คืนฝนโปรย

1507 Words
ท่ามกลางความเงียบงันจนได้ยินเสียงลมหายใจ ความเงียบแม้เข็มตกยังได้ยิน ท่านปู่ ท่านพ่อต่างมองหน้าบ่าวสาวไปมา ฮูหยินรองถูกพยุงเข้าไปในเรือน ส่วนฮูหยินใหญ่ถูกหามออกไปพักด้านนอกตั้งแต่ได้ยินว่าบุตรสาวเพียงคนเดียวเป็นคนขอหย่าขาดจากท่านแม่ทัพ แม่ทัพหานฟงได้แต่ขมวดคิ้วท่ามกลางความเงียบ นี่มันตรรกะอันใดกันหนอ นางเป็นของเขาทั้งเนื้อทั้งตัวแล้วยังไม่ยอมปลงใจ มีสตรีใดบ้างกล้าตัดสินใจเช่นนี้ “หลิงเอ๋อร์ ไปคุยกับท่านแม่ทัพเสียหน่อย หากมีข้อข้องใจจะได้ตัดสินใจร่วมกัน อย่าปล่อยให้มีปัญหาชีวิตคู่ ปรับความเข้าใจลองพูดคุยกันก่อน ตกลงกันได้อย่างไร ค่อยมาบอกพ่อกับท่านปู่” ท่านพ่อเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ากังวลใจ “เจ้าค่ะ เชิญท่านแม่ทัพที่เรือนไผ่ด้านหลังจวน ข้าอยากคุยกับท่านเป็นการส่วนตัว” หวังเจียวหลินลุกเดินนำไปเรือนเล็กทำจากไม้ไผ่บริเวณท้ายจวน แม่ทัพหานฟงเดินตามมาเงียบๆ ทางเข้าเรือนไผ่โรยไปด้วยหินกรวด สวนหินจัดวางอย่างงดงาม มีบ่อน้ำพุร้อนขนาดกลางสามารถลงแช่พร้อมกันได้หลายคน เรือนนี้เขาเคยมาพักเมื่อครั้งยังตามเกี้ยวนางอยู่ สองปีแล้วกับความผูกพันกับครอบครัวสกุลเหลียน ผูกพันกันมาสองปีเต็มจนเขาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวนี้ไปเสียแล้ว ร่างโปร่งงามสวมชุดสีเขียวอ่อน เขามองสำรวจกายนางทั้งตัว ทุกอย่างเหมือนเดิมเช่นวันวาน มีเพียงแววตาเย็นชานั้นที่เปลี่ยนไป เมื่อคนหมดรัก หมดใจได้ง่ายดายถึงเพียงนั้นอย่างไร้สาเหตุเชียวหรือ หวังเจียวหลินในร่างเหลียนหลิงซือเดินนำเข้าไปยังเรือนไผ่ นางนำกาสุราออกมาวาง มือเรียวรินสุราให้ท่านแม่ทัพหานฟงผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นสวามีอย่างถูกต้องของเจ้าของร่าง “เชิญท่านแม่ทัพนั่งลงก่อน” “หลิงเอ๋อร์ มีเรื่องคับข้องใจอันใดให้บอกพี่ อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจหย่าร้าง” “นับจากนี้ข้ามีทางเดินของข้า ไม่อยากอยู่เป็นตัวถ่วงของท่าน ไม่อยากให้ท่านพะว้าพะวงจิตใจเพราะข้า” “เราแต่งงานกัน กราบไหว้ฟ้าดินด้วยกันแล้ว ถือเป็นคนคนเดียวไม่อาจแยกจาก ใจพี่ทั้งดวงย่อมเป็นของเจ้า” “ฟังข้าให้ดี ข้าไม่ได้รักท่าน” “เหตุใดเจ้าตกลงแต่งให้พี่” “เมื่อก่อนกับวันนี้ความรู้สึกย่อมแตกต่างกัน ขอให้ท่านตัดใจจากข้าเสียเถิด ข้าจะเดินตามวิถีของข้าที่ตั้งใจไว้” “วิถีอันใดกัน เหตุใดพี่จึงเดินร่วมทางด้วยไม่ได้” “ข้าจะฝึกมาร” แม่ทัพหานฟงได้แต่อึ้งค้างไปชั่วขณะ เขามือสั่นเมื่อได้ยินคำนี้ รู้ทั้งรู้เต็มอกว่าราชสำนัก ราชวงศ์ทุกคนเอนเอียงไปทางตำหนักเทพ ต้นสายตระกูลของเขาก็เช่นกัน “เหตุใดเจ้าจึงอยากฝึกมาร” “วิถีทางเลือกของคนย่อมผุดขึ้นมาในใจสักวันหนึ่ง เมื่อข้าได้เลือกแล้วคงไม่อาจอยู่เป็นตัวถ่วงท่านได้ ข้าอยากให้ท่านได้พบภรรยาที่ดี เหมาะสมกับท่านทุกประการ ข้าเองไม่อาจอยู่ดูแลท่านได้หากเลือกเดินวิธีฝึกมาร บ่อปราณทิพย์กำลังจะเปิดในอีกสองปีข้างหน้า ข้าไม่อาจรั้งรอได้ ต้องเริ่มฝึกมารอย่างจริงจัง ข้าอยากเป็นผู้ถูกคัดเลือกเข้าไปเหยียบแผ่นดินมาร” “แผ่นดินมนุษย์เรียกว่าอี้หลาน แบ่งแยกชัดเจนกับแผ่นดินเทพมารแบ่งแยกจากกันด้วยเส้นแบ่งไอเวทย์เพลิงโลกันต์ ไม่อาจข้ามเขตแดนปะปนกันได้ ผู้ไปถึงแผ่นดินเทพมารเดิมทีก็เป็นมนุษย์ผู้ฝึกตน เมื่อแข็งแกร่งเกินกว่าจะอยู่ในดินแดนอี้หลาน ต้องข้ามขีดจำกัดของตนเข้าคัดเลือกในบ่อปราณทิพย์ หากผู้ใดไม่ผ่านการคัดเลือกย่อมตายอยู่ในบ่อ ส่วนผู้แข็งแกร่งจะได้ขึ้นไปเหยียบแผ่นดินเทพหรือแผ่นดินมารตามวิธีที่เลือกฝึก” “ท่านเข้าใจได้ถูกต้องแล้ว การหย่าร้างนี้ใช่ว่าข้าไร้เหตุผล แต่เพราะข้าไม่อาจดูแลท่านได้อย่างสตรีทั่วไป ในเมื่อข้าเลือกแล้ว ข้าไม่อยากรั้งท่านให้เสียเวลากับข้า” นางจ้องตาเขา พลางกล่าวอย่างจริงจัง “ข้าเข้าใจแล้ว ความรักสำหรับเจ้าคงไม่จำเป็นกับชีวิตกระมัง” เขายิ้มหยันโชคชะตาของตน “ข้าขอขอบคุณท่านมากกับความรู้สึกที่ท่านให้กับเหลียนหลิงซือ” นางเอ่ยเบาๆ “เจ้าว่าอย่างไรนะ” เขาขมวดคิ้วเมื่อนางเอ่ยนามของนางดั่งเรียกชื่อผู้อื่น “ข้าหมายถึงขอขอบคุณความรู้สึกที่ท่านให้ข้า” “ให้ข้าพบเจ้าบ้างเป็นบางเวลาได้หรือไม่ ความคิดถึงใช่ว่าจะจางจากใจไปได้ง่ายๆ” “หากเรามีเวลาว่างตรงกัน ท่านกับข้าสามารถไปมาหาสู่ฉันท์มิตร” “เจ้าจะไม่เปลี่ยนใจหรือหลิงเอ๋อร์” แม่ทัพหานฟงทำหน้าหนักใจ เมื่อนางแสดงเจตจำนงชัดเจนถึงเพียงนี้ “ข้าไม่เปลี่ยนใจ” นางกล่าวตอบอย่างหนักแน่น “ข้าไม่อาจรั้งเจ้าได้อย่างนั้นสินะ” แม่ทัพหานฟงมองสตรีตรงหน้า อายุเขาแก่กว่านางถึงสิบสองปี นางยังเป็นเด็กสาวอายุสิบห้าปีเท่านั้น หานฟงนับว่าแก่กว่านางถึงหนึ่งรอบ ให้นางได้ออกไปเลือกทางเดินของตนเองเสียก่อน หากนางเลือกแล้วไม่เป็นดังหวัง นางอาจกลับมาหาเขาวันใดวันหนึ่ง “ข้าขอโทษ” นางมองตาเขา แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “ไม่เป็นไร” แม่ทัพหยิบกาสุราบนโต๊ะเทลงคอจนหมด เขาหันกายเดินออกไปข้างนอก เหลียนหลิงซือรีบเดินตามออกมา