บทที่ 7
บนเตียงขนาดใหญ่ภายในคอนโดหรูปรากฏสองร่างเปลือยเปล่ากำลังโรมรันพันตูกันอย่างเร่าร้อน แม้ภายในห้องจะเปิดแอร์เย็นฉ่ำแต่ไม่อาจดับความร้อนแรงของพายุรักระหว่างตติยะและดาราสาวได้เลยแม้แต่น้อย เรือนร่างกำยำสมชายชาตรีซวนซบลงกับอกอวบล้นของดาราสาวอย่างหมดแรงเมื่อบทรักอันยาวนานจบลง
“คืนนี้คุณเต้ค้างกับมีนนะคะ” มินตราดาราสาวดาวรุ่งออดอ้อนตติยะด้วยน้ำเสียงฉอเลาะอย่างที่เคยใช้ได้ผลเสมอ
“มันก็ขึ้นอยู่กับว่ามีอะไรน่าสนใจให้ผมอยู่ต่อหรือเปล่า” ตติยะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์พร้อมกับที่ฝ่ามือร้อนๆลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างอวบอิ่ม ได้ยินดังนั้นมินตราจึงผลักเรือนร่างกำยำที่อุดมไปด้วยมัดกล้ามของตติยะลงกับที่นอนแล้วเป็นฝ่ายนั่งคร่อมเขาเอาไว้ซะเอง ก่อนจะก้มลงกระซิบชิดริมหูของเขาเบาๆ
“มีแน่ๆค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าคุณเต้จะรับไหวหรือเปล่า” จบคำพูดดาราสาวก็หัวเราะคิกคักออกมาอย่างชอบใจ
“อืม...ช่วงนี้หมอบอกว่าผมขาดแคลเซียมให้ดื่มนมเยอะๆ”
“เหรอคะ เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงมีนมี ‘นม’ ให้คุณเต้ดื่มอย่างเหลือเฟือ รับรองร่างกายแข็งแรงกระชุ่มกระชวยแน่ๆค่ะ” มินตราใช้ฝ่ามือประคองศีรษะตติยะขึ้นจากหมอนมาซบลงกับอกภูเขาไฟของเธอ ซึ่งเขาก็อ้าปากดื่ม ‘นม’ จากเต้าราวทารกที่หิวกระหาย ดาราสาวครางออกมาด้วยความเสียวซ่านเมื่อถูกชายหนุ่มกลืนกินอกอวบอย่างไม่รู้จักพอ เนิ่นนานหลังจากนั้นกว่าตติยะจะถอนริมฝีปากออกจากสองเต้าเต่ง จมูกโด่งๆหันไปซุกไซร้ซอกคอขาวเนียนอย่างมัวเมาในรสพิศวาส มินตราดันใบหน้าหล่อเหลาออกจากซอกคอก่อนจะสบตาเขาอย่างยั่วเย้า
“เติมแคลเซียมพอแล้วใช่ไหมคะ ทีนี้คุณเต้ต้องช่วยมีนนะคะ ช่วงนี้มีนทำงานหนักหมอบอกให้ฉีดยาบำรุง ร่างกายจะได้กระปรี้กระเป่าคุณเต้ช่วย ‘ฉีดยา’ ให้มีนได้หรือเปล่าคะ” มินตราสบตาคมเข้มของเขาอย่างยั่วยวนถึงตอนนี้ตติยะหมดสิ้นความอดทนในทันทีเขาพลิกกายขึ้นทาบทับดาราสาว
“ได้สิจ๊ะทูนหัว เดี๋ยวผมจะฉีดยาขนานวิเศษรับรองว่าคุณจะมีแรงทำงานไปอีกหลายวัน” โดยที่ดาราสาวไม่ทันตั้งตัวตติยะก็สอดประสายกายรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเธอและเริ่มต้น ‘ฉีดยา’ ด้วยความเร่าร้อนดุดันจนเสียงครางดังระงมไปทั่วห้อง อีกนานหลังจากนั้นกว่าคุณหมอตติยะจะฉีดยาคนไข้สาวเรียบร้อยและหลับสลบไสลไปด้วยกัน มินตราปรือตามองเรือนร่างสูงใหญ่ที่กำลังแต่งตัวอยู่ข้างๆเตียง
“จะไปแล้วเหรอคะ” ดาราสาวถามด้วยน้ำเสียงงัวเงีย
“จ้ะ เช้านี้ผมมีงาน” ตติยะนั่งลงที่ขอบเตียงก่อนจะก้มลงจุมพิตหน้าผากเนียนเบาๆ
“ว้า เสียดายจังคิดว่าวันนี้คุณจะอยู่กับมีนซะอีก”
“อย่างอแงสิครับคนสวยเอาไว้ผมจะโทรหานะ แล้วนี่รางวัลที่ช่วยเติม ‘แคลเซียม’ ให้ผมเมื่อคืนนี้” ตติยะยื่นเช็คให้ดาราสาว มินตรายื่นมือมารับพร้อมกับลุกขึ้นหอมแก้มเขาทั้งสองข้างอย่างถูกใจเมื่อเห็นตัวเลขในเช็คใบนั้น
“มีนจะรอนะคะ”
“แล้วเจอกันครับ” ตติยะเดินออกจากห้องไป มินตราจึงล้มตัวลงบนที่นอนอีกครั้งก่อนจะหยิบเช็คมาดูพร้อมยิ้มด้วยความพอใจ ฝ่ามือเรียวสวยลูบไล้ไปบนเตียงซึ่งยังปรากฎร่องรอยของมรสุมรักอันดุเดือดระหว่างเขาและเธออย่างชัดเจน ตติยะเป็นผู้ชายในฝันของผู้หญิงหลายๆคนรวมทั้งเธอด้วย ก่อนหน้าที่จะได้รู้จักเขาเธอได้ยินเพื่อนๆในวงการที่เคยเป็นคู่ควงของเขาต่างเอ่ยชมในลีลารักอันเร่าร้อน การเทคแคร์ดูแลผู้หญิงที่เขาให้ความสนใจเป็นอย่างดีและความใจป้ำที่เขาจะเปย์ไม่อั้นให้กับคนที่ถูกใจซึ่งเธอได้พิสูจน์แล้วว่ามันเป็นจริงตามคำร่ำลือทุกประการ
เธอและเขาพบกันในงานสังคมงานหนึ่งซึ่งเพียงแค่เขาแสดงท่าทีว่าสนใจในตัวเธอมินตราก็ไม่รอช้าที่จะตอบสนองไมตรีจิตที่ตติยะยื่นมาให้ ในที่สุดเพียงไม่กี่วันที่ได้ทำความรู้จักกันเขาและเธอก็จบลงที่เตียงแห่งนี้และยังคงดำเนินความสัมพันธ์กันมาตลอดเป็นเวลาหลายเดือน ซึ่งเธอเป็นผู้ทำลายสถิติในการเป็นคู่ควงที่ตติยะคบหานานที่สุดต่างจากคนอื่นๆที่เพียงแค่ไม่กี่อาทิตย์ก็โบกมือลา มินตรารู้ดีว่าเป็นเพราะเธอฉลาดพอที่จะไม่แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของไม่เคยตามจิกหรือเรียกร้องอะไรจากเขาจนเกินพอดีด้วยเหตุนี้จึงทำให้ตติยะยังคงคบหากับเธออยู่ แค่นี้ก็นับว่าดีมากแล้วเพราะการตกเป็นข่าวกับไฮโซชื่อดังอย่างเขาทำให้เธอพลอยเป็นที่สนใจไปด้วย และนั่นก็นำมาซึ่งงานต่างๆที่หลั่งไหลเข้ามาหาทั้ง ถ่ายแบบ อีเว้นท์ ทำรายได้ให้กับเธอมากโขยังไม่รวมกับค่าขนมที่ตติยะให้เธอในแต่ละครั้งที่พบกัน
เธอได้แต่หวังว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอจะดำเนินแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆลึกๆเธอก็แอบหวังว่าจะได้ครองคู่ในฐานะภรรยาของเขาตลอดไป แต่มินตรารู้ดีว่ามันไม่ง่ายอย่างนั้นเพราะทราบว่าคุณหญิงช่อทิพย์มารดาของตติยะเป็นคนเจ้ายศเจ้าอย่างเพียงใด เรื่องของอนาคตเธอก็จะปล่อยให้มันเป็นไปตามฟ้ากำหนดแต่ตอนนี้เธอขอกอบโกยความสุขและเงินให้มากที่สุดก็พอ
เจนิตาแต่งตัวเตรียมไปทำงานหลังจากที่อาการป่วยหายดีแล้ว เธอไม่อยากหยุดนานๆเพราะเกรงใจเจ๊หงส์ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เคยลาหยุดเลยก็ตาม วันนี้หญิงสาวออกจากบ้านเร็วกว่าทุกวันเพราะต้องการนำเงินที่ตติยะออกค่ารักษาพยาบาลให้เธอไปให้แม่ใหญ่เก็บไว้ใช้จ่ายภายในบ้านเติมรักเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระอีกแรง เธอคิดเสมอว่าทุกคนคือครอบครัวสิ่งไหนช่วยได้เธอก็ยินดีจะช่วยเต็มที่
“อ้าวหนูเจน หายดีแล้วเหรอ” ลุงยามเอ่ยทักเมื่อเห็นเจนิตาเดินลงมาในชุดพร้อมไปทำงาน
“หายดีแล้วค่ะลุง”
“เอ้า นี่กุญแจรถที่มีคนมาฝากไว้ให้หนู”
“ขอบคุณค่ะลุง เดี๋ยวเจนไปก่อนนะคะ” เจนิตาเดินตรงไปยังมอเตอร์ไซค์คันโปรดก่อนจะลูบเบาๆไปรอบตัวรถเหมือนจะสำรวจหาร่องรอยความเสียหาย
“ยังเหมือนเดิมไม่มีอะไรบุบสลาย ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะไอ้เจ๋งลูกแม่” เจนิตาพูดคุยกับมอเตอร์ไซค์คู่กายเหมือนดั่งว่ามันมีชีวิต ร่างสูงโปร่งในชุดกางเกงยีนส์รองเท้าผ้าใบทะมัดทะแมงคว้าหมวกกันน็อคมาสวมก่อนจะซิ่งมอเตอร์ไซค์ออกสู่ถนนมุ่งหน้าไปยังบ้านเติมรักเพื่อเยี่ยมเยียนน้องๆและแม่ใหญ่ของเธอ เหมือนดังเช่นทุกครั้งเมื่อเด็กๆเห็นว่าเจนิตามาเยี่ยมก็พากันกรูเข้ามาทักทายอย่างคิดถึงก่อนจะแยกย้ายไปวิ่งเล่นตามประสา เจนิตาเดินเข้าไปภายในส่วนออฟฟิศก็พอดีเจอเข้ากับบัวบูชาลูกสาวคนเดียวของแม่ใหญ่ที่เดินออกมาด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน
“พี่บัว สวัสดีค่ะ” เจนิตายกมือไหว้หญิงสาวที่มีอายุมากกว่าแต่นอกจากจะไม่รับไหว้แล้วหญิงสาวรุ่นพี่ยังเชิดใส่เธออีกต่างหาก เจนิตาถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจกับพฤติกรรมของหญิงสาวรุ่นพี่คนนี้ บัวบูชาเป็นหญิงสาวรูปร่างหน้าตาดีซึ่งตรงข้ามกับนิสัยโดยสิ้นเชิง หญิงสาวมีนิสัยเอาแต่ใจและมักพูดจาถากถางเธอและเด็กๆในบ้านเติมรักเสมอเพราะเธอไม่เห็นด้วยที่ผู้เป็นแม่รับเด็กกำพร้าเหล่านี้มาเลี้ยง เพราะคิดว่าเป็นภาระแล้วเงินรายได้ของแม่ใหญ่ที่ควรจะเป็นของเธอกลับถูกนำมาใช้จ่ายในการเลี้ยงดูเด็กๆผู้น่าสงสารทำให้บัวบูชาเป็นไม้เบื่อไม้เมากับเธอและเด็กๆเสมอมา
