หนึ่งเดือนก่อน
ขณะนี้ห้องรับประทานอาหารหรูหราภายในตึกใหญ่ของอาณาเขต
คฤหาสน์หลังนั้นต่างเต็มไปด้วยสมาชิกสำคัญของคนในตระกูลเก่าแก่ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากราชสกุลเก่าอย่างพีระนันท์ ซึ่งบัดนี้แม้จะไม่มีผู้สืบเชื้อสายของราชนิกูลอีกต่อไป และวังพีระนันท์ในอดีตก็กลายเป็นบ้านพีระนันท์บนเนื้อที่กว่าสิบไร่ในย่านใจกลางเมืองซึ่งถือว่าหาได้ยากนั้น สมาชิกสำคัญของบ้านซึ่งต่างจับจองที่นั่งบนโต๊ะอาหารขนาดยี่สิบคนนั่งที่กลายมาเป็นห้องประชุมชั่วคราวต่างก็มีสีหน้าไม่สู้ดีเท่าใดนัก
สาเหตุของสีหน้าเหล่านั้นคงมีสาเหตุมาจากถ้อยคำก่อนหน้านี้ของประมุขของบ้าน 'พีระนันท์' กระมัง
'บ้านพีระนันท์หลุดจำนอง เราต้องย้ายออก'
“คุณดิษย์...ฉันไม่เข้าใจ คุณหมายความว่ายังไงกันแน่ แล้ว...แล้วบ้านพีระนันท์ถูกเอาไปจำนองตั้งแต่เมื่อไหร่”
สตรีวัยกลางคนที่ยังคงงดงามตามวัยของหล่อนเอ่ยขึ้น กระนั้นประมุขแห่งพีระนันท์ก็เห็นแววตื่นตระหนกในดวงตาของหล่อนและดวงหน้า
ที่ซีดเผือดอยู่ดี
กษิดิษย์มองหน้าภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากของตนเองด้วยสีหน้าลำบากใจ และนั่นก็ทำให้คุณหญิงการะเกดถึงกับลมหายใจสะดุด
“นี่คุณอย่าบอกนะว่า...”
คุณหญิงการะเกดชี้นิ้วสั่นระริกขึ้นมา ดวงตาของหล่อนเบิกโพลง อันที่จริงแล้วหล่อนพอจะรับรู้ปัญหาของบ้านพีระนันท์มาบ้างแล้ว...ทว่าหล่อนไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นจริง!
หล่อนคิดมาตลอดว่าสามีของหล่อนจะแก้ปัญหานี้ได้จึงไม่คิดใส่ใจอย่างจริงจัง เพราะในยามที่หล่อนได้ยินเขาเปรยอย่างกลัดกลุ้มใจถึงเรื่องเงินนั้น ทว่าวันต่อมาเมื่อหล่อนขอ...เขาก็หามาให้อย่างง่ายดายทำให้หล่อนไม่คิดว่ามันจะร้ายแรง
ทว่าใครจะคิด...สายป่านที่ทำให้หล่อนยังคงเฉิดฉายในวงสังคมชั้นสูงนี้ได้ แท้จริงเกิดจากการที่เขานำเอาบ้านพีระนันท์…คฤหาสน์หลังงาม อดีตวังเก่าที่สร้างมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่เจ็ดไปจำนอง!
ไม่รู้ป่านนี้ข่าวมันหลุดลอดออกไปหรือยังว่าพีระนันท์กำลังจะล้มละลาย!
“คุณแม่ คุณพ่อ เกิดอะไรขึ้น? ปีบไม่เข้าใจ”
เสียงหวานๆ ทว่าแฝงแววกราดเกรี้ยวนั้นถามขึ้นอย่างอดรนทนไม่ไหว เมื่อเห็นว่าบิดาและมารดาของหล่อนเอาแต่จ้องมองหน้ากัน อีกฝ่ายมีสีหน้าสำนึกผิดและอีกฝ่ายมีสีหน้าเกรี้ยวกราด
“จะเกิดอะไรขึ้นล่ะยายปีบ! ก็ตอนนี้เราจะไม่มีบ้านให้ซุกหัวนอนอีกแล้วยังไงล่ะ” หล่อนหันไปพูดเกือบกึ่งตวาดใส่ลูกสาวตนเองด้วยความโมโหที่ระงับไม่อยู่กับอากัปกิริยากราดเกรี้ยวไม่ถูกเวลาของบุตรสาวคนโปรด กระนั้นคุณหญิงการะเกดก็อดไม่ได้ที่จะปรายตามองหญิงสาวอีกคนซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามหล่อนด้วยสายตาชิงชัง
คนโดนสายตาชิงชังรังเกียจตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ชินเสียแล้วกับสายตาเช่นนี้ของคุณหญิงการะเกด หล่อนจึงได้แต่ลอบระบายลมหายใจแผ่วเบา ขณะที่ตีสีหน้านิ่งเฉยต่อไป ไม่ต่อปากต่อคำหรือแสดงท่าทางตอบโต้เพราะหวังจะให้ความขัดแย้งเพียงเล็กน้อยนี้ยุติลงเพียงเท่านี้
ทว่าหล่อนคงไม่รู้กระมังว่ายิ่งหล่อนทำท่าเฉยชาไม่สนใจมากเท่าใด...คุณหญิงการะเกดก็ยิ่งนึกชังหล่อนมากเท่านั้น!
'มันจองหอง...มันกำลังทำท่าจองหองใส่หล่อน
แน่ล่ะสิ...มันคงสะใจ สมใจมันแล้วสิที่เห็นหล่อนกำลังลำบาก!'
คุณหญิงการะเกดนึกบริภาษในใจอย่างชิงชังสุดหัวใจ
ดอกปีบ หรือ กาสะลองไม่ได้สนใจว่ามารดาของตนเองกำลังทำสายตาชิงชังใส่ใคร สิ่งที่อยู่ในความสนใจของหล่อนคือคำพูดเมื่อครู่นี้มากกว่า
ไฮโซสาวตวัดสายตามองบิดาซึ่งยืนอยู่ด้วยสายตาราวกับไม่เชื่อ และแม้อยากจะโกหกสักปานใด ทว่าประมุขแห่งพีระนันท์ก็ทำเช่นนั้นไม่ลง
กษิดิษย์พยักหน้ารับเบาๆ และนั่นก็ส่งผลให้ดวงหน้าสวยจัดของหล่อนเผือดซีดไร้สีเลือดทันตา
“จริงเหรอคะ?” หล่อนปรารภเสียงแผ่วเบาท่ามกลางความเงียบอันกดดัน ทำให้สายตาของอีกสามชีวิตที่เหลือตวัดมองใบหน้าของกาสะลองเป็นตาเดียวเพื่อฟังว่าหล่อนจะพูดอะไรต่อไป “ปีบไม่อยากจะเชื่อเลย คุณพ่อต้องโกหกแน่ๆ”
แม้จะรู้อยู่เต็มอก บิดาของหล่อนไม่เคยโกหก แต่ให้อย่างไร
กาสะลองก็ทำใจเชื่อไม่ลงอยู่ดี
“พีระนันท์ของเราล้มละลายแล้วลูก...” เขาเอ่ยขึ้นเบาๆ อย่างยอมรับความจริง