ช่วงเย็น_
"คุณพ่อฉันเป็นยังไงบ้างคะ มีอาการตรงไหนที่ต้องนอนโรงพยาบาลอีกไหม" พลอยรีบถาม ตอนที่หมอการันต์ตรวจร่างกายบิดาที่บ้าน เธอเฝ้าไม่ยอมห่าง มีป้านิ่มและฮาน้อยอยู่ด้วยคอยให้กำลังใจ
"พลอยจะกังวลมากไปหรือเปล่าลูก พ่อยังไม่เห็นหมอบอกว่าอะไรเลยนะ" มรนตรีอดแซวลูกสาวไม่ได้ จนทำหมอหนุ่มกลั้นยิ้ม
"ก็พลอยกลัวนี่คะ ขืนเป็นอะไรตอนพลอยไม่อยู่อีก ป้านิ่มกับอาน้อยได้หัวใจวายแทนกันพอดี"
"คุณลุงไม่มีอาการอะไรที่น่าเป็นห่วงเลยนะครับ คุณลุงรักษาตัวเองได้ดีมากจริงๆ ครับ" หมอหนุ่มบอก วางอุปกรณ์ในมือเก็บใส่กล่อง
"จริงเหรอ?"
"จริงครับ ดูคุณจะมีอาการมากกว่าคุณลุงอีกนะครับ"
"นี่นาย!!!" พอเสียงหวานจะก่นด่า แต่ต้องเพราะในห้องมีผู้ใหญ่รอบด้าน
"งั้นผมว่าคุณลุงพักผ่อนเถอะนะครับ"
"ขอบคุณคุณหมอมากนะครับ อุตส่าห์แวะมาตรวจให้ผมหลังเลิกงานอีก" มนตรีบอก ถึงจะมีเงินมหาศาลก็ใช่ว่าจะขอให้แพทย์ผู้รักษามาที่บ้านได้ นอกจากอีกฝ่ายมีน้ำใจและห่วงผู้ป่วยจริงๆ
"ไม่เป็นไรครับ ผมต้องยินดีอยู่แล้วถ้าคนป่วยของผมหายเร็วได้"
"......" พลอยไพลินยืนมอง
"คุณหมอเป็นคนดีจริงๆ เลยค่ะ" อาน้อยบอก แล้วช่วยหมอหนุ่มถืออุปกรณ์
"เอ่อ..ฉันขอคุยกับคุณหน่อย มาค่ะอาน้อย...ให้พลอยถือเองค่ะ" เธอเลยรับอุปกรณ์ที่ผู้ใหญ่ถือ แล้วเดินนำพาหมอการันต์มายังสวนข้างบ้าน บรรยากาศยามเย็นให้ความรู้สึกผ่อนคลาย
"คุณอยากจะคุยอะไรกับผมเหรอ?" เขาถามอย่างแปลกใจ แต่ก็อดรู้สึกบางอย่างไม่ได้
"ฉันขอเข้าเรื่องเลยนะ"
"ครับ"
"แต่งงานกับฉันไหม"
"ฮะ! คุณว่าไวนะ" หมอหนุ่มถึงกับตกใจในคำถามอีกฝ่าย มันไม่ได้แสดงออกถึงอารมณ์ที่อยู่ในความหมายประโยคนั้นเลย
"เอาไปคิดดูก่อนแล้วกัน แต่ฉันไม่ได้คิดอะไรกับคุณนะ แต่มันจำเป็น" พลอยไพลินหมุนตัวหลบสายตา
"จำเป็น?"
"ฉันรู้ว่าตัวเองอยู่ในอันตราย แล้วคุณก็เป็นหมอด้วย น่าจะดูแลคุณพ่อใกล้ๆ ตัวได้" เธอบอกตามความจริง ถึงแม้ว่ามันไม่น่าเชื่อถือสักเท่าไหร่
"เพราะคุณอยากได้ประโยชน์ของผมก็แค่นั้นเองเหรอ" เขาก้าวขามายืนข้างหน้าหญิงสาว ถ้าเขาเห็นแก่ตัวมากพอ คงจะฉวยโอกาสนั้นแต่ไม่ใช่เลย
"ประมาณ...คุณว่าแฟร์ไหม"
"งั้นผมจะคิดดูก่อน เพราะในชีวิตคนเรามันแต่งงานกันเล่นๆ ไม่ได้หรอกนะคุณ" เขาครุ่นคิดไม่น้อย พอๆ กับสีหน้าอีกฝ่าย แต่ก็เข้าใจในความคิดของคนขี้กังวล
หลายวันต่อมา_
"สวัสดีครับคุณสีนวล เชิญนั่งก่อนนะครับ" หญิงวัยกลางคนนั่งลงที่โซฟา ในห้องโถงใหญ่ที่เตรียมไว้รองรับเฉพาะ มีอาน้อยที่นั่งข้างพลอยไพลิน แล้วป้านิ่มคอยส่งกำลังใจไม่ห่าง
"คุณมนตรีอาการดีขึ้นกว่านั้นอีกไหมคะ"
"ดีขึ้นแล้วครับ คุณสีนวลล่ะ?"
"เดี๋ยวก่อนนะคะ คุณพ่อรู้จักแม่คุณหมอด้วยเหรอ?" พลอยไพลินถาม รู้สึกงงพอๆ กับหมอการันต์
"เคยรู้จักกันนานมากแล้วลูก แต่พอพ่อมีครอบครัวก็ย้ายมาอยู่กับแม่เราน่ะ" มนตรีบอก
"จริงเหรอครับ?" การันต์ถามทางมารดา
"ใช่ลูก"
"งั้นผมขอเข้าเรื่องเลยนะครับ ว่าอยากให้เด็กทั้งสองคนแต่งงานกัน คุณสีนวลมีความคิดเห็นอย่างไรบ้างครับ" มนตรีพูด
"ไม่เป็นไรเลยค่ะ เอาตามที่คุณมนตรีเห็นสมควร เพราะทางสีนวลเองก็คุยกับลูกแล้วโอเคค่ะ"
"งั้นถือว่าตกลงกันเลยนะคะ ไหนๆ แล้วคนกันเอง จะได้ไม่ต้องมีพิธีรีตองให้ยุ่งยาก" อาน้อยเลยถือเป็นคนกลางช่วยเจรจา
"ทางผมไม่เอาหรอกนะสินสอด แค่ได้หมอเป็นลูกเขยก็ถือว่าดีมากแล้ว" มนตรีพูด ท่านรู้สึกโชคดีเกินบรรยาย ยกเว้นลูกสาวที่มาบอกแต่ใบหน้าไม่มีรอยยิ้ม
"จะดีหรอคะคุณพ่อ แล้วมันจะเป็นพิธียังไง?"
"ผมก็ว่าอย่างนั้นนะครับ ระดับคุณพลอยแล้วด้วย คงไม่อยากน้อยหน้าใคร" หมอหนุ่มบอก
"คุณหมายความว่าไง" เธอรีบส่งสายตาจิกทางว่าที่เจ้าบ่าวในอนาคต เพราะถ้าไม่จำเป็นคงไม่ดึงเขาเข้ามาในชีวิตแน่ๆ
"คุณหมอคงอยากให้เกียรติพลอยมากกว่านะลูก ไหนๆ เราก็เป็นมีสังคม" อาน้อยบอก
"ครับ ผมคิดอย่างนั้นจริงๆ"
"หน้าตาน่าเชื่อถือเนอะ!" พลอยไพลินส่งเสียงเหน็บแนม แต่กิริยาของเธอและหมอหนุ่มก็อยู่ในสายตาผู้เป็นบิดามารดาไม่คาดสักนาที
"เอาเป็นว่าทางเราขอเป็นฝ่ายหาฤกษ์นะคะ จะได้ไม่รบกวนทางคุณมนตรีมากเกินไป" สีนวลบอก
"เกรงใจอะไรเล่า อย่างที่บอกไว้ไงว่าคนกันเองทั้งนั้น"
"ยิ่งคนกันเองเนี้ยแหละ ยิ่งอย่าเอาเปรียบเนอะคุณน้อย" ท่านเลยหันไปทางอาน้อยขอความเห็น
"งั้นก็เอาที่คุณสีนวลสบายนะคะ ทางเราจะจัดการหาที่จัดงานก็ได้ค่ะ ไหนๆ ทางเราก็มีโรงแรมในเครือด้วย"
"ดีเลยค่ะ ถือโอกาสนี้โปรโมทไปในตัว" พลอยไพลินบอก นอกจากเธอรู้สึกตื้นตันกับนิสัยของมารดาหมอหนุ่มแล้ว ยังคิดหาเอารายได้ในเครือธุรกิจตัวเองด้วย
"เดี๋ยวก็ชินนะหมอ ยัยพลอยทำงานมาตั้งแต่เด็ก"
"ครับ คงจะชิน" เขาส่ายหน้าเบาๆ