ไม่นึกว่าเขาจะเข้าใจอะไรได้ง่ายเช่นนี้ ไม่เหมือนกับที่นางคิดไว้แต่แรก ทั้งสองเดินออกจากเรือนไผ่ เสียงฝีเท้าย่ำตามพื้นหินกรวด มีเพียงความเงียบและเสียงลมหายใจของทั้งสองคน เขาก้าวเดินนำหน้านาง ใบหน้าหล่อเหลามีแววตาครุ่นคิด ทั้งสองเดินเลียบกำแพงไม้ไผ่ยาวสุดสายตา จู่ๆ มีฝนกระหน่ำเทลงมาไม่ขาดสาย เขาไม่ได้รีบเดิน ทั้งคู่เดินตากฝนในจังหวะก้าวเดินปกติ เขาไม่ได้รีบหลบฝน นางก็เช่นกัน หวังเจียวหลินในร่างเหลียนหลิงซือเดินตามหลังเขาไป น้ำใสไหลรินออกจากตาแม่ทัพหานฟงกลืนไปกับสายฝน เขาหันกลับมาคว้าข้อมือนาง ดันร่างบางไปติดกำแพงไม้ไผ่ มือหนาเชยคางภรรยาขึ้นมา ท่ามกลางฝนรินหลั่งจากฟากฟ้า เขาก้มบดจูบอย่างอาลัยบนปากเล็กอิ่มแดง สอดลิ้นรุกรานแนบแน่น จูบอันดุดันและรุนแรง น้ำฝนไหลผ่านอาภรณ์สีเขียวบางเบาของนาง ยอดอกอวบแข็งชูชันเห็นเป็นตุ่มไตทะลุผ่านผิวผ้า กายแกร่งแนบร่างเข้ากับร่างงามระหง ลมหายใจกระโชกกระชั้นขึ้นตามแรงปรารถนา “ไหนท่านบอกว่าท่านเข้าใจแล้ว” นางต่อว่าเขาฝ่าเสียงฝน “เข้าใจแต่ทำไม่ได้ พี่ทำไม่ได้!” เสียงกร้าวของแม่ทัพตะโกนตอบ ท่ามกลางสายฝนหลั่งรินอันเย็นเฉียบแต่ปลายหางตายังรู้สึกถึงน้ำอุ่นร้อนรินไหล เขาสะอื้นในลำคอ บดจูบลงบนปากบางอย่างอาลัยซ้ำแล้วซ้ำอีก มือหนาตรึงมือน้อยของนางทั้งสองข้างชูขึ้นเหนือศีรษะติดตรึงกับกำแพงไม้ไผ่ มือสากเรียวสอดเข้าใต้อาภรณ์บีบคลึงบนอกอวบหยุ่น กระตุกสายรัดเอวนางออกทันที เขาทาบร่างแกร่งกักขังนางไว้ มือคลึงยอดถันเรื่อยลงต่ำไปบนกลางกายสาว ร่างบางสะท้านรุนแรงเมื่อถูกนิ้วรุกล้ำเข้ากลางร่าง ความเสียวซ่านสยิวเร่งเร้าจังหวะเข้าออกในร่องรัก เขายังบดจูบไม่ยอมหยุดบนปากอวบอิ่ม มือหนึ่งตรึงแขนนางทั้งสองข้างไว้บนศีรษะ มือหนึ่งสอดแทรกขยับเข้าออกกลางกายนาง ร่างอรชรเกร็งกระตุกเสร็จสมจากปลายนิ้ว ปากอุ่นร้อน สัมผัสราวเปลวเพลิงจากบุรุษผู้นี้ช่างตราตรึง ร่างสาวสะท้านทั้งหนาวสั่นจากน้ำฝน ทั้งขาอ่อนแรงเพราะถูกปรนเปรอกลางกาย “แล้วเจ้าจะคิดถึงพี่” เขากล่าวเพียงไม่กี่คำ ร่างแกร่งกำยำปล่อยมือนาง บดจูบลงอีกคราหนึ่ง เขาหันกายเดินจากไปอย่างรวดเร็ว หวังเจียวหลินในร่างคุณหนูเหลียนหลิงซือมองตามเขาไป ทุกสัมผัสของแม่ทัพหานฟงผสานความอาลัยไว้อย่างเต็มเปี่ยม นางเลือกเดินทางนี้เอง ทั้งไม่ใช่เจ้าของร่างนี้เหตุใดจึงมีน้ำอุ่นใสไหลออกจากตา ในใจเจ็บร้าวไม่ต่างกัน ทั้งสองต่างรู้สึกเกลียดคืนนี้ ‘คืนฝนโปรย’
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD