เสี่ยวไป๋

1520 Words
แต่สติของนางทั้งหมดยามนี้ไม่ได้อยู่ที่บาดแผลแล้ว เมื่ออยู่ ๆ ภายในถ้ำสว่างขึ้นมาได้อย่างน่าประหลาด นางมองไปรอบๆ อย่างไม่เข้าใจ ก่อนที่สายตาจะไปหยุดอยู่ที่แท่นหินใหญ่ ด้านในสุดของถ้ำ ที่อยู่ห่างจากนางเพียงสองจั้ง (1จั้ง = 3.33เมตร) เห็นจะได้ “กะ กรี๊ด อุ๊บ” เยี่ยนอิงตกใจจนเกือบจะกรีดร้องออกมา แต่ดีที่นางหลุดเสียงร้องออกมาเพียงเล็กน้อย ก่อนที่มือของนางจะตะครุบปิดปากเอาไว้ได้ทัน บทแท่นหินมีร่างของพยัคฆ์สีขาว นอนหลับนิ่งอยู่ นางได้แต่มองจ้องอยู่นาน มันไม่ได้ขยับตัว ทั้งยังเหมือนไม่ได้สนใจการมีอยู่ของเยี่ยนอิงอีกด้วย นางเห็นบ่อน้ำที่อยู่ใกล้กับที่พยัคฆ์ขาวนอนอยู่ พอเห็นว่ามันไม่ขยับตัวเยี่ยนอิงคิดว่ามันตายแล้ว นางจึงเดินเข้าไปอย่างใจกล้าด้วยกระหายอยากจะดื่มน้ำที่อยู่ในบ่อ และคิดจะล้างบาดแผลของนาง “ตายแล้วเหรอ” นางมองร่างของมันอย่างสนใจ ทั้งยังไม่อาจหาเหตุผลมาหักล้างได้ว่า เหตุใดแสงสว่างภายในถ้ำยังมิดับลง เยี่ยนอิงเดินเข้าไปสำรวจร่างของพยัคฆ์ขาวอย่างใจกล้า พอมองใกล้ๆ นางจึงได้ถอนหายใจออกมา “โถ่ เพียงก้อนหินเหรอเนี่ย ทำไมถึงได้เหมือนของจริงเลย” นางใช้มือตบลงไปที่หินเบาๆ ราวกับลงโทษที่มันทำให้นางตกใจก่อนหน้านี้ แต่แล้วสิ่งประหลาดก็เกิดขึ้นกับเยี่ยนอิงอีกครั้ง เมื่อก้อนหินที่นางใช้มือข้างที่เปื้อนเลือดตีลงไป มันสั่นสะท้านจนปริแตกออก ทั่วทั้งถ้ำสั่นสะเทือนราวกับจะพังทลายลงมา “นายหญิง ท่านปลดปล่อยข้าน้อยรึ” ร่างพยัคฆ์ที่เมื่อครู่ยังเป็นเพียงก้อนหิน ตอนนี้กลายเป็นพยัคฆ์ขาว จ้องมองมาทางนางอยู่ ทั้งมันยังพูดสื่อสารกับนางได้ด้วย “หะ เฮ้ยยยยย” เยี่ยนอิงตกใจจนก้าวถอยหลัง เท้าของนางเหยียบพลาดจนล้มลงไปอยู่ภายในบ่อน้ำ พยัคฆ์ขาวที่เห็นเช่นนั้น มันกระโจนเพียงครั้งเดียวก็ถึงตัวนาง ทั้งยังคาบคอเสื้อของเยี่ยนอิงไว้พาขึ้นมาวางไว้บนแท่น “แค่ก แค่ก” นางไอสำลักน้ำออกมาจนใบหน้าแดงก่ำ พยัคฆ์ขาวที่เห็นว่าดุร้ายมันกำลังตบลงที่หลังของนางเบาๆ จะบอกว่าเบาแล้ว แต่น้ำหนักมือของมัน ความใหญ่โตเมื่อเทียบกับเยี่ยนอิงที่อยู่ในร่างของสตรีวัยสิบห้าหนาว ที่เหมือนเด็กเพียงสิบสองหนาวก็เจ็บจนจุกไปเลย “พะ พอแล้ว” นางยกมือขึ้นห้าม หากมันยังช่วยตบหลังให้นางอยู่ นางคงได้ตายอีกครั้งด้วยมือของมันเป็นแน่ “ดีขึ้นแล้วรึขอรับ” มันชะโงกหน้าเข้ามาหาเยี่ยนอิงใกล้ๆ แต่เห็นใบหน้าของนางยังแดงอยู่จึงได้เอ่ยถามออกมาด้วยความเป็นห่วง “ดะ ดีแล้ว” นางถอยห่างด้วยความหวาดกลัว “นายหญิง ท่านเป็นผู้ปลดปล่อยข้า ท่านไม่ต้องกลัวข้าขอรับ ข้าจะเป็นสัตว์เทพในปกครองของท่าน คอยดูแลท่านขอรับ” มันก้มหัวลงอย่างนอบน้อม “หะ ห๊ะ!!! สัตว์เทพ สัตว์อะไร แล้วฉันไปปลดปล่อยตอนไหน” เยี่ยนอิงร้องเสียงหลงออกมา “อะแฮ่ม ข้าน้อยลืมแนะนำตัว ข้าน้อยมีนามว่า เสี่ยวไป๋ เป็นสัตว์เทพที่ดูแลพื้นที่ทางตอนเหนือของแคว้นต้าหลี่ทั้งหมด” เสี่ยวไป๋ก้มหน้าลงเล็กน้อยอย่างเขินอาย ก่อนจะเล่าเรื่องที่มันทำผิดไว้จนต้องถูกกักขังอยู่บนแท่นหิน จนกว่าจะพบผู้เป็นนายมาปลดปล่อยมันให้กลับมาใช้ชีวิตเช่นเดิมอีกครั้ง “ข้าน้อยแอบไปกินผลท้อสวรรค์ เมื่อครั้งที่เดินทางไปร่วมส่งเทพสงครามลงมาเวียนว่ายที่โลกมนุษย์ขอรับ” เสี่ยวไป๋เผลอเลียริมฝีปากของมัน เมื่อนึกถึงรสชาติที่หอมหวานของผลท้อ ที่นับพันปีถึงจะสุกได้สักผล “อร่อยมากเลยเหรอ” เยี่ยนอิงเห็นสีหน้าที่เคลิบเคลิ้มของมันเลยยื่นหน้าเข้าไปถาม “ดียิ่งขอรับ นายหญิงท่านควรจะพูดให้เหมือนคนยุคโบราณเสียหน่อย หากท่านกลับเข้าไปในหมู่บ้านน้องชายท่านได้สงสัยแน่ ว่าท่านมิใช่พี่สาวของตน” “รู้เหรอว่าฉันไม่ใช่ฟู่เยี่ยนอิง” “เหอะ ข้าเป็นสัตว์เทพขอรับ ตัวท่านมาจากที่ใด ทำสิ่งใดมาก่อน สัตว์เทพเช่นข้าน้อยที่ผูกพันธะกับท่านแล้ว ย่อมรับรู้และเห็นได้เช่นกัน” มันเชิดหน้าขึ้นอย่างโอ้อวด “ว้าววว สุดยอด” เยี่ยนอิงยกนิ้วหัวแม่มือชื่นชมเสี่ยวไป๋ แม้มันไม่รู้ว่าสิ่งที่เยี่ยนอิงทำหมายความเช่นไร แต่มันก็ยิ้มกว้างออกมาอย่างภูมิใจที่ได้รับคำชื่นชม “นายหญิง ท่านลงไปแช่ตัวในบ่อก่อนขอรับ พันธสัญญาระหว่างท่านและข้าจะได้สมบูรณ์” “บ่อนั้นรึ” เยี่ยนอิงใช้ความทรงจำของฟู่เยี่ยนอิง ในเรื่องภาษาพูดให้เข้ากับยุคของโบราณตามคำเตือนของเสี่ยวไป๋ “ใช่ขอรับ หะ หากว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ท่านห้ามขึ้นมาจากน้ำก่อนเด็ดขาด” มันหลบสายตาที่จ้องมองมาของเยี่ยนอิง “เพราะอันใด” “ประเดี๋ยวท่านก็จะรู้ขอรับ รีบลงไปเร็วเข้า ข้ายังต้องช่วยท่านอีกหลายสิ่ง” มันใช้อุ้งเท้าดันตัวของเยี่ยนอิงให้เคลื่อนไหวตัวเสียที นางจำต้องลงมาจากแท่นหิน แล้วมาหยุดที่หน้าบ่อน้ำ เมื่อครู่ก็เหมือนว่านางได้ลงมาแล้ว ไม่เห็นจะรู้สึกอะไรสักอย่าง เยี่ยนอิงจึงเริ่มที่จะถอดเสื้อผ้าออกจากร่างช้าๆ “มะ ไม่ต้องถอด ท่านลงไปเลย ประเดี๋ยวขึ้นมา ข้าจะใช้พลังปราณทำให้ชุดของท่านแห้งเองขอรับ” เสี่ยวไป๋ยกอุ้งเท้าขึ้นปิดตา เมื่อเห็นว่าเยี่ยนอิงนางเริ่มจะเปลื้องผ้าออก “แล้วไม่บอกตั้งแต่แรกเล่า” เยี่ยนอิงหันไปมองค้อนเสี่ยวไป๋ มือของนางก็ผูกเชือกรัดเอวไปด้วย เท้าน้อยๆ ที่เปื้อนดินโคลน ทั้งยังมีรอยแผลเก่าใหม่ปรากฏออกมาให้ได้เห็น เดินลงไปในบ่อน้ำโดยไม่ลังเล ก่อนจะนั่งแช่ตามคำแนะนำของเสี่ยวไป๋ “ฮึก...” เยี่ยนอิงเบิกตากว้างขึ้นด้วยความตื่นตระหนก เมื่อความเจ็บปวดวิ่งตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมาเรื่อย ๆ จากที่เจ็บทนได้ ก็แปรเปลี่ยนมาเป็นเจ็บร้าว ราวกับว่าหากแช่ต่ออีกเพียงแค่อึดใจเดียวนางคงได้ขาดใจเป็นแน่ “อย่า!!! ขึ้นมานะขอรับ อดทนอีกเพียงครู่เดียวเท่านั้น” เสี่ยวไป๋กระโจนพรวดเดียวมาอยู่ด้านหลังของเยี่ยนอิง มันใช้อุ้งเท้าสองข้างกดบ่าเล็กของนางไว้ให้นั่งลงกลับไปเช่นเดิม ก่อนจะเอ่ยพูดให้กำลังใจนางไม่ขาดปาก “กรี๊ดดดดด” เยี่ยนอิงเชิดหน้าขึ้นกรีดร้องออกมาเสียงดัง นางเจ็บเหมือนว่าร่างกายตอนนี้ได้ถูกแยกชิ้นส่วนออกจากกันแล้ว สติที่เริ่มจะพร่ามัว ก็ถูกเสี่ยวไป๋ใช้อุ้งเท้าตบลงมาเพื่อเรียกให้นางรู้สึกตัวอยู่ตลอด เพียงครู่เดียวที่เสี่ยวไป๋บอก เห็นจะไม่มีจริง เมื่อเยี่ยนอิงนางต้องแช่ตัวนานนับกว่าชั่วยาม (1ชั่วยาม=2ชั่วโมง) ดวงตาของเยี่ยนอิงปิดสนิท มีเพียงสติที่ยังรับรู้ได้ว่า ความเจ็บปวดก่อนหน้านี้ได้ทุเลาลงไปมากแล้ว ดวงตาของเยี่ยนอิงค่อยๆ หรี่ขึ้น เมื่อเสี่ยวไป๋ใช้อุ้งเท้าของมันสะกิดเรียกนาง “อืม...” ตอนนี้ภายในถ้ำมิได้สว่างเช่นก่อนหน้าที่นางจะลงมาแช่น้ำ แต่สายตาของเยี่ยนอิงก็ยังมองเห็นทุกอย่างได้แจ่มชัดเช่นในตอนฟ้าสว่าง “ร้ายกาจ” นางร้องออกมาเบาๆ อย่างชอบใจ “นายหญิงท่านขึ้นมาได้แล้วขอรับ ยังมิเรียบร้อยดี” เสี่ยวไป๋เอ่ยเร่งให้เยี่ยนอิงขึ้นมาจากน้ำ พอนางขึ้นมาอยู่ริมบ่อน้ำ เสี่ยวไป๋ใช้อุ้งเท้าหน้าของมันโบกพัดเบาๆ ชุดที่เยี่ยนอิงสวมใส่อยู่ก็แห้งอย่างรวดเร็ว “อ๊า...” นางร้องออกมาอย่างตื่นตะลึง “ท่านอย่าได้ไปร้องเช่นนี้ที่อื่นเล่า” เสี่ยวไป๋ถลึงตามองนายหญิงของมัน ยังดีที่ตัวมันเป็นสัตว์เทพ หากบุรุษใดได้มาฟังเสียงร้องของเยี่ยนอิงยามนี้ คงได้สติไม่อยู่กับตัวเป็นแน่ “แล้วต้องทำสิ่งใดต่อ” นางเกาหัวอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็เปลี่ยนมาเป็นเรื่องอื่นแทน “ยื่นมือมาขอรับ” นางยื่นมือไปตรงหน้าของเสี่ยวไป๋อย่างว่าง่าย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD