9 มาเฟียในคราบประธานหนุ่ม

1735 Words
เวกัสทำตัวสบาย ๆ ตามปกติแตกต่างกับอีกคนที่สลัดเขาออกจากหัวไม่ได้ เธอกระวนกระวายกว่าปกติเล็กน้อยและไม่กล้ามองหน้าประธานหนุ่มตลอดการประชุมช่วงสาย “ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะครับ” “เช่นกันครับว่าแต่คุณเวกัสครับ....เลขาคุณยังโสดไหมครับ?” ประธานหนุ่มที่ชื่อเดวิดกระซิบถามเขา สายตาของชายหนุ่มจับจ้องไปที่น้ำทิพย์อย่างไม่วางตา เวกัสคิ้วกระตุกเล็กน้อยก่อนจะพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ไม่ทันไรก็เนื้อหอมจนมีคนชอบแล้ว.... “ผมทราบมาว่าเธอเป็นผู้หญิงของมาเฟียนะครับ ทางที่ดีคุณอย่ายุ่งกับเธอดีกว่า” สายตาและน้ำเสียงที่จริงจังทำเอาเดวิดขนลุกซู่ เขาลอบกลืนน้ำลายและยิ้มแห้ง ๆ ออกมาก่อนจะรีบเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว “คุณเดวิดดูรีบจังเลยนะคะ” น้ำทิพย์มองตามร่างสูงเดินลิ่วออกจากห้องประชุมไป เวกัสลอบยิ้มก่อนจะวางปากกาและลุกขึ้นยืนเต็มความสูง “สงสัยภรรยาจะคลอดลูกมั้งครับ เลยต้องรีบไป” เวกัสพูดติดตลกและกระชับสูทให้เข้าที่ก่อนจะเดินออกไป น้ำทิพย์ได้แต่ยืนนิ่งอึ้งเพราะไม่คิดว่าคนแบบเขาจะมีมุมแบบนี้ด้วย “ผมจะออกไปหาเทวาเลย วันนี้ไม่ต้องทำอะไรแล้ว ผมอนุญาตให้คุณเลิกงานก่อนเวลาครับ” “อ้อ ค่ะ ขอบคุณนะคะ” “ไว้เจอกันพรุ่งนี้ครับ” ร่างสูงก้มหัวลงเล็กน้อยแล้วเดินจากไปอีกคน น้ำทิพย์พาตัวเองกลับมานั่งที่โต๊ะทำงานแล้วเก็บของเตรียมกลับบ้าน “ดีจังเลยน้าา ได้เป็นเลขาประธานแถมยังได้เลิกงานก่อนเวลาด้วย” “นั่นสิ ไม่รู้ว่าใช้ความสามารถหรืออย่างอื่นกันแน่” “อะไรเหรอ” “ใช้นมไง” “ฮ่า ๆ ๆ ใช้เต้าไต่นี่เอง” ร่างบางได้แต่ถอนหายใจยาวออกมาด้วยความเบื่อหน่าย แม้จะรู้ว่าต้องเจอเรื่องแบบนี้อยู่แล้วแต่ไม่คิดว่าจะโดนเขม่นตั้งแต่ทำงานได้สองวัน “แมลงวัน....” “ผมว่าก็ดีกว่าพวกใช้ปากทำงานนะครับ อย่างน้อยเธอก็ยังมีประโยชน์ต่อบริษัทมากกว่าคนแบบคุณสองคน” ยังไม่ทันที่น้ำทิพย์จะพูดอะไรมากกว่านี้ เสียงทุ้มหูก็ดังขึ้น พนักงานสองคนที่นินทาเธออย่างโจ่งแจ้งหันไปมองด้วยความตกใจ “ทะ ท่านประธาน” “ถ้ามีปัญญาแค่นินทาชาวบ้านไปวัน ๆ ใบลาออกอยู่ที่แผนกบุคคลนะครับ ผมสั่งเตรียมไว้เยอะเลย” “คะ คือ” “คุณน้ำทิพย์ครับ รบกวนหยิบกระเป๋าแล้วตามผมไปที่รถด้วยครับ เรามีงานต้องไปทำต่อ” เวกัสตัดบทสนทนาทันทีด้วยใบหน้านิ่งเฉย รอยยิ้มที่มักประดับบนใบหน้าตอนนี้ไม่มีหลงเหลืออยู่เลย เขากลายเป็นคนล่ะคนและดูน่ากลัวกว่าเวลาปกติ น้ำทิพย์รีบเก็บของใส่กระเป๋าก่อนจะก้าวไปยืนข้างประธานหนุ่ม พนักงานสองคนนั้นยืนตัวลีบพลางก้มหน้าสำนึกผิด “หวังว่าพรุ่งนี้ผมจะไม่เห็นคุณสองคนในบริษัทผมอีกนะครับ ผมไม่อยากทำให้ใครมีประวัติโดนไล่ออก” เวกัสเดินนำคนตัวเล็กไปที่ลิฟต์นิ้วเรียวเอื้อมไปกดชั้นจอดรถก่อนจะถอนหายใจยาวออกมา “เฮ้ออ ขอโทษนะครับที่ทำให้เจอเรื่องแบบนี้ ผมจะจัดการให้เองไม่ต้องห่วง” “ฉันไม่เป็นไรค่ะ อย่าให้ถึงขั้นไล่ออกเลยนะคะ” น้ำทิพย์พูดขึ้นอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ มันเป็นแค่เรื่องกระทบกระทั่งในที่ทำงานไม่จำเป็นต้องไล่ออกเลยสักนิด เขาทำเหมือนเธอถูกรังแกมาเป็นปี ๆ ทั้งที่แค่เพิ่งโดนครั้งแรก “ไม่หรอกกครับ ก่อนหน้านี้ผมได้ให้โอกาสไปแล้วแต่ก็ยังทำตัวเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ผมไม่อยากเก็บคนแบบนี้ไว้ในบริษัทเพราะจะสร้างแต่ความร้าวฉาน” เวกัสสังเกตสองคนนั้นมานานพอดูและเขาก็ให้โอกาสไปถึงสองครั้งแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกนั้นใช้คำพูดดูถูกดูแคลนคนอื่นแบบนี้ เขาเล่าให้เธอฟังถึงเรื่องก่อนหน้าเธอจะมาทำงานระหว่างที่ลิฟต์เคลื่อนตัวลงไปช้า ๆ พอน้ำทิพย์ได้ฟังทั้งหมดเธอก็เข้าใจในสิ่งที่เวกัสทำทันที “งั้นก็ตามใจคุณเถอะค่ะ” “ขอบคุณครับที่เข้าใจผม” เนื่องจากเวกัสมีธุระสำคัญที่ต้องไปต่อเขาเลยไม่สามารถไปส่งเธอได้แต่เวกัสก็ได้จัดให้คนพาเธอไปส่งถึงบ้าน “งั้นไว้เจอกันพรุ่งนี้นะคะ” “ครับ” ร่างสูงยืนส่งเธอไปจนลับสายตาก่อนจะก้าวขึ้นไปบนรถสุดหรูที่มีเพียงไม่กี่คันบนโลกเท่านั้น มือหนาดึงเนคไทออกแล้วเหวี่ยงไปหลังรถอย่างไม่ใยดีพลางสางผมที่เซตไว้ออกจนหัวยุ่ง “ทำไมวันนี้มีแต่เรื่องให้หงุดหงิดว่ะ” เวกัสหงุดหงิดตั้งแต่ที่เดวิดมองเธอด้วยสายตาร้อนแรงแล้ว เขาแทบอยากกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายมาต่อยให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยด้วยซ้ำ เขาไม่ชอบให้ใครมองเธอด้วยสายตาแบบนั้นนอกจากเขาคนเดียว แค่คิดภาพเธอไปครางกับผู้ชายคนอื่นแบบเดียวกับที่ตัวเองเจอก็แทบคลั่งแล้ว ต้องทำอะไรสักอย่าง.... มาเฟียหนุ่มในคราบประธานมาดเนี๊ยบหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรหาลูกน้องก่อนจะกรอกเสียงลงไปเมื่อปลายสายกดรับ “ฮัลโหล จัดการคนคุ้มกันเธอเพิ่ม อย่าให้ตัวผู้ที่ไหนเข้าใกล้เธอเด็ดขาด” (ครับนาย) ใครก็อย่าฝันว่าจะได้ใกล้ชิดเธอ เพราะถ้ามันกล้ามากพอเขาจะให้มันได้กินลูกปืนแทนข้าวเอง »»»»«««« “กว่าจะมาได้นะ ทุกคนรอมึงนานแล้ว” เสียงที่เอ่ยทักทายเขาคือเทวาที่ออกมาสูบบุหรี่อยู่หน้าโกดังพอดี ร่างสูงถอดเสื้อตัวนอกโยนกลับเข้าไปในรถและเดินไปหาเทวา “ติดงาน” “งานหรือสาว?” “ไม่ใช่เรื่องของมึง” เวกัสพูดปัดแล้วล้วงเอาบุหรี่ออกมาจุดสูบ นิโคตินที่ถูกอัดเข้าร่างกายทำให้เขาผ่อนคลายลงได้เล็กน้อย “ก็ไม่ได้อยากยุ่งหรอกแต่เมียกูสั่งมา” “ดาว?” “เออ กูมีเมียคนเดียวก็คือน้องมึงนั่นล่ะ” เวกัสรู้อยู่แล้วว่าดาวจะไม่หยุดถ้ายังไม่ได้คำตอบแต่จะให้เขาตอบยังไงล่ะ? บอกว่าเคยวันไนท์กับเพื่อนเธอแล้วติดใจอย่างนี้ก็ออกจะเกินไปหน่อย แม้ดาวจะไม่ได้สนิทกับน้ำทิพย์มากเท่าลดา แต่พวกเธอก็รู้จักกันพอสมควร เขาไม่อยากให้มีปัญหาอะไรตามมาอีกเพราะแค่เท่าที่มีก็ตามเคลียร์ไม่หมดแล้ว “เข้าไปกันเถอะ ระวังน้องสาวมึงถามด้วย” “อืม” เวกัสโยนบุหรี่ในมือลงพื้นก่อนจะขยี้ด้วยปลายเท้า ร่างสูงเดินตามหลังน้องเขยเข้าไปในห้องประชุม วันนี้พ่อของเทวาไม่ได้มาเข้าร่วมประชุมด้วยเลยจะมีแค่พวกเขาไม่กี่คนรวมถึงสาว ๆ ด้วย “ไงมึง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” แม้แต่ไทเกอร์กับชาญวิทย์ก็ถูกเรียกตัวมาด้วย ชาญวิทย์เพียงแค่หันหน้ามาพยักให้เขาก่อนจะหันกลับไปคุยกับลดา ส่วนไทเกอร์ก็เอ่ยทักทายด้วยเสียงสดใสตามสไตล์เจ้าตัว “ครบกันแล้วนะ เริ่มเลยเถอะ” ทุกคนนั่งกับคู่ของตัวเองที่เรียกมาวันนี้เพราะอีกไม่กี่อาทิตย์น้ำชาที่เป็นแฟนไทเกอร์จะจัดงานแต่งกัน พวกเขาเชื่อว่าคาลมาจะต้องหาทางสร้างความวุ่นวายอย่างแน่นอน การเงียบหายไปของคาลมาไม่ใช่เรื่องดีเลยแม้แต่นิดเดียว มันเหมือนเสือที่แอบซุ่มดูเหยื่อและพร้อมกระโดดขย้ำได้ทุกเมื่อ หากพวกเขาพลาดก็ไม่อาจเดาได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น “ในงานแต่งไอ้ไทกูจะจัดการ์ดให้ปลอมตัวเป็นแขกเพื่อเข้าร่วมงานส่วนหนึ่งและอีกส่วนให้คอยดูแลความเรียบร้อยพร้อมทั้งเตรียมรับมือเผื่อกรณีฉุกเฉินด้วย” “ก็ดีนะ แขกจะได้ไม่แตกตื่นด้วย” “ไอ้ชาญเตรียมหมอที่ไว้ใจได้ไว้สัก 5 คนนะ ขอที่ฝีมือดีหน่อย” “เดี๋ยวจัดให้” ชาญวิทย์ตอบ “เทวากับดาวคอยสังเกตคนในงานด้วยนะ ถ้ามีอะไรปกติให้รีบแจ้งด้วย” “ครับ/ค่ะ” “ลดากับทิชา พี่อยากให้ตามประกบน้ำชาไว้อย่าให้คนแปลกหน้าเข้าหาอย่างเด็ดขาด” “ได้ค่ะพี่ทิว” ทิวเทพวางแผนไว้คร่าว ๆ แล้วว่าจะทำอะไรบ้างซึ่งทุกคนก็ไม่ได้ขัดข้องอะไรเพราะถ้านับเรื่องสติปัญญาทิวเทพฉลาดที่สุด “ส่วนมึง เวกัส” “?” “เป็นเหยื่อล่อ” แค่นั้นเวกัสก็รู้แล้วว่าตัวเองต้องทำยังไง คาลมาต้องการกำจัดเขากับดาวมากที่สุดเพราะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของผู้นำคนเก่าที่ตายไปแล้ว ดาวแต่งงานกับเทวาและกลายเป็นสะใภ้ของแบล็คดราก้อนแล้วมันคงไม่อยากมีปัญหากับมาเฟียระดับนั้นเท่าไหร่หรอก เท่ากับว่าตอนนี้คนที่คาลมาอยากกำจัดที่สุดก็คือเวกัส การที่ให้เขาทำหน้าที่เหยื่อล่อนั่นหมายถึงเขาจะทำอะไรก็ได้ ได้แก้แค้นด้วย ได้ทำตามใจตัวเองด้วยมันก็คุ้มที่จะเสี่ยง “เข้าใจเลือกคนบ้าระห่ำไปเป็นเหยื่อล่อนะคะพี่ทิว” ดาวอดที่จะพูดประชดไม่ได้เธอรู้ดีว่าเวกัสต่อสู้เก่งแค่ไหนแต่ก็อดห่วงไม่ได้ เวกัสยกยิ้มเล็กน้อยที่มุมปากแต่ก็ไม่ได้พูดขัดอะไร “ก็เพราะคนบ้ามันก็ต้องเจอกับคนที่บ้ากว่าน่ะสิไม่ต้องห่วงพี่จะเตรียมคนไว้อีกชุดเพื่อตามช่วยเวกัสโดยเฉพาะ....” “นายน้อยครับ!” เสียงของทิวเทพถูกขัดด้วยลูกน้องของเวกัสที่เปิดพรวดพราดเข้ามา เวกัสขมวดคิ้วเล็กน้อยและกำลังจะต่อว่าคนของตนแต่คำพูดนั้นก็ถูกกลืนหายลงคอไปพร้อมกับประโยคที่ได้ยิน “ผู้หญิงคนนั้นถูกโจมตีครับ! คนของเรามีไม่พอ....” “เตรียมอาวุธให้กูเดี๋ยวนี้!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD