เด่นนภาเปลี่ยนชุดเสร็จสิ้น ดาหลาพาเธอมานั่งเก๋งหรูสีดำที่กองประกวดจัดหาให้ เธอนั่งลงบนรถทันที โดยดาหลาโกยกระโปรงพองๆ เข้าไปในรถ แล้วนั่งข้างๆ เธอและปิดประตูลง
“ว่าจะถามตั้งแต่เมื่อกี้ เราต้องมีคนขับรถด้วยเหรอ” เด่นนภาเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ใช่สิจ๊ะ เธอไม่ได้เป็นคุณหนูบ่อน้ำมันอย่างเดียว แต่เป็นบุคคลชั้นนำของประเทศด้วย ไม่ใช่แค่ประเทศ แต่เป็นระดับโลก ระดับจักรวาล” ดาหลาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม
“เวอร์ไปแล้ว ฉันก็ยังเป็นฉัน พ่อฉันต่างหากที่เป็นเจ้าของบ่อน้ำมัน กับกิจการไม้ แล้วอะไรอีกไม่รู้เยอะแยะ”
“เราต้องรีบไปเถอะ เธอสำคัญที่สุดในงาน”
รถเก๋งสีดำคันหรูมาถึงหน้าโรงแรมเดอะ แกรนด์ วรากุล เด่นนภามองออกไปนอกหน้าต่างสีดำ มองไปยังนักข่าวมากมายมารอทำข่าว และขอสัมภาษณ์
“ตั้งสตินะคะ คุณน้อง ไม่ต้องตอบคำถามใดๆ พี่จะช่วยคุณน้องเอง” ดาหลาเอ่ยบอกเธอด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ค่ะ” เด่นนภาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม
“นางพญาวีนัส วันนี้เธอสวยที่สุด เด่นที่สุด ฉันเป็นกำลังใจให้” ดาหลาเอ่ยบอกด้วยความภาคภูมิใจในตัวเธอ
ไม่ช้ามีชายสวมใส่ชุดสูทผูกไทเหมือนกับบอดี้การ์ดที่บ้านเธอ อีกทั้งเขายังเปิดประตูรถให้ เธอค่อยๆ ลงก้าวเดินบนพรมแดง มีที่กันนักข่าว แสงแฟลชสาดส่องมาที่ตัวเธอ เธอก้าวเดินอย่างสง่างามด้วยส้นสูงถึงสี่นิ้ว เธอเข้าไปในโรงแรม เธอหันข้างให้นักข่าวถ่ายภาพ นักข่าวไม่รอช้าถ่ายรูปภาพเธอทันที
เด่นนภาก้าวเดินเข้าไปในงาน มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหา เขาคือเมธา โชติฐิติเมธานนท์ เป็นคนจัดการประกวดนางงามทุกครั้งภายในประเทศ
“สวัสดีค่ะ คุณเมธา” เด่นนภาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม และยกมือเรียวไหว้เขาด้วยท่าทีนอบน้อม
“สวัสดีครับ คุณเด่นนภา คุณดูสวยมากเลยนะครับ” เมธาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงชื่นชมจากใจจริง
“ขอบคุณนะคะ”
“ผมจะพาคุณไปนั่งที่โต๊ะที่เตรียมเอาไว้ให้” เขาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม แล้วเผยมือหนา เธอก้มหัวเล็กน้อย เขาจึงพาเธอเดินไปกับดาหลา
“สวัสดีครับผม ตรีเทพ ทวีทรัพย์ธาดา เป็นพิธีกรในวันนี้ อย่างที่ทราบกันดีองค์กรระหว่างประเทศเพื่อช่วยคนอยากไร้ก่อตั้ง ตั้งแต่ปี 1980 โดยคุณโกมินทร์ เตชะวงศ์วรากุล และรับช่วงที่สองยัง คุณภาคภูมิ เตชะวงศ์วรากุล และปัจจุบันผู้ที่รับช่วงต่อคือรุ่นที่สาม คือ ดอกเตอร์ขุนศึก เตชะวงศ์วรากุล ในวันนี้เป็นวันเปิดตัวมิสยูนิเวิร์ด และหารายได้ให้กับองค์กรระหว่างประเทศของมูลนิธิวรางกูร เราจะเปิดโอกาสให้ทุกท่านร่วมประมูลเต้นรำกับคุณเด่นนภา จันทร์วัชรโภคินนางงามคนล่าสุดของปี 2116” พิธีกรกล่าว แล้วให้ประธานขึ้นไปกล่าวเปิดงาน คือ ตรีเทพ ทวีทรัพย์ธาดา
“ช่วงเวลาที่สำคัญมาถึงแล้วนะ ครับเราประมูลเพื่อการกุศลให้กับมูลนิธิองค์กรระหว่างประเทศ ใครประมูลเงินได้สูงสุดผู้นั้นจะได้เต้นรำกับมิสยูนิเวิร์ดคนล่าสุดครับ ผมจะเริ่มประมูลที่ หนึ่งแสนบาท และจะเพิ่มทีละห้าหมื่นบาท” พิธีกรเอ่ยบอก ไม่นานนักมีคนชูป้ายเป็นผู้ชายอายุไม่มากเท่าไหร่
“หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นบาท มีใครให้มากกว่านี้ไหมครับ”
“สองแสนบาท”
“สองแสนห้าหมื่นบาท”
“หนึ่งล้านบาท” เสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นมา ทำให้ผู้คนหันไปจับจ้องเขาคนนั้นในทันที
เธอกลับรู้สึกเสียงนี้คุ้นๆ
“หนึ่งล้านนับหนึ่ง” พิธีกรเริ่มนับตัวเลข
1...2...3...
“หนึ่งล้านนับสอง” พิธีกรเอ่ยเป็นครั้งที่สอง ในห้องจัดเลี้ยงกลับเงียบกริบมาก
“หนึ่งล้านนับสาม ขอเสียงปรบมือให้อัฐพล เตชะวงศ์วรากุลที่ได้ชนะประมูลในครั้งนี้ ขึ้นมาบนเวทีด้วยครับ” เสียงของพิธีกรดังขึ้น ทำให้เธอรู้สึกตกใจจนหน้าซีดเผือด เธอคิดว่าเขาคงไม่มา เพราะเธอกวาดสายตามองหาเขาตั้งแต่เริ่มงานกลับไม่มีเขาอยู่ในห้องจัดเลี้ยงแห่งนี้
ฝีเท้าหนักๆ ก้าวเดินขึ้นมาบนเวทีด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ใด ทำให้เธอจับทางเขาไม่ถูกเหมือนกัน พิธีกรก็ได้ส่งไมโครโฟนให้กับอัฐพลทันที
“ขอบคุณมากเลยนะครับ นายแพทย์ อัฐพล เตชะวงศ์วรากุล การที่คุณหมอช่วยให้เด็กเป็นล้าน และความเป็นอยู่ของพวกเขา” พิธีกรเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม เขาเองก็ยิ้มด้วยเช่นกัน และหันไปมองผู้คนที่อยู่ในห้องประชุม
“สวัสดีทุกท่านครับ ก่อนอื่นผมขอผู้สั้นๆ ว่าเงินที่ผมได้ประมูลไปนั้นผมต้องการที่จะช่วยผู้คนมากมายที่ไม่มีที่อยู่ที่อาศัย ยารักษาโรคแ ละที่สำคัญผมอยากจะช่วยพวกเขาเท่าที่จะช่วยได้ ขอบคุณครับ”
เมื่ออัฐพลพูดจบเสียงปรบมือก็ดังขึ้นทั้งห้องจัดเลี้ยง
“ขอบคุณมากครับคุณหมออัฐพล ที่ขึ้นมากล่าวและประมูลนางงามสาวสวยคนนี้ด้วย เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาขอเชิญ คุณหมออัฐพล เตชะวงศ์วรากุล กับมิสยูนิเวิร์ดเดินไปเปิดฟลอร์เต้นรำด้วยครับ” พิธีกรเอ่ยบอกเช่นนี้ อัฐพลหันไปหาเด่นนภาที่เธอมองมาทางเขาด้วยเช่นกัน มือหนาผายมือตามมารยาท
“ให้เกียรติเต้นรำกับผมสักเพลงนะครับ คุณเด่นนภา” อัฐพลเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม เธอถอนหายใจหนักๆ วางมือเรียวบนมือหนาของเขา เขาพาฉันเดินไปบนฟลอร์เต้นรำกลางลานกว้างที่ทางทีมงานจัดเตรียมเอาไว้ให้
ดนตรีแจ๊ซดังขึ้นมาเป็นจังหวะช้าแต่รู้สึกไพเราะอย่าน่าประหลาดใจ ทำให้เธอนึกถึงฉากแต่งงานของเพื่อนๆ เธอคนแล้วคนเล่าที่เธอไปงานแต่งงานของพวกเขา
“คุณเด่น มือคุณเย็นจังเลย” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มทอดสายตามองมายังเธอที่ดูเต้นรำอย่างงดงามตามจังหวะวอลซ์ แต่เธอกลับรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ของเขาลดใบหน้าเธอ
“ฉันแค่ไม่ได้เต้นรำมานานแล้ว” เธอเอ่ยบอกเขา
“ผมก็เช่นกัน”
เธอนอกจากลมหายใจอุ่นๆ ลดลงที่ใบหน้าเธอด้วยความสูงของเขานั้นสูงกว่าเธอประมาณสิบเซนติเมตร โดยเธอสูงร้อยแปดสิบ เธอยังได้สัมผัสถึงกลิ่นตัวของเขาผสมกับน้ำหอมราคาแพง มันหอมจนเธออยากจะซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขาจริงๆ
นอกจากนี้เธอยังรู้สึกได้ว่า ฮอร์โมนเธอกำลังพลุ่งพล่านอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เธอชอบมือหนาที่สัมผัสเอวกิ่วและมือเรียวของเธอ ยังความใกล้แค่เอื้อมนี้อีก ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกันแน่
“คุณคิดอะไรอยู่ กำลังด่าผมในใจอยู่หรือเปล่า” เขาเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม ทำให้เธอหลุดจากภวังค์ เธอมองมือเรียวของเธอที่เลื่อนมาอยู่ที่อกของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ มันทำให้เธอรู้ว่าอกเขาแน่นแค่ไหน เธอจึงลดมือลงทันที
“เปล่า”
“ผมขอชมคุณได้ไหม” เขาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม แล้วเธอก็หมุนตัว และหมุนวนกลับมาหาเขา
“ชมอะไร” เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัย เมื่อตอนกันวันแทบจะหยุมหัวกันอยู่แล้ว แล้วจะมาชมอะไร
“คุณสวยและเซ็กซี่มากๆ” เขาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณ” เธอเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาด้วยความเขินอาย
ฉันอายเหรอ อายในสิ่งที่เขาพูดเนี่ยนะ
“พรุ่งนี้ไปทานอาหารกลางวันสักมื้อได้ไหม พรุ่งนี้ผมมีเวรเช้า เลิกเที่ยงๆ” เขาเอ่ยถามเธอ
“เนื่องในโอกาสอะไร” เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เนื่องในโอกาสอยากกินข้าวด้วย ผมไม่คิดเรื่องแบบอย่างว่าหรอก” เขาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม
“ฉันไม่ได้คิดเรื่องแบบนั้นสักหน่อย” เธอเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ถือว่าเป็นคำตอบตกลงนะ แล้วผมจะบอกร้านอีกที” เขาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม ขณะที่บทเพลงจบลง เขาก้มโค้งให้ฉัน ฉันย่อตัวให้เขา
“ฉันยังไม่ได้ตอบตกลงเลยนะ” เธอเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“พรุ่งนี้เจอกัน” เขาบอกด้วยรอยยิ้ม