ตอนที่ 2
“นี่นาย!!!! ขับรถประสาอะไรเนี่ย!”
เสียงแหลมสูงปรี๊ดดังลั่นถนน ไฮโซสาวก้าวเท้าลงจากรถยนต์สปอร์ตคันหรูของเธอด้วยสีหน้าโกรธจัด ราวกับนางพญาที่กำลังแผลงฤทธิ์ เธอจ้องมองปุณณภพด้วยสายตาเหยียดหยาม ราวกับเขาเป็นแมลงวันที่กำลังบินวนเวียนอยู่รอบๆ จานอาหารชั้นเลิศของเธอ
“ขอโทษครับคุณผู้หญิง!!” ปุณณภพเอ่ยเสียงแผ่ว เขาเกือบจะต่อว่าเธอที่ขับรถไม่ระวัง แต่ก็ต้องกลืนคำพูดลงคอ เมื่อเห็นความสวยที่บาดตาบาดใจ แต่ก็อดเสียดายไม่ได้ที่สาวสวยคนนี้เธอปากจัดไปหน่อย
“แต่รถคุณผู้หญิงก็เป็นฝ่ายผิดนะครับ” เขาเปิดหมวกกันน๊อกแล้วยิ้มให้เธอ ก่อนจะถอดมันออกไป
“แต่นายขับมอเตอร์ไชด์ตัดหน้าฉันก่อน! นายนั่นแหละที่ผิด!” มธุสรชี้หน้าเขาอย่างเอาเรื่อง หลังจากเห็นสภาพตั้งแต่หัวจรดเท้าของชายหนุ่ม
ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังเถียงกันอย่างดุเดือดนั้น ปุณณภพก็แกล้งทำเป็นเจ็บหนัก โดยเขาแกล้งเดินเซ และล้มลงไปต่อหน้าเธอ
“เฮ่ย!! นี่คุณขาผมไม่มีแรง ช่วยพยุงผมหน่อยสิ โอ๊ย!” ปุณณภพร้องโอดโอยอยู่ตรงหน้า
ร่างระหงชะงัก และจ้องมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดระแวงและไม่ไว้ใจ ความรู้สึกหลากหลายถาโถมเข้ามาในจิตใจของเธอ ทั้งความสงสัย ความไม่พอใจ และเหมือนว่าตัวเองกำลังถูกคุกคามจากชายตรงหน้า ผมเผ้ายาวรุงรังและสายตาอันเจ้าเล่ห์ของเขาทำให้เธอรู้สึกเป็นกังวล ราวกับเขากำลังซ่อนความลับบางอย่างไว้
“นี่นายเจ็บจริงหรือเปล่าเนี่ย?” มธุสรถามด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ
“จะบ้ารึไงคุณ ก็เจ็บจริง ๆ นะสิ โอ๊ยย!!!” ปุณณภพรีบแกล้งเจ็บต่อทันที
“คุณ!!!..ผมรู้สึกเหมือนขาตัวเองไม่มีแรงเลย” ปุณณภพรีบบอกเธอ แต่มธุสรกลับเริ่มไม่ค่อยแน่ใจ และเหมือนคนตรงหน้ากำลังกวนประสาทเธออยู่ จึงแกล้งต่อว่ากลับ
“งั้นจะไปโรงพยาบาลมั้ยละ ฉันจะได้เรียกรถพยาบาลให้นาย หรือจะเรียกรถกู้ภัยให้ไปส่งที่วัดเลยดีมั้ย ฉันจะจัดการให้?”
“โถ่ววคุณ!! นี่ผมเจ็บจริง ๆ นะ คุณช่วยพยุงผมลุกขึ้นไปก่อนสิ” ปุณณภพคะยั้นคะยอ
มธุสรลังเลเล็กน้อย ความหวาดระแวงกับความสงสารตีกันจนยุ่งเหยิงในใจเธอไปหมด เขาดูเจ้าเล่ห์และไม่น่าไว้ใจ แต่ครั้นจะปล่อยให้เขานอนกองอยู่กับพื้นก็ดูจะใจร้ายเกินไป อีกทั้งรถราที่ขับผ่านไปมาก็เริ่มชะลอความเร็วลงเพื่อจับจ้องมองมาที่เธอ ราวกับกำลังชมละครฉากใหญ่ที่ทั้งคู่กำลังเล่นกันอยู่กลางถนน หญิงสาวจึงตัดสินใจยื่นมือเข้าไปช่วยพยุงร่างสูงที่ดูเก้งก้างนั้นขึ้นอย่างเสียไม่ได้
“ค่อยๆ ลุกนะ” มธุสรเอ่ยเสียงเบา และพยายามไม่ให้เสียงของเธอสั่น
ทันทีที่มือเรียวบางสัมผัสกับท่อนแขนกำยำ ปุณณภพก็ฉวยโอกาสโอบไหล่เธอทันทีก่อนจะรั้งร่างบางให้เข้ามาแนบชิด มธุสรเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เธอพยายามปลดแขนของเขาออก แต่เขากลับกอดคอเธอเอาไว้แน่น
“นี่นายจะทำอะไรอะ!” มธุสรพูดเสียงแข็ง เธอพยายามเอาแขนของเขาออก แต่ก็ไม่เป็นผล
“เดี๋ยวก่อนคุณ ผมใจไม่ดี” ปุณณภพกระซิบข้างหูเธอ
“เหมือนผมจะเป็นลม” ไม่พูดเปล่าปุณณภพดึงมืออีกข้างของเธอให้ไปโอบเอวหนาของเขาเอาไว้ แถมยังกุมมือของเธอเอาไว้แน่นเสียอีก
“......” มธุสรพูดไม่ออก เธอไม่รู้ว่าจะสรรหาคำไหนมาด่าทอให้สาสมกับความร้ายกาจของเขา แต่เมื่อชายหนุ่มไม่ยอมปล่อยมือของเธอ หญิงสาวก็โวยวายลั่น
“เฮ้ย! นี่นายจะทำอะไรอะ!” มธุสรอุทานด้วยความตกใจ เธอพยายามชักมือบางของตัวเองให้หลุดจากการกอบกุมของมือหนา ผู้ชายคนนี้ทำตัวกวนประสาทและฉวยโอกาสกับเธออย่างไร้มารยาท มธุสรรู้สึกว่าเขากำลังจงใจที่จะทำให้เธอรู้สึกอึดอัด ก่อนจะใช้กรงเล็บของเธออีกข้างจิกไปที่แขนของชายหนุ่ม
“โอ๊ยยคุณ!!!” ปุณณภพร้องโอดโอย
“มาหยิกผมทำไมเนี่ย”
“ก็นายมาฉวยโอกาสจับมือฉันก่อนทำไมล่ะ”
“ผมเปล่านะ ก็ขาผมมันไม่มีแรงผมก็ต้องหาที่ยึดเอาไว้ก่อนสิครับ”
มธุสรจ้องมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่ไว้ใจ เธอไม่เชื่อคำพูดของเขาเลยสักนิด แต่เธอก็ไม่อยากให้เขามานอนกองอยู่กับพื้น เธอตัดสินใจรีบประคองร่างสูงให้ไปนั่งตรงริมฟุตบาทอย่างทุลักทุเล
“นั่งลงตรงนี้แหละ” มธุสรพูดเสียงแข็ง
ก่อนที่ชายหนุ่มมาดกวนจะยอมนั่งลงดี ๆ เขาก็รีบแอบกระซิบข้างหูเธอด้วยความถ้อยคำที่ทำให้เธอประสาทเสีย
“ถ้าคุณอยากจะกอดผมบ้างก็บอกได้นะครับ ผมไม่ว่าอะไรหรอก”
มธุสรเบ้ปาก เธออยากจะตบหน้าเขาแรงๆ สักที แต่เธอก็รู้ว่าเธอทำไม่ได้ เพราะไม่อยากให้คนแถวนั้นมองเธอเป็นตัวประหลาด