ตอนที่3

1071 Words
สิ่งเดียวที่ดีที่สุดในการทนอยู่ในบ้านอันแสนเย็นชาหลังนี้คือการที่หล่อนได้มีที่ซุกหัวนอนและได้ร่ำเรียนจนจนปริญญาอย่างที่แม่คนรับใช้จนๆ ของหล่อนซึ่งตายไปแล้วได้แต่พร่ำบอกให้หล่อนร่ำเรียนสูงๆ จะได้ไม่เป็นเหมือนแม่ การะบุหนิงไม่เข้าใจเพียงอย่างเดียวว่า...ทำไมคุณพ่อที่ไม่เคยสนใจไยดีหล่อนสักครั้งจึงเรียกให้หล่อนเข้ามารับรู้ปัญหานี้ของพีระนันท์ด้วย ทั้งที่ตลอดมา...พวกเขาไม่เคยนับหล่อนเป็นสายเลือดพีระนันท์เลย … “เกิดอะไรขึ้นหรือคะคุณดอกแก้ว” นางชล หญิงวัยต้นหกสิบแม่ครัวเก่าแก่ของบ้านพีรนันท์เดินเข้ามาถามการะบุหนิงทันทีที่เห็นหล่อนก้าวเข้ามาภายในโรงครัวแห่งนี้ “มีเรื่องนิดหน่อยค่ะยาย” “เรื่องหนักมากเลยเหรอคะ คุณดอกแก้วถึงได้มีสีหน้าไม่สบายใจแบบนี้” นางชลถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นสีหน้าหนักอกหนักใจของการะบุหนิง คนโดนถามกวาดตามองไปรอบๆ โรงครัว ก็เห็นว่าคนรับใช้ของบ้านพีระนันท์ซึ่งมีกันประมาณหกเจ็ดคนนั้นต่างอยู่กันครบ ณ ที่นี่ การะบุหนิงจึงเลือกที่จะเงียบและบอกกับนางชลเบาๆ ให้ได้ยินเพียงสองคนเท่านั้นว่า “เดี๋ยวแก้วเล่าให้ฟังทีหลังนะคะยาย ตอนนี้ขอแก้วไปทำงานก่อนดีกว่าค่ะ” นางชลนั้นพอได้ยินการะบุหนิงบอกว่าจะไปทำงาน นางก็ตาโตโบกมือห้ามวุ่นวาย เพราะรู้ว่างานของการะบุหนิงนั้นหนีไม่พ้นงานทำความสะอาดบนตึกใหญ่ นางจะปล่อยให้คุณดอกแก้วไปทำงานอย่างนั้นได้อย่างไรกัน! “ไม่ได้ค่ะ คุณดอกแก้วเลิกไปทำงานเช็ดถูบนตึกใหญ่ได้แล้วนะคะ ให้นังขี้เกียจพวกนี้ไปทำแทน” นางชลพูดพลางชี้นิ้วไปยังสาวๆ คน รับใช้ที่กำลังนั่งรับประทานอาหารกันอยู่ประมาณสี่ห้าคน ซึ่งส่วนใหญ่ก็มีหน้าที่ทำความสะอาดตึกใหญ่อยู่แล้ว “ไม่เป็นไรหรอกค่ะยาย ปล่อยให้พี่ๆ เขาทานข้าวกันเถอะค่ะ” หญิงสาวยังคงดื้อดึง ยิ่งตอนนี้ท่านๆ บนตึกใหญ่อารมณ์ไม่ดี หล่อนยิ่งสมควรทำทุกอย่างให้เรียบร้อย หาไม่จะเป็นหล่อนนั่นแหละที่จะซวยโดนตำหนิ เพราะไม่ว่าจะเรื่องอะไรคุณหญิงการะเกดก็จะหาเรื่องตำหนิหล่อนได้อยู่ดี สมัยเด็กๆ นั้นหล่อนอาจโดนทำโทษด้วยการตี ทว่าเมื่อเริ่มเติบโตขึ้น คุณหญิงเลิกตีหล่อนก็จริง แต่กลับตำหนิด้วยถ้อยคำเจ็บแสบบาดลึกลงกลางใจ สร้างความเจ็บปวดทุรนทุรายในหัวใจมากกว่ากันหลายเท่านัก สิ่งที่หล่อนทำได้ก็มีแต่อดทนเท่านั้น ...ทนจนกระทั่งแม่ของหล่อนตายจากไป เหลือเพียงคุณย่าซึ่งจะเรียกว่าเมตตาหล่อนก็ไม่อาจพูดได้เต็มปาก ทว่าหลายครั้งท่านก็เรียกหล่อนขึ้นไปอบรมสั่งสอนกึ่งประชดประชัน บางทีท่านก็ให้เงินทองสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ แก่หล่อนเช่นกัน “แก้วไปก่อนนะคะยาย เดี๋ยวเรื่องนั้นเราค่อยคุยกันอีกทีนะคะ” … การะบุหนิงรู้ดีว่าแท้ที่จริงแล้วไม่มีใครอยากให้หล่อนได้ใช้นามสกุลพีระนันท์เลยแม้แต่น้อย