่แกอยู่ไหน” พินทุสรถามย้ำ
“ฉันมาธุระน่ะ แต่แกไม่ต้องรู้ดีแล้วพิน จะได้ไม่ต้องโกหกแม่กับยายของฉัน”
“อือ เอางั้นก็ได้ แต่แกต้องติดต่อฉันเรื่อยๆ นะ”
ศวิตาหัวเราะ
“ฉันอยู่ที่นี่แค่สองสามวันแหละ เสร็จธุระก็กลับ ไม่ต้องห่วงหรอก บอกแม่กับยายแค่นี้ก็พอถ้าพวกท่านถามนะ แต่ถ้าไม่ถามก็ไม่ต้องบอกหรอก”
คราวนี้เธอได้ยินเพื่อนสนิทหัวเราะบ้าง “ถือโอกาสบินออกจากกรงทองหรือไง ยัยคุณหนูป่าน”
“แน่นอน” ศวิตาตอบเต็มปากเต็มคำ “นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากจะตาย แต่ไม่นานหรอก ฉันจะบินเข้ากรงเอง” พูดถึงตรงนี้แล้วเธอก็ถอนหายใจยาว รู้ดีว่าอย่างไรเธอก็ไม่อาจสลัด 'กรงทอง' ที่พินทุสรเอ่ยถึงไปได้
“ดูแลตัวเองดีๆ ด้วย” พินทุสรเอ่ยสำทับ เมื่อคลายใจได้บ้างว่าเพื่อนสนิทของเธอปลอดภัย “แล้วโทรหาฉันทุกวันนะ โอเคไหม?”
“ตกลง”
หญิงสาวตอบสั้นๆ แล้วจึงกดวางสาย แล้วก็จัดการกดปิดโทรศัพท์อีกครั้งแล้วจึงนอนแผ่บนเตียงนุ่มๆ อย่างสบายอารมณ์
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอกล้าเปิดกรงของผู้เป็นมารดาหนีออกมา อากาศของอิสรภาพภายนอกกรงนั้นสดชื่นเสียจนเธอไม่นึกอยากบินกลับไป
แต่เพราะรู้ว่าแม่กับยายมีเพียงแค่เธอเท่านั้น...ศวิตาจึงได้แต่ลิ้มรสชาติของการออกนอกกรอบเพียงไม่กี่วัน แล้วก็จะกลับไปเอง
เพราะเธอไม่อยากให้แม่กับยายเสียใจ
๐๐๐๐๐
พีรวัสไม่ได้ตรงดิ่งเข้าห้องนอนของตนเอง แต่ยังคงรั้งตัวเองอยู่ในห้องทำงาน แม้ตอนนี้เวลาจะเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้วก็ตาม
ทว่าตอนนี้เขาไม่ได้แตะต้องงาน ดวงตาของเขาเอาแต่จ้องจดหมายฉบับหนึ่ง...จดหมายที่เขาได้รับเมื่อสามวันก่อนหน้านี้เอง
มือใหญ่กำกระดาษที่ยับยู่นี่นั้นแน่นอีกครั้งแต่ก็ไม่อาจฉีกมันได้เพราะใจยังไม่เข้มแข็งพอ เขาจ้องมองมันด้วยสายตาโกรธเคือง อีกสามวัน...ไม่สิ สองวันเท่านั้นที่เวลาของเขาก็จะมาถึง
ความแค้นสุมแน่นในอก...เหลือเพียงแค่รอเวลาระบายเท่านั้น
ศิรดาเลือกตัวแทนได้ดีนัก...น้องสาวของเธอพยศน่าดู
แต่นั่นยิ่งดี...เพราะยิ่งอีกฝ่ายดื้อดึงมากเท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งสนุกในเกมแก้แค้นที่จะได้กดเธอให้ลงต่ำเท่านั้น แล้วศวิตาจะได้รู้ว่า...อย่าได้คิดงัดข้อกับเขาอีกต่อไป!
...หากเธออยากให้พี่สาวตนเองปลอดภัยและมีความสุข!
พีรวัสเม้มริมฝีปากแน่น ตวัดตามองภาพในกรอบรูปด้วยสายตาปวดร้าว ก่อนจะเก็บจดหมายลงในลิ้นชักแล้วเดินกระแทกเท้าออกไปจากห้องด้วยความรู้สึกหงุดหงิดและความแค้นที่สุมแน่นในอก!
๐๐๐๐๐