ตอนที่ 1

2837 Words
​ บทที่ 1 เอี๊ยดดด!!! เสียงห้ามล้อของรถสปอร์ตราคาแพงดังลั่นถนนเมื่อเลี้ยวเข้ามาในซอยแล้วพบว่ามีมอเตอร์ไซค์กำลังแล่นมาในรัศมีมุมเลี้ยวพอดี จากแรงปะทะทำให้มอเตอร์ไซค์ล้มลงทันที “บ้าฉิบ” ตติยะสบถและรีบเปิดประตูลงไปดูคนเจ็บ “ขอโทษนะครับ ผมไม่ทันเห็นคุณเป็นอะไรมากหรือเปล่า” ตติยะเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “เจ็บสิถามได้ ขับรถภาษาอะไรเนี่ยฉันขับมาของฉันดีๆคุณก็เลี้ยวมาชน” ทันทีที่ถอดหมวกกันน็อคออกได้เจนิตาก็ต่อว่าทันทีเพราะโมโหที่ถูกชน แต่เมื่อเห็นหน้าคนขับชัดๆความโมโหที่มีอยู่เป็นทุนเดิมก็เพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าทวี “อ้าวคุณ/เฮ้ยคุณ” เจนิตาและตติยะอุทานออกมาพร้อมกันเมื่อเห็นคู่กรณีชัดๆ “คุณขับรถยังไงเนี่ย ซื้อใบขับขี่มาหรือเปล่าไม่เห็นหรือไงว่าฉันมาทางตรง” เจนิตาเปิดฉากต่อว้าด้วยความโมโหเพราะเขาทำให้ไอ้เจ๋งมอเตอร์ไซค์คู่ชีพของเธอเป็นรอย “ผมก็ขอโทษแล้วไง คุณจะเอายังไงอีก” ตติยะเมื่อถูกต่อว่าก็เริ่มมีอารมณ์ขึ้นมาเหมือนกัน ก่อนที่ทั้งสองจะปะทะคารมกันไปมากกว่านั้น ประตูข้างคนขับของรถสปอร์ตราคาแพงก็เปิดออกพร้อมกับร่างอวบอิ่มในชุดเสื้อผ้าน้อยชิ้นก้าวลงมายืนเคียงข้างตติยะพร้อมสอดมือเรียวกอดแขนเขาเอาไว้ “มีปัญหาอะไรเหรอคะเต้ ยัยเด็กแว๊นนี่ต้องการเรียกค่าเสียหายเหรอคะ วางแผนขับรถตัดหน้าเพื่อที่จะขู่เอาเงินหรือเปล่าก็ไม่รู้” หญิงสาวคู่ควงคนล่าสุดเอ่ยถามชายหนุ่มพร้อมปรายหางตามองเธออย่างดูถูก “นี่ยายนมโตพูดให้ดีๆนะ ฉันไม่เคยใช้วิธีสกปรกแบบนั้นถ้าคิดจะพูดจาไม่สร้างสรรค์ก็หุบปากไปเลยดีกว่าถ้าไม่อยากปากแตก” “ว้าย หยาบคายเต้ดูสิคะนังทอมนี่มันว่าริต้า” เจ้าของร่างอวบอัดหันไปฟ้องตติยะ “ริต้า คุณเข้าไปรอผมในรถดีกว่าเดี๋ยวตรงนี้ผมจัดการเอง” “แต่ว่า” หญิงสาวทำท่าจะปฏิเสธแต่เมื่อถูกตติยะมองด้วยสายตาดุๆจึงสะบัดก้นเข้าไปนั่งในรถอย่างกระแทกกระทั้น “คุณจะเอายังไงก็ว่ามา” “ก็ไม่เอายังไงหรอก ถือซะว่าเป็นคราวซวยของฉันละกันที่ต้องมาเจอคุณวันนี้” เจนิตายกมอเตอร์ไซค์ที่นอนแอ้งแม้งอยู่กับถนนขึ้นตั้งขาตั้ง ตติยะล้วงกระเป๋าสตางค์และหยิบแบงก์พันหลายใบส่งให้หญิงสาวตรงหน้า “ถือซะว่าเป็นค่าทำขวัญแล้วก็ค่าซ่อมรถแล้วกันนะ” เจนิตาปรายตามองแบงก์พันปึกใหญ่ในมือตติยะก่อนจะเอ่ยปฏิเสธ “เก็บเงินของคุณไว้เถอะ ฉันไม่ใช่พวกชอบกรรโชกทรัพย์รถฉันฉันซ่อมเองได้” เจนิตากล่าวปฏิเสธพร้อมกับขับมอเตอร์ไซค์คันเก่งจากไปทันที ตติยะมองตามพลางส่ายหน้าเขาไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นเพื่อนสนิทกับลดาวดีภรรยาของเพื่อนสนิทเขา ลดาวดีอ่อนหวานน่ารักเป็นกุลสตรีแต่เจนิตากลับมีนิสัยก้าวร้าวไม่เป็นมิตรและมองโลกในแง่ร้าย เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงยังโสดสนิทอยู่บนคานทองในขณะที่ลดาวดีผู้เป็นเพื่อนมีลูกสาวอายุสามขวบกว่าแล้ว เมื่อนึกถึงลูกสาวของลดาวดีตติยะก็อมยิ้มน้อยๆเพราะเด็กหญิงช่างอ้อนน่ารักจนเขาหลงเห็นทีจะต้องหาเวลาไปเยี่ยมซะแล้ว ตติยะกลับขึ้นรถแล้วสปอร์ตคันหรูก็แล่นจากไปสู่จุดหมายปลายทางนั่นคือคอนโดส่วนตัวของเขานั่นเอง “พี่เจนมาแล้ว” เสียงเด็กผู้หญิงเอ่ยบอกเพื่อนๆเมื่อเห็นเจนิตาขับมอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดภายในบ้านเติมรัก หญิงสาวหยิบถุงขนมที่เธอซื้อมาแจกเด็กๆจนครบ เมื่อได้ของกินสมใจเหล่าเด็กๆที่รุมล้อมก็พากันไปวิ่งเล่นสนุกสนาน “มาแล้วเหรอเจน ทำไมวันนี้มาซะเย็นเลยล่ะลูก” แม่ใหญ่ หญิงสาววัยสี่สิบปลายๆนางตกพุ่มม่ายเพราะสามีตายเหลือเพียงลูกสาวคนเดียวซึ่งไม่ค่อยจะเอาไหนต่างจากผู้เป็นแม่ลิบลับ แม่ใหญ่มีกิจการเป็นห้องแถวให้เช่าจำนวนสิบห้องและสวนผลไม้ที่ต่างจังหวัดซึ่งปล่อยให้ญาติเป็นผู้ดูแล ด้วยความใจบุญแม่ใหญ่จึงรับเธอและเด็กเร่ร่อนคนอื่นๆมาเลี้ยงดูจากไม่กี่คนตอนนี้ก็เพิ่มจำนวนเป็นเกือบยี่สิบคนและขนานนามบ้านหลังใหญ่แสนอบอุ่นนี้ว่า ‘บ้านเติมรัก’ เด็กที่แม่ใหญ่รับมาเลี้ยงเป็นทั้งเด็กเร่ร่อนที่แม่ใหญ่บังเอิญพบเจอ และเด็กที่ผู้เป็นพ่อแม่นำมาฝากเลี้ยงแล้วหายเข้ากลีบเมฆไม่มาให้เห็นหน้าอีกเลย ซึ่งเธอเองก็มีชะตากรรมไม่ต่างจากเด็กเหล่านั้นเธอถูกนำมาทิ้งไว้ที่หน้าบ้านเติมรักตั้งแต่ยังเป็นทารกทำให้เธอไม่รู้เลยว่าพ่อแม่ของตัวเองเป็นใคร มีเพียงแม่ใหญ่คนเดียวเท่านั้นที่เลี้ยงดูเธอมาจนเติบโตด้วยเหตุนี้เธอจึงรักและเคารพแม่ใหญ่มาก และไม่เคยทอดทิ้งบ้านแห่งนี้ไปไหนแม้ว่าจะเรียนจบและมีงานทำจนออกไปเช่าอพาร์ทเม้นท์อยู่ข้างนอกแล้วก็ตาม แต่เธอจะหาโอกาสแวะมาเยี่ยมเยียนแม่ใหญ่และน้องๆเสมอ และอีกคนที่เธอจะลืมไม่ได้ก็คือป้านิดแม่ครัวประจำบ้านเติมรักที่เป็นคนทำอาหารอร่อยๆให้เธอและน้องๆได้กินทุกวัน “พอดีมีอุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะแม่ใหญ่ เลยทำให้มาช้า” เจนิตาบอกกับผู้มีพระคุณ “ตายจริง เป็นอะไรมากหรือเปล่าลูก” แม่ใหญ่ถามด้วยความเป็นห่วง “เจนไม่เป็นอะไรหรอกค่ะแค่เฉี่ยวๆ พอดีว่าเจนและคนที่ชนไม่ได้ขับเร็วน่ะค่ะแต่ไอ้เจ๋งของเจนเป็นรอยนิดหน่อย” เจนิตาบอกอย่างไม่สบอารมณ์ที่รถมอเตอร์ไซค์ของรักของหวงที่เธอหามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงต้องมามีตำหนิเพราะคนที่เธอไม่ชอบหน้า “เฮ้อ...โล่งอก ของนอกกายช่างมันเถอะลูกมันพังก็ซ่อมได้ แต่คนนี่สิถ้าเป็นอะไรไปไม่คุ้มกันเลยแม่บอกหลายหนแล้วว่าให้เปลี่ยนเป็นรถยนต์ปลอดภัยกว่ากันเยอะแต่เจนก็ไม่ยอมเปลี่ยนสักที” แม่ใหญ่บ่นอย่างเป็นห่วง แต่เจนิตาซึ่งยังไม่ต้องการนำเงินเก็บก้อนใหญ่ที่เธอมีมาซื้อรถยนต์ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เธอต้องการเก็บเงินให้มากกว่านี้สักหน่อยแล้วจะถอยรถยนต์มาใช้อย่างที่แม่ใหญ่ต้องการ “โถ่ แม่ใหญ่คะก็ไอ้เจ๋งมันพาเจนซิกแซกไปได้ตามใจต้องการนี่คะ แต่ถ้าใช้รถยนต์เจนก็ต้องติดแหง็กอยู่บนถนนเป็นชั่วโมงๆเซ็งตายชัก” แม่ใหญ่ส่ายหน้ากับความดื้อของเจนิตา หญิงสาวที่เธอรักประดุจลูกในไส้เพราะเลี้ยงมาแต่แบเบาะ “ตามใจ แม่เบื่อจะพูดกับคนหัวดื้อ แล้ววันนี้จะอยู่กินข้าวกับน้องๆด้วยหรือเปล่า” “วันนี้คงไม่หรอกค่ะแม่ใหญ่ เจนจะแวะไปเยี่ยมหนูลียาสักหน่อยไม่เจอหลายวันชักจะคิดถึงซะแล้ว” “ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจ ขอบใจมากนะลูกสำหรับขนมที่ซื้อมาให้น้องๆ” “เล็กน้อยค่ะแม่ใหญ่ เทียบไม่ได้เลยกับที่แม่ใหญ่ให้กับเจนและพวกเรา” “พูดอะไรอย่างนั้นลูก แม่ไม่เคยคิดว่ามากหรือน้อยแม่รักทุกคนเหมือนลูกแท้ๆของแม่เอง” แม่ใหญ่บอกกับเจนิตา หลังจากสามีตายนางรู้สึกเหงาจึงเกิดความคิดจะหาคนมาอยู่เป็นเพื่อน เพราะลูกสาวเพียงคนเดียวนั้นมีก็เหมือนไม่มีเริ่มจากรับเด็กมาอุปการะจากหนึ่งคนก็เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆเพราะความสงสาร จนตอนนี้นางมีเด็กอยู่ในอุปการะถึงยี่สิบคนโชคดีที่นางมีตึกแถวย่านใจกลางเมืองให้เช่า และมีสวนผลไม้อยู่ต่างจังหวัดจึงทำให้มีรายได้พอมาเป็นค่าใช้จ่ายในบ้านเติมรัก นอกจากนี้ยังมีผู้ใจบุญช่วยบริจาคอีกทางนางจึงสามารถดูแลเด็กๆมาได้จนถึงวันนี้ซึ่งตอนนี้บ้านเติมรักได้ปิดรับเด็กๆมาสักพักแล้วเนื่องจากอายุของนางที่มากขึ้นบวกกับไม่มีคนสานต่อ เมื่อถึงเวลาที่นางแก่ตัวลงเด็กๆที่อยู่ในบ้านตอนนี้ก็โตเป็นผู้ใหญ่พอดีนางจึงจะวางมือได้อย่างหมดห่วง “เจนก็รักแม่ใหญ่ที่สุดค่ะ” เจนิตาบอกพลางเดินเข้ามากอดแม่ใหญ่ไว้อย่างแสนรัก “โตขนาดนี้แล้วยังจะมาอ้อนแม่อยู่อีกเรานี่” แม่ใหญ่ว่าแก้เขิน “เจนไปก่อนนะคะแม่ใหญ่ แล้วเจนจะแวะมาเยี่ยมใหม่ค่ะ” “ขับรถดีๆนะเจนอย่าซิ่งให้มันมากนัก” “รับทราบค่า” เจนิตาขับมอเตอร์ไซค์คันเก่งแล่นออกจากบ้านไปโดยมีสายตาแห่งความห่วงใยของแม่ใหญ่มองตามไปจนลับตา เจนิตาคืออีกหนึ่งความรักความภูมิใจของนาง เด็กกำพร้าที่ถูกนำมาทิ้งไว้หน้าบ้านตั้งแต่ยังแบเบาะนางเฝ้าฟูมฟักจนเด็กน้อยเติบโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวเรียนจบและมีงานทำเลี้ยงดูตัวเองได้ แค่นี้นางก็ดีใจเหลือเกินที่สามารถทำให้ชีวิตเด็กคนหนึ่งเติบโตขึ้นมาได้อย่างที่ควรจะเป็น ต่อจากนี้นางก็ได้แต่รอวันที่ลูกสาวของนางคนนี้จะได้มีชีวิตครอบครัวที่อบอุ่นและได้ทำหน้าที่มารดาเหมือนที่นางเป็นได้อย่างดีมาตลอด นางเชื่อว่าเจนิตาจะสามารถทำหน้าที่มารดาได้ดีไม่แพ้นางเลยทีเดียว คิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจเพราะยังไม่มีวี่แววว่าวันนั้นจะมาถึง “น้าเจนมาแล้ว น้าเจนมาแล้วเย้ๆๆ” ลดาวดีมองลูกสาวที่กระโดดโลดเต้นอย่างดีใจเมื่อเห็นคุณน้าคนโปรดขับมอเตอร์ไซค์คันเก่งเข้ามาจอดภายในคฤหาสน์อัครโยธิน เพราะหนูน้อยชอบนักหนาที่จะได้ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์น้าเจนขับวนเล่นภายในคฤหาสน์อันกว้างใหญ่แห่งนี้ หลังจากเธอไปรับหนูน้อยมาจากเนิสเซอร์รี่เมื่อตอนเที่ยงและเจ้าตัวยุ่งรู้ว่าน้าเจนจะมาหาก็ออกอาการดีใจจนออกนอกหน้าและเฝ้าชะเง้อชะแง้ไปทางประตูคฤหาสน์ตลอดเวลา “ลียาอย่าวิ่งลูกเดี๋ยวล้ม” ลดาวดีตะโกนบอกลูกสาวที่วิ่งจี๋ออกจากบ้านไปหาเจนิตา “สวัสดีค่ะน้าเจน ลียารอน้าเจนน๊านนาน” หนูน้อยแอบบ่นเล็กน้อย “สวัสดีค่ะหลานสาวคนสวยของน้าเจน ขอโทษนะคะที่ทำให้รอพอดีน้าเจนแวะไปหาพี่ๆที่บ้านเติมรักมาค่ะ” “เหรอคะ ลียาอยากไปอีกจังคิดถึงพี่ๆทุกคนเลยเดี๋ยวลียาขอให้คุณพ่อพาไปอีกดีกว่า” เด็กน้อยบ่นคิดถึงพี่ๆที่บ้านเติมรักเพราะพ่อและแม่เคยพาไปเลี้ยงอาหารและบริจาคสิ่งของให้บ้านเติมรักอยู่หลายครั้งจนหนูน้อยคุ้นเคยกับเด็กๆที่บ้านนั้นเป็นอย่างดี “ได้เลยจ้า แม่ใหญ่และพี่ๆที่นั่นเขาก็บ่นคิดถึงหนูลียาจอมป่วนเหมือนกันน้า” เจนิตาจับศีรษะหลานสาวโยกไปมาอย่างหมั่นเขี้ยว “น้าเจน ลียาอยากขี่พี่เจ๋ง” เด็กน้อยรีบบอกความต้องการของเธอทันทีเพราะตอนนี้ผู้เป็นพ่อยังไม่กลับจากที่ทำงานขืนชักช้าคุณพ่อกลับมาก็อดเท่านั้นเอง เพราะธีรภัทรนั้นไม่ชอบให้หนูลียาซ้อนมอเตอร์ไซค์เท่าไหร่นักเพราะกังวลเรื่องความปลอดภัยนั่นเอง แต่เมื่อขัดความต้องการของลูกสาวไม่ไหวจึงยอมให้ซ้อนและอยู่ภายในบริเวณบ้านเท่านั้น ลดาวดีส่ายหน้ากับความซนของเจ้าตัวเล็ก “แหม รีบอ้อนน้าเจนเชียวนะลียา” “ก็ลียาอยากขี่พี่เจ๋งนี่คะคุณแม่ เดี๋ยวคุณพ่อกลับจากที่ทำงานก็ไม่ให้ลียาขี่อีก” “โอเคจ้ะ แต่ขี่ได้แปปเดียวนะเดี๋ยวคุณพ่อก็กลับแล้ว” “โอเคค่ะ” เด็กน้อยรีบตอบตกลงทันที “ลดาเข้าไปรอในบ้านเถอะ เดี๋ยวเจนพาเจ้าตัวยุ่งขับเล่นอยู่แถวนี้แหละ” เจนิตาจับหลานสาวซึ่งอยู่ในชุดเอี๊ยมทะมัดทะแมงขึ้นซ้อนท้ายและสตาร์ทมอเตอร์ไซค์คันเก่งขับวนอยู่บริเวณลานหน้าบ้าน หนูน้อยโบกมือให้มารดาทุกครั้งที่คุณน้าคนโปรดพาขับผ่านสนามหญ้าที่มารดานั่งมองอยู่เสียงหัวเราะร่าด้วยความชอบใจของเจ้าตัวเล็กดังลั่น “เอาอีก เอาอีก น้าเจน สนุกจังเลย” หนูน้อยส่งเสียงเชียร์ เจนิตาจึงจัดให้ตามคำขอของหลานสาวด้วยการแกล้งขับมอเตอร์ไซค์ส่ายไปมา และแล้วความสนุกของหนูน้อยก็หมดลงเมื่อรถยนต์คันใหญ่ของบิดาแล่นมาจอดที่หน้าคฤหาสน์ “น้าเจน คุณพ่อมาแล้