สำหรับคุณหญิงการะเกดและกาสะลองนั้นแน่นอนอยู่แล้วว่าสองแม่ลูกต้องชิงชังหล่อนเพราะถือว่าหล่อนคือตัวมารที่เกิดมาแย่งความ สุข และแม่ของหล่อนก็คือนังตัวร้ายที่แย่งสามีของชาวบ้านไปซึ่งๆ หน้า แต่คนที่ทำให้หล่อนได้ใช้นามสกุลนี้ก็คือคุณย่าที่คงพอมีเมตตาให้แก่หล่อนและแม่บ้าง เพราะถึงอย่างไรแม่ก็คือเด็กรับใช้คนสนิท ความเอื้อเอ็นดูก็คงจะพอมีบ้างแม้จะปนกับความชิงชังที่แม่มักใหญ่ใฝ่สูงยอมเป็นมียน้อยของพ่อตามที่หล่อนถูกกรอกหูมาตั้งแต่เกิดนั่นแหละ และอีกประการที่ยืนยันว่าหล่อนยังพอมีตัวตนในบ้านหลังนี้ และมีฐานะที่ดีกว่าคนรับใช้ในบ้านนี้นิดเดียวก็คือการที่หล่อนได้เรียกกษิดิษย์ว่าพ่อ...แต่อย่างไรล่ะ บางทีการะบุหนิงก็รู้สึกว่ามันคือคำที่ทิ่มแทงหล่อนมากกว่า เมื่อหล่อนสามารถเรียกได้ก็ต่อเมื่อไม่มีบุคคลอื่นๆ อยู่ ณ ที่แห่งนั้นด้วย หญิงสาวถอนหายใจยาว ขณะที่เริ่มทำความสะอาดห้องสมุดของบ้าน ฝุ่นบางๆ ที่เริ่มจับตามหนังสือบ่งบอกถึงความละเลยของคน รับใช้ภายในบ้านหลังนี้ หญิงสาวเริ่มไล่ปัดทำความสะอาด ขณะที่อดไม่ได้ที่จะครุ่นคิดถึงเรื่องที่ได้รับฟังวันนี้ ไม่รู้ว่าคุณย่าจะว่าอย่างไร....กับการล้มละลายของพีระนันท์ แล้วยังจะคุณดอกปีบกับคุณหญิงการะเกดอีกล่ะ จะยอมแต่งงานกับผู้ชายที่ยื่นข้อเสนอนั่นมาหรือเปล่า คิดๆ แล้วหล่อนก็ว่ามันแปลกดีที่ยังมีคนยื่นข้อเสนอแบบนี้มาให้ ฟังดูแล้วเหมือนนิยายน้ำเน่าอย่างไรชอบกล แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าสงสัยผู้ชายคนนั้นคงจะรักคุณดอกปีบแน่ๆ จึงยื่นข้อเสนอเช่นนี้มาให้ หาไม่จะมีใครยอมสูญเงินตั้งเกือบร้อยล้านเพื่อแลกกับผู้หญิงคนเดียวเล่า จริงไหม! หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่...เอาเถอะ ยังไงเรื่องพวกนี้ก็เป็นเรื่องของคุณๆ บนตึกใหญ่ท่าน หล่อนไม่เคยมีสิทธิ์มีเสียงและได้รับการยอมรับในบ้านหลังนี้แต่แรกอยู่แล้ว ใครจะเป็นอย่างไรการะบุหนิงไม่เดือดร้อนเลยสักนิด คิดอย่างคนเห็นแก่ตัวก็รู้ดีแก่ใจว่าภาระเหล่านี้ไม่ควรมีหล่อนเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยจะดีกว่า เพราะไม่ว่าอย่างไรหล่อนก็ช่วยเหลืออะไรไม่ได้อยู่แล้ว ...สงสัยที่คุณพ่อให้หล่อนไปฟังปัญหาคราวนี้อาจเป็นสัญญาณบอกใบ้แก่หล่อนว่า หล่อนควรจะออกไปหางานทำนอกบ้านอย่างจริงจังเสียที... หรือไม่...หล่อนก็สมควรจะย้ายออกไปจากบ้านหลังนี้ได้แล้ว การะบุหนิงถอนใจ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำงานของหล่อนอย่างตั้งอกตั้งใจต่อไป อย่างน้อยในเวลานี้การใช้แรงงานก็อาจทำให้หล่อนลืมเรื่องฟุ้งซ่านนี้ไปได้ เสร็จแล้วค่อยขึ้นไปหาคุณย่าเพื่อแจ้งให้ท่านทราบดีกว่าว่าหล่อนจะขออนุญาตไปสมัครงานในวันพรุ่งนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD