=pc=บทที่ 10
ในที่สุดสิ่งที่เจนิตาและแม่ใหญ่กังวลก็เกิดขึ้นจริงๆแค่ระยะเวลาสองเดือนที่โฉนดที่ดินหายไปเสี่ยซ้งก็มาเยือนถึงบ้านเติมรัก
“เสี่ยมาที่นี่มีธุระอะไรเหรอคะ ถ้าจะมาด้วยเรื่องเดิมคือขอซื้อที่ดินดิฉันยืนยันคำเดิมค่ะว่าไม่ขาย”
“แหมคุณแม่ใหญ่อย่าเพิ่งมั่นใจอย่างนั้นสิครับ วันนี้ผมไม่ได้มาขอซื้อที่ดินหรอกนะเพราะอีกไม่นานที่ตรงนี้ก็ต้องเป็นของผมอยู่แล้ว” เสี่ยซ้งกล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นต่อ
“เสี่ยหมายความว่ายังไง” แม่ใหญ่ถามด้วยใจคอไม่ดีนัก
“อันนี้ก็ต้องขอบคุณหนูบัวลูกสาวแม่ใหญ่นะที่ทำให้ความฝันของผมเป็นจริงเร็วขึ้น” ได้ยินดังนั้นแม่ใหญ่ก็ถึงกับหน้าถอดสีเพราะมันเป็นสิ่งที่นางแอบกลัวมาโดยตลอด
“ทำหน้าแบบนี้แสดงว่ารู้แล้วสินะครับว่าลูกสาวของแม่ใหญ่เอาโฉนดมาขายฝากไว้กับผมด้วยเงินจำนวนหนึ่งถ้าภายในสามเดือนไม่สามารถหาเงินมาไถ่ถอนได้ที่ดินตรงนี้ก็ต้องตกเป็นของผมตามสัญญา”
“เท่าไหร่” แม่ใหญ่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“สิบล้าน”
“อะไรนะ” แม่ใหญ่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก
“แม่ใหญ่ได้ยินไม่ผิดหรอก หนูบัวเอาโฉนดมาขายฝากด้วยจำนวนเงินสิบล้านบาทและนี่ก็เหลือเวลาอีกหนึ่งเดือนเท่านั้น ถ้าหนูบัวเขาไม่นำเงินมาไถ่ถอนแม่ใหญ่และเด็กๆก็เตรียมตัวหาที่อยู่ใหม่ได้เลยที่ผมมาวันนี้ก็แค่จะแวะมาบอกให้เตรียมตัวเท่านั้นเอง ผมขอตัวกลับก่อนนะครับแม่ใหญ่” เสี่ยซ้งเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยและเดินออกจากออฟฟิศไป
เมื่อร่างของเสี่ยซ้งพ้นออกไปจากออฟฟิศแม่ใหญ่ก็ปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น ในที่สุดสิ่งที่เธอกลัวมาตลอดตั้งแต่วันนั้นก็เป็นจริง นางมองไปยังเด็กๆที่กำลังวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนานโดยไม่รู้เลยว่าอีกไม่นานที่ที่เปรียบเสมือนบ้านแห่งนี้จะต้องตกไปอยู่ในมือของคนอื่นแล้วชีวิตน้อยๆไร้เดียงสาอีกยี่สิบชีวิตจะต้องไร้ที่อยู่ แม่ใหญ่ปล่อยให้น้ำตาหลั่งรินออกมาด้วยความเจ็บปวด เพราะเธอมองไม่เห็นหนทางที่จะหาเงินสิบล้านไปไถ่ถอนที่ดินคืนมาได้ภายในหนึ่งเดือนตามที่เสี่ยงซ้งกำหนด นางเอื้อมมืออันสั่นเทาไปหยิบรูปสามีผู้ลาลับที่ตั้งไว้บนโต๊ะมากอดแนบอก
“ฉันคงรักษาสมบัติของตระกูลเอาไว้ไม่ได้แล้วล่ะค่ะคุณ ที่ดินอันเป็นมรดกตกทอดตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายายต้องมาสูญสิ้นตกไปอยู่ในเงื้อมมือของคนอื่นภายใต้การดูแลของฉัน ทำไมลูกถึงทำกับฉันได้ลงคอคะคุณ ทำไมลูกถึงทำได้ลงคอ” แม่ใหญ่ร้องไห้ปริ่มว่าจะขาดใจ
เจนิตารับฟังข่าวร้ายด้วยอาการนิ่งสงบไม่ใช่ว่าเธอไม่ตกใจแต่เธอกำลังช็อคจนพูดไม่ออก เหลือเวลาอีกแค่หนึ่งเดือนจะไปหาเงินตั้งมากมายแบบนั้นได้จากที่ไหน อย่าว่าแต่หนึ่งเดือนเลยต่อให้เหลือเวลาอีกหนึ่งปีก็คงไม่ทันอยู่ดี เธอมองแม่ใหญ่ที่ร้องไห้จนตาบวมกับป้านิดที่นั่งเช็ดน้ำตาอยู่ข้างๆ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆและมันก็เกินความสามารถที่เธอจะช่วยเหลือแม่ใหญ่ได้จริงๆ ถ้าหากที่ดินตรงนี้ถูกยึดแล้วน้องๆอีกยี่สิบชีวิตจะไปอยู่ที่ไหน เธอรักที่นี่เหมือนบ้านและเด็กๆเหล่านั้นก็เปรียบเสมือนน้องน้อยของเธอ เพราะนี่คือครอบครัวใหญ่ที่เธอต้องมีส่วนร่วมช่วยดูแลเหมือนที่แม่ใหญ่ทำกับเธอมาตั้งแต่เล็กจนโต นึกมาถึงตรงนี้เจนิตาก็รู้สึกเกลีดบัวบูชาจับใจผู้หญิงคนนั้นช่างใจจืดใจดำและเห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจ เพื่อความสบายของตัวเองถึงกับยอมเอาสมบัติของตระกูลไปแลกเงิน ซ้ำร้ายกว่านั้นยังเอาเงินไปปรนเปรอผู้ชายโดยไม่สนใจความเดือดร้อนของแม่บังเกิดเกล้าเลยสักนิด
“เจนจะไปคุยกับพี่บัวให้รู้เรื่องเองค่ะแม่ใหญ่ เงินตั้งมากมายขนาดนั้นพี่บัวคงยังใช้ไม่หมดเจนว่าเราช่วยกันพูดให้พี่บัวเอาเงินที่เหลือไปคืนเสี่ยซ้ง แล้วก็ผัดผ่อนไปก่อนเพื่อทยอยหาส่วนที่เหลือไปไถ่โฉนดคืนมา” เจนิตาพยายามหาทางออกแม้จะรู้ดีว่ามีความหวังน้อยเหลือเกิน แม่ใหญ่ส่ายหน้าและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
“ไม่มีประโยชน์แม่รู้จักบัวบูชาดีดังคำโบราณท่านว่าอ้อยเข้าปากช้างนั่นแหละเจน มันคงเป็นกรรมของแม่ สงสารก็แต่เด็กๆแม่ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะทำยังไง บัวเขาไม่น่าทำแบบนี้เลยจริงๆในเมื่อแม่เองก็ยกที่ตรงนี้ให้เป็นของเขาอยู่แล้วแค่รอเวลาที่เขาพร้อมที่จะดูแลสมบัติของตระกูลได้แม่ก็จะยกให้ แม่เสียดายเหลือเกินเจนที่ดินตรงนี้มูลค่าเป็นร้อยล้านทั้งๆที่มีคนมากมายพยายามขอซื้อให้ราคาสูงกว่านี้ก็มากแต่แม่ไม่ยอมขายเพราะต้องการใช้เป็นที่พักพิงให้แก่เด็กๆจนเขาโตพอที่จะออกไปเผชิญโลกกว้าง และเมื่อบ้านเติมรักปิดตัวลงเมื่อถึงเวลาแม่ก็จะยกให้บัวเขาแต่นี่แม่กลับต้องเสียไปให้คนอื่นในราคาแค่สิบล้านเท่านั้นเอง คิดแล้วมันเจ็บปวดเหลือเกิน” พูดจบแม่ใหญ่ก็ร้องไห้ออกมาอีกครั้ง เจนิตาเข้าไปกอดเพื่อปลอบประโลมสุดท้ายก็กลายเป็นสามคนกอดกันร้องไห้ด้วยความเสียใจปนเจ็บปวด