แม่ใหญ่จึงตัดปัญหาโดยการยกทาวน์เฮาส์ย่านใจกลางเมืองให้บัวบูชาย้ายไปอยู่ที่นั่น แต่เธอมักได้ข่าวเสมอๆว่าบัวบูชาไม่เคยทำงานเป็นชิ้นเป็นอันนอกจากคอยรับเงินส่วนแบ่งจากค่าเช่าห้องแถวของแม่ใหญ่และเปลี่ยนผู้ชายไม่ซ้ำหน้า ล่าสุดเห็นว่าไปยุ่งกับผู้ชายที่มีลูกมีเมียแล้วจึงถูกเมียหลวงเล่นงานจนแทบแย่ทำให้บัวบูชาเพลาๆเรื่องผู้ชายไปพักใหญ่
“พี่บัวมาทำอะไรคะ” เจนิตาพยายามชวนคุยอย่างเป็นมิตร แต่กลับได้รับสายตาขุ่นขวางเป็นการตอบแทน
“ที่นี่มันบ้านฉัน ฉันพอใจจะมาก็มาทำไมจะต้องรายงานแกด้วยฮะ”
“เจนก็แค่ถามดูเฉยๆ”
“ไม่ต้องมาถาม ฉันไม่อยากคุยกับเด็กกาฝากอย่างแก” พูดจบหญิงสาวเจ้าของร่างสะโอดสะองก็สะบัดก้นจากไปทันที เจนิตาส่ายหน้าแล้วเดินเข้าไปในครัวเจอกับป้านิดที่กำลังเตรียมวัตถุดิบสำหรับทำอาหารมื้อเย็นให้เด็กๆจึงเข้าไปกอดด้วยความสนิทสนม
“อ้าว มายังไงลูกวันนี้ไม่ทำงานเหรอ” ป้านิดเอ่ยถามเจนิตาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ทำค่ะแต่เจนแวะมาที่นี่ก่อน ไม่ได้มาหลายวันคิดถึงน้องๆ แม่ใหญ่ และป้านิด”
“ปากหวานจริงเชียว แต่แม่ใหญ่ไม่อยู่หรอกนะ”
“อ้าว แม่ใหญ่ไปไหนเหรอคะ”
“ออกไปธุระแถวๆนี้แหละลูก เจนมีอะไรฝากป้าไว้ก็ได้นะเดี๋ยวป้าจะบอกแม่ใหญ่ให้”
“เจนเอาเงินมาให้ค่ะมีคนเขาฝากบริจาคมา”
“เหรอลูก ดีจังเลยป้าฝากไปขอบคุณเขาด้วยนะ นี่ถ้าไม่มีคนใจบุญแบบนี้คอยช่วยบริจาคอยู่เรื่อยๆเด็กๆคงจะมีความเป็นอยู่ที่แย่กว่านี้” เจนิตายิ้มรับแต่ไม่ได้กล่าวว่าอะไร เธอคิดว่าคงไม่มีประโยชน์ที่จะบอกป้านิดว่าเธอและเจ้าของเงินไม่กินเส้นกันแค่ไหน อีกอย่างเธอไม่อยากบอกถึงที่มาของเงินให้ทุกคนต้องเป็นห่วง
“ป้าคะ เมื่อกี้เจนเจอพี่บัวด้วยท่าทางรีบร้อน”
“เอ๊ะ หนูบัวเขามาเหรอป้าไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
“อ้าว พี่บัวเขาไม่ได้เข้ามาทักป้าหรอกหรือคะ เจนเห็นเขาเดินออกมาจากส่วนออฟฟิศ”
“ช่างเขาเถอะ หนูบัวเขาก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร น่าแปลกนะแม่กับลูกมีนิสัยต่างกันลิบลับถ้าหนูบัวเขาดีได้ครึ่งของแม่ใหญ่ก็คงจะดี มาครั้งนี้ก็คงไม่แคล้วมาขอเงินอย่างทุกครั้งนั่นแหละ ตอนนี้ได้ข่าวว่ามีผู้ชายคนใหม่มาติดพันอีกแล้วป้าล่ะสงสารแม่ใหญ่มีลูกแบบนี้ช้ำใจจนตาย สู้หนูเจนก็ไม่ได้ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขกลับกตัญญูรู้คุณกว่าลูกในไส้เสียอีก” ป้านิดวิจารณ์บัวบูชาเพราะอยู่บ้านเติมรักมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง ทำให้นางรู้ตื้นลึกหนาบางทุกอย่างภายในบ้านหลังนี้เป็นอย่างดี เจนิตาได้แต่รับฟังเพราะเธอถือว่ายังไงซะบัวบูชาก็เป็นลูกสาวของผู้มีพระคุณเธอจึงต้องให้ความเคารพไม่ต่างจากแม่ใหญ่
“เจนต้องไปแล้วล่ะค่ะป้า ยังไงเจนฝากซองนี้ไว้ให้แม่ใหญ่ด้วยนะคะไว้ว่างๆเจนจะแวะมาใหม่” เจนิตายื่นซองบรรจุธนบัตรหลายใบให้ป้านิดก่อนจะขอตัวกลับเพื่อไปทำงาน
“จ้า ขับรถดีๆนะลูก” ป้านิดมองตามเจนิตาไปจนลับสายตาด้วยความชื่นชม จากเด็กกำพร้าที่ถูกนำมาทิ้งไว้ริมรั้วบ้านที่แม่ใหญ่และนางช่วยกันเลี้ยงดู มาวันนี้หญิงสาวเติบโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวและไม่เคยทิ้งบ้านแห่งนี้ไปไหนยังคงแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนและช่วยแบ่งเบาภาระเท่าที่จะทำได้นางภูมิใจในตัวเจนิตาเหลือเกิน
ร่างบางเดินเข้ามาภายในคลับและทักทายกับเพื่อนๆที่ต่างเข้ามาสอบถามด้วยความห่วงใยเมื่อรู้ว่าเธอลาป่วยไปหลายวัน
“หายดีแล้วเหรอพี่” เก่ง เด็กเสิร์ฟรุ่นน้องที่สนิทสนมกับเธอเป็นอย่างดีเอ่ยทัก
“จ้ะ พี่อยากกลับมาทำงานจะแย่คิดถึงเพื่อนๆทุกคน”
“พี่ไม่อยู่แขกถามหาพี่กันใหญ่ กลับมาก็ดีเหมือนกันผมจะได้ไม่ต้องคอยตอบคำถามแฟนคลับพี่” หนุ่มรุ่นน้องแอบแซว
“แหม แฟนคลับอะไรกันเก่งพี่ไม่ใช่ดาราซะหน่อย”
“จริงๆนะพี่ ลูกค้าถามหาพี่กันหลายคนเลย โดยเฉพาะแฟนคลับสูงวัยฮ่าๆๆ”
“เ*******ูน่ะสิไม่ว่า ไม่เป็นไรพี่พักหลายวันตอนนี้พี่พร้อมสู้รบปรบมือกับพวกหัวงูทั้งหลายแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นเราไปเตรียมตัวกันเถอะพี่ วันนี้วันศุกร์คนเพียบอีกตามเคย” แล้วทั้งสองคนก็แยกย้ายกันไปเตรียมทำหน้าที่ของตัวเอง ก่อนคลับเปิดเจ๊หงส์เรียกเธอไปพบเพื่อสอบถามถึงอาการป่วยเนื่องจากตั้งแต่ทำงานมาเจนิตาไม่เคยลางานเลยสักครั้ง เมื่อเธอลาป่วยหลายวันติดๆกันเจ๊หงส์จึงเรียกไปสอบถามด้วยความเป็นห่วงทำให้เจนิตารู้สึกปลาบปลื้มในความใจดีมีเมตตาของเจ๊หงส์เป็นอย่างมาก เธอโชคดีเหลือเกินที่ได้มาทำงานกับเจ้านายดีๆแบบนี้
“พี่เจนอันนี้ของห้องวีไอพีโซนหนึ่งค่ะ” บาร์เทนเดอร์สาวส่งถาดเครื่องดื่มให้เจนิตาพร้อมแจ้งพิกัดโต๊ะที่ต้องไปเสิร์ฟ หญิงสาวรับถาดมาถือไว้และเดินขึ้นบันไดไปอย่างชำนาญ ห้องวีไอพีจะอยู่บริเวณชั้นบนสำหรับแขกที่ต้องการความเป็นส่วนตัวซึ่งเป็นที่นิยมของเหล่าบรรดาคนมีชื่อเสียงและดารานักแสดง เจนิตาเปิดประตูก้าวเข้ามาภายในห้องที่มีแสงสลัวๆพร้อมเสียงเพลงคลอเบาๆสร้างความโรแมนติกผ่อนคลายให้กับผู้มาใช้บริการ
เจนิตาส่ายหน้าให้กับภาพที่เห็น ชายหนุ่มหญิงสาวที่กำลังนัวเนียกันอยู่บนโซฟาเสื้อผ้าน้อยชิ้นที่ฝ่ายหญิงสวมใส่แทบจะถูกถอดทิ้งอยู่รอมร่อกับฝ่ายชายที่กำลังซุกไซร้อยู่กับซอกคอฝ่ายหญิงโดยไม่สนใจเลยว่ามีบุคคลที่สามอยู่ในห้องด้วยในขณะนี้ เมื่อเห็นหน้าชัดๆเจนิตาก็ถึงบางอ้อ ‘แม่ดาราแอ๊บแบ๊ว’ แต่ฝ่ายชายนั้นเธอยังไม่เห็นหน้า เจนิตารีบวางเครื่องดื่มลงบนโต๊ะก่อนจะถอยหลังเตรียมก้าวออกจากห้องแต่ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงหวานๆเอ่ยประท้วงฝ่ายชาย
“คุณเต้พอก่อนสิคะ เราไม่ได้อยู่กันสองคนนะ” เจนิตาจึงได้รู้ว่าฝ่ายชายที่หื่นไม่แคร์โลกคือตติยะนั่นเอง
“คุณเจน” ร่างสูงขยับออกห่างดาราสาวโดยอัตโนมัติซึ่งเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องทำแบบนั้น
“ขอโทษด้วยนะคะที่มาขัดจังหวะ พอดีดิฉันเอาเครื่องดื่มมาเสิร์ฟน่ะค่ะขอตัวนะคะ” ตติยะมองตามร่างบางที่เดินออกจากห้องไป
“เห็นไหมคะ มีนบอกแล้วว่าอย่าทำแบบนี้คุณเต้ก็ไม่เชื่อ แล้วแม่เด็กเสิร์ฟนั่นจะเอาเรื่องมีนไปเม้าท์หรือเปล่าก็ไม่รู้ถ้าเป็นข่าวต้องแย่แน่ๆ” นางเอกสาวกล่าวอย่างกังวลเพราะภาพลักษณ์ของเธอต่อสาธารณชนคือนางเอกสาวเรียบร้อย อ่อนหวาน ต่างจากตัวจริงอย่างเทียบไม่ได้
“ถ้ามีนกลัวขนาดนั้นเรากลับกันก็ได้นะ และก็ไม่ต้องเจอกันสักพักจะได้ไม่ต้องเป็นข่าวไง” ตติยะพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด นางเอกสาวจึงรู้สึกตัวว่าเธอพลาดเสียแล้วตติยะไม่ชอบให้ใครขัดใจเธอลืมข้อนี้ไปได้อย่างไรกัน
“เอ่อ...มีนขอโทษค่ะ มีนก็แค่กลัวว่าเขาจะเอาเราไปนินทาในทางที่ไม่ดีแล้วจะมีข่าวเสื่อมเสียน่ะค่ะ แต่มีนไม่ได้อยากห่างจากคุณเต้สักหน่อย อย่าโกรธมีนเลยนะคะ นะ” นางเอกสาวเบียดร่างอวบอิ่มเข้าหาอย่างออดอ้อนและมันก็ได้ผลเหมือนทุกครั้ง ตติยะลืมเรื่องขุ่นข้องหมองใจไปทันทีและหันมาสนใจเรือนร่างเย้ายวนในอ้อมแขนแทน ถึงตอนนี้มินตราไม่ขัดขืนปัดป้องอีกแล้วเขาอยากจะสัมผัสไปถึงต่อไหนเธอก็อำนวยความสะดวกให้เขาเป็นอย่างดี เจนิตากระแทกถาดลงบนเคาน์เตอร์อย่างไม่สบอารมณ์
“เป็นอะไรคะพี่เจน เจอลูกค้าชีกออีกแล้วเหรอ” บาร์เทนเดอร์สาวสวยเอ่ยถามเพราะเจนิตาจะมีอาการหงุดหงิดทุกครั้งที่เจอลูกค้าแทะโลม
“เปล่าหรอก แต่เบื่อลูกค้าหื่นกามไม่เลือกที่” เจนิตาตอบด้วยหน้าตาบึ้งตึง
“ช่างเถอะ เดี๋ยวพี่มานะไปเข้าห้องน้ำสักครู่”