“เสนาบดีกลาโหมตอนนี้คือฉินฮุ่ยหมิง” หวังจางเหว่ยเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม และคนที่ได้ฟังอยู่อย่างหงเยว่เทียนถึงกับหัวใจกระตุกวาบขึ้นมาทันที ในที่สุดฟ้าก็เข้าข้างนาง ให้นางได้กลับมาแก้แค้น แล้วให้นางได้มาเกิดในตระกูลขุนนางใหญ่ อย่างน้อยนางก็สามารถทำอะไรได้บ้าง ไม่ว่ายังไงนางหรือว่าฉินฮุ่ยหมิงต้องมีใครตายไปข้างใดข้างหนึ่ง
“คราวนี้หายสงสัยหรือยังลูก” หวังฮูหยินเอ่ยถามบุตรีด้วยความเอ็นดู แม้ว่าบุตรีของนางจำนางไม่ได้ แค่เจียวเมิ่งยังอยู่กับนาง แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
“ข้าไม่มีสิ่งใดสงสัยอีกต่อไปแล้ว ข้าขอพักผ่อนได้หรือไม่” เมื่อได้รู้ในสิ่งที่นางสงสัยแล้ว การมาอยู่ในร่างใหม่อย่างตอนนี้ทำให้นางต้องการเวลาที่จะอยู่คนเดียว เพราะนางไม่คุ้นเคยกับใครสักคนนั่นเอง อาจจะต้องใช้เวลาพอสมควร กว่าที่นางจะเริ่มทำใจให้คุ้นชินกับการเป็นคุณหนูหวังเจียวเมิ่งผู้นี้ ในขณะเดียวกันนางคงต้องฟื้นฟูวรยุทธ์ของนางเพื่อที่จะล้างแค้นให้กับครอบครัวของนาง ดูท่าแล้วว่าร่างกายอ่อนแอของคุณหนูหวังผู้นี้มันไม่เหมาะกับการฟื้นฟูวรยุทธ์เสียจริง แต่ไม่ว่าอย่างไรเสีย นางก็ต้องลองดู หากว่าร่างนี้ได้ฝึกวรยุทธ์บ่อยๆ นั่นอาจจะทำให้ร่างนี้แข็งแรงดังเช่นร่างของหงเยว่เทียนก็ได้
“ได้สิลูก แต่ขอให้ท่านหมอเทวดาตรวจร่างกายของเจ้าอย่างละเอียดก่อนนะลูก” เสนาบดีหวังเอ่ยออกมาอย่างตามใจ ด้วยเพราะว่าบุตรสาวเพิ่งฟื้นขึ้นมา อาจจะต้องการที่จะพักผ่อน เช่นนั้นท่านทั้งสามคนควรจะออกไปจากห้องนี้ เพื่อให้บุตรสาวของท่านได้พักผ่อนตามที่นางต้องการเสียเถิด
“เจ้าค่ะ” ด้วยเพราะว่าไม่น่าจะขัดสิ่งที่เสนาบดีหวังต้องการได้ ทำให้หงเยว่เทียนต้องยอมให้หมอเทวดาผู้นี้ตรวจร่างกายอย่างละเอียดนั่นเอง ส่วนหวังฮูหยิน และหวังจางเหว่ยได้แต่ยืนรอให้หมอเทวาดาตรวจร่างกายของหวังเจียวเมิ่งก่อนนั่นเอง หากว่านางปลอดภัยแล้ว เขาและมารดาถึงจะออกไปจากห้องนี้ได้ด้วยความเบาใจ
หมอเทวาดาตรวจร่างกายของหวังเจียวเมิ่งอย่างละเอียด ซึ่งมันน่าแปลกเป็นอย่างมาก เพราะร่างกายของนางไม่มีอะไรที่ผิดปกติเลย เหมือนว่าชีพจรของนางเต้นปกติแล้วก็ร่างกายแข็งแรงมากกว่าเดิมเสียด้วยซำ ช่างเป็นเรื่องราวที่มหัศจรรย์เหลือเกิน ตั้งแต่ที่หมอเทวดารักษาคนมา ไม่มีคนไข้คนไหนที่จะมีความมหัศจรรย์เกิดขึ้น อย่างเช่นคุณหนูหวังท่านนี้เลยจริงๆ