เจนิตาตัดสินใจไปหาบัวบูชาอีกครั้งเผื่อว่าผู้หญิงคนนั้นจะคิดได้และนำเงินมาช่วยแก้ปัญหาที่ตัวเองเป็นคนก่อไว้ ตติยะมองไปด้านข้างระหว่างที่รถของเขากำลังจอดติดไฟแดงแล้วเขาก็ต้องเพ่งมองมอเตอร์ไซค์ด้านข้างอย่างแปลกใจ
“เจอกันอีกแล้วยัยเด็กแว๊นขาโหดโลกกลมจริงๆ” เพราะเส้นทางจากบ้านของเขาไปบริษัทจะต้องผ่านย่านที่พักของเจนิตาทำให้วันนี้เขามีโอกาสได้เจอเธอจอดรถอยู่ข้างๆด้วยความบังเอิญ
“จะไปไหนของเขานะ” ตติยะถามตัวเองด้วยความสงสัยเมื่อเห็นว่าเส้นทางที่เจนิตาไปไม่ใช่ถนนที่มุ่งหน้าสู่ที่ทำงานของเธอ และด้วยความนึกสนุกตติยะจึงตัดสินใจขับรถตามเธอไปเงียบๆเพราะขณะนี้เป็นเวลาเลิกงานของเขาพอดี
“มาหากิ๊กหรือไงนะ” ตติยะคิดเมื่อเห็นเจนิตาเลี้ยวมอเตอร์ไซค์เข้ามาในซอยอันเป็นที่ตั้งของทาวน์เฮาส์หรูหราซึ่งเป็นซอยของผู้มีอันจะกินอาศัยอยู่ เมื่อเห็นเจนิตาจอดรถที่หน้าทาวน์เฮาส์หลังหนึ่งตติยะจึงชะลอรถยุโรปของเขาเข้าจอดริมกำแพงและนั่งสังเกตการณ์อยู่ในรถ
“นี่เราหัดเป็นพวกถ้ำมองตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย” ตติยะนึกในใจอย่างสงสัยตัวเองที่ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน เขาเห็นหญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่งออกมาเปิดประตูให้เจนิตาแต่หญิงสาวไม่ได้เดินเข้าไปภายในบ้าน
“แกมาทำไมอีกนังเจน ที่นี่ไม่ต้อนรับแก” บัวบูชาเปิดฉากต่อว่าทันทีที่เห็นว่าใครคือแขกผู้มาเยือน
“เจนก็ไม่อยากมานักหรอกค่ะ ถ้าพี่บัวไม่ก่อเรื่องเอาไว้” นาทีนี้เจนิตาหมดความอดทนกับผู้หญิงตรงหน้าเสียแล้วความเคารพยำเกรงที่มีให้ก่อนหน้านี้ก็พลอยเลือนหายไปด้วยกับสิ่งที่บัวบูชาทำ
“ฉันทำอะไรแกพูดให้ดีๆนะ”
“วันนี้เสี่ยซ้งมาที่บ้านเติมรักเพื่อบอกให้แม่ใหญ่และเด็กๆเตรียมตัวย้ายออกไปอยู่ที่อื่นถ้าพี่หาเงินสิบล้านไปไถ่โฉนดคืนภายในเดือนหน้าไม่ได้” บัวบูชาหน้าถอดสีเมื่อได้ยินดังนั้น เพราะเธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเสี่ยซ้งกำหนดเวลาในการไถ่ถอนโฉนดคืนไว้ด้วยเพราะเธอเซ็นสัญญาโดยไม่ได้อ่านอะไรเลย
“พี่บัวรู้หรือเปล่าว่าที่ดินตรงนั้นมีมูลค่าเป็นร้อยล้าน แต่พี่กลับเอาไปประเคนให้คนอื่นในราคาแค่สิบล้านอย่างนี้ไม่เรียกว่าโง่แล้วจะเรียกว่าอะไร” เจนิตาต่อว่าอย่างเหลืออด
“แก...แก ว่าอะไรนะนังเจนที่ดินตรงนั้นมีมูลค่าเป็นร้อยล้านอย่างนั้นเหรอ”
“ใช่ ที่ดินที่ในอนาคตจะเป็นสมบัติของพี่และมีมูลค่าเป็นร้อยล้านแต่ตอนนี้พี่กลับเอาไปประเคนให้คนอื่นไปเรียบร้อยแล้ว พี่บัวกำลังจะทำให้แม่บังเกิดเกล้าต้องไร้ที่อยู่รู้ตัวบ้างไหมว่าสิ่งที่พี่บัวทำมันเลวร้ายแค่ไหน” บัวบูชาไม่ทันได้ตอบโต้เพราะกำลังตกตะลึงกับมูลค่าของทรัพย์สินที่เธอเอาไปขายฝากกับเสี่ยซ้ง
“เอะอะอะไรกันน่ะบัว” เมษาเดินออกมาดูเมื่อได้ยินเสียงโวยวายดังไปถึงในบ้าน
“ไม่มีอะไรหรอกพี่เมษ”
“นี่น่ะเหรอผู้ชายคนใหม่ที่พี่บัวถึงกับขโมยสมบัติของแม่มาขายเพื่อปรนเปรอเขา”
“เฮ้ย...พูดแบบนี้ก็สวยสิวะ”
“แล้วแกจะทำไม หรือว่าที่ฉันพูดมันไม่จริง ติดการพนันจนต้องให้ผู้หญิงเอาสมบัติมาขายปลดหนี้ให้อย่างนี้น่ะเขาเรียกว่าแมงดา”
“อ้าวอีนี่ ปากดีแบบนี้ต้องสั่งสอน” เมษาทำท่าเงื้อมือจะตบหน้าเจนิตาแต่บัวบูชารีบห้ามเอาไว้เพราะไม่อยากมีเรื่องขึ้นโรงพัก เธอรู้จักเจนิตาดีว่าหญิงสาวตรงหน้าเป็นคนไม่ยอมคนแล้วตอนนี้เธอไม่มีกะจิตกะใจจะมีเรื่องกับใครเพราะกำลังคิดถึงสิ่งที่เจนิตาบอก เมษาสะบัดตัวหลุดจากบัวบูชาและคว้าแขนเจนิตาบีบเอาไว้แน่น
“ปล่อยฉันนะไอ้แมงดา”
“พูดแบบนี้อยากลองมีผัวเป็นแมงดาดูสักทีไหมล่ะ”
“พี่เมษ” บัวบูชาได้ยินดังนั้นก็ออกอาการหึงหวงทันที
“ปล่อยมันเดี๋ยวนี้นะ อย่าไปแตะต้องตัวมัน” เมษาปล่อยเจนิตาโดยการผลักอย่างแรงจนร่างบางล้มลงศอกกระแทกพื้นเลือดไหลซิบ
“นอกจากเป็นแมงดาแล้วยังหน้าตัวเมียทำร้ายผู้หญิงอีก” เจนิตาต่อว่าอย่างไม่เกรงกลัว
“อ้าวอีนี่ ปากดีแบบนี้ขอสักทีเถอะ” เมษาทำท่าเงื้อมือจะตบอีกรอบแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงห้าวตวาดดังลั่น
“หยุดนะ” เมษาชะงักและหันไปทางต้นเสียง
“แกเป็นใคร มายุ่งอะไรด้วย”
“ผมเป็นใครมันไม่สำคัญหรอก แต่สิ่งที่คุณทำมันไม่ถูกต้องลูกผู้ชายเขาไม่รังแกผู้หญิงหรอกนะ”
“คุณเต้ คุณมาได้ยังไง” เจนิตาถามอย่างแปลกใจ
“อ้อ นี่แกพาผัวมารุมฉันเหรอนังเจน”
“ถ้าพูดออกมาแล้วไม่สร้างสรรค์ก็เงียบไปเถอะพี่บัว”
“เอ๊ะ นังเจนแกกล้าพูดแบบนี้กับฉันเหรอ”
“มากกว่านี้ก็กล้าเพราะความนับถือที่มีให้พี่มันหมดไปแล้วกับสิ่งที่พี่ทำ อย่าลืมนะรีบเอาของที่พี่ขโมยมาไปคืนแม่ใหญ่เสียดีๆไม่อย่างนั้นคนที่จะเสียใจคือพี่บัวนั่นแหละ”เจนิตากล่าวทิ้งท้ายก่อนจะพยายามลุกขึ้นจากพื้นอย่างทุลักทุเล ตติยะจึงปราดเข้าไปประคอง
“พี่เมษเราเข้าบ้านกันเถอะ ปล่อยให้นังเจนมันพล่ามของมันไปคนเดียว” บัวบูชารีบดึงแขนแฟนหนุ่มเข้าบ้านเพราะกลัวเจนิตาจะแฉความลับของเธอให้บุคคลที่สามได้รับรู้
“เป็นอะไรมากหรือเปล่าคุณ” ตติยะถามอย่างเป็นห่วง เพราะเขาเห็นว่าผู้ชายคนนั้นผลักเจนิตาอย่างแรงจนล้มลงกับพื้น
“ไม่เป็นอะไรหรอกคุณ แค่นี้ไกลหัวใจยังไงก็ขอบคุณนะที่มาช่วย ว่าแต่คุณมาที่นี่ได้ยังไงเนี่ย”
“เอ่อ...ผม...ผมพอดีผ่านมาแถวนี้น่ะ แล้วเห็นว่าคุณกำลังบู๊อีกแล้วก็เลยต้องเข้ามาช่วย” ตติยะผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกที่สามารถหาข้อแก้ตัวได้ ขืนบอกว่าเขาขับรถตามเธอมาเจนิตาจะได้ว่าเขาเป็นพวกโรคจิตกันพอดี
“ผมว่าคุณไปให้หมอดูแผลหน่อยดีกว่า ดูสิเลือดออกด้วย”
“ไม่ต้องหรอกคุณ แผลแค่นี้เดี๋ยวฉันกลับไปทำที่ห้องก็ได้”
“แน่ใจนะคุณ” ตติยะถามย้ำอีกครั้ง
“นี่คุณตติยะ แผลแค่นี้ถ้าทำใจเสาะก็ไม่ใช่เจนิตาแล้วล่ะ”
“โทษทีผมลืมไปว่ากำลังคุยกับใครอยู่ คุณไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วว่าแต่คุณมาทำอะไรที่นี่เหรอ แถมยังมามีเรื่องกับสองผัวเมียนั่นอีก” ตติยะถามอย่างสงสัย
“ลูกสาวแม่ใหญ่น่ะช่างมันเถอะ ฉันขอตัวกลับก่อนนะ” เจนิตาเดินกลับไปขึ้นมอเตอร์ไซค์คันโปรดและขับออกไปทันที
หลังจากเดินเข้ามาในบ้านบัวบูชาก็บอกแฟนหนุ่มถึงสาเหตุที่เจนิตามาที่นี่ หลังจากได้ฟังเมษาถึงกับตาลุกวาวกับมูลค่าของที่ดินบ้านเติมรัก
“จริงเหรอบัว บ้านเติมรักมีมูลค่าสูงเป็นร้อยล้านเลยเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิพี่เมษ นังเจนมันบอกบัวตะกี้แล้วนี่เราจะทำยังไงกันดี ไอ้เสี่ยนั่นมันกะจะฮุบบ้านเติมรักของบัวตั้งแต่แรกแน่ๆถึงได้ให้เราเซ็นสัญญาบ้าๆนั่น เราไม่น่าหลงกลมันเลย”
“แล้วเหลือเวลาอีกเท่าไหร่”
“นังเจนมันบอกว่าเสี่ยซ้งให้เวลาอีกหนึ่งเดือนให้เราเอาเงินไปไถ่โฉนดคืนไม่อย่างนั้นมันจะยึดที่ตรงนั้น”
“บ้าจริง” เมษาสบถด้วยความหัวเสีย เวลาแค่หนึ่งเดือนเขาจะไปหาเงินจำนวนนั้นมาจากไหนได้ ลำพังเงินที่ได้จากเสี่ยซ้งคราวก่อนเขาและบัวบูชาก็ช่วยกันถลุงจนเหลือไม่เท่าไหร่
“เราจะทำยังไงกันดีพี่เมษ บัวไม่อยากเสียบ้านเติมรักไปนะเงินเป็นร้อยล้านนี่ได้มาแค่สิบล้านขาดทุนย่อยยับบัวยอมไม่ได้เด็ดขาด”
“แล้วเงินมากมายขนาดนั้นเราจะไปหามาจากที่ไหนล่ะบัว ที่ได้มาคราวที่แล้วก็เหลือไม่เท่าไหร่”
“โอ๊ย ปวดหัวทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยนะ เป็นเพราะแม่คนเดียวที่รับเด็กเหลือขอพวกนั้นมาเลี้ยงไม่อย่างนั้นบัวก็มีเงินใช้เหลือเฟือไม่ต้องลำบากอย่างนี้หรอกน่าเบื่อจริงๆ” บัวบูชาโบ้ยความผิดให้ผู้เป็นแม่อย่างมองไม่เห็นการกระทำอันเลวร้ายของตัวเองเลยแม้แต่น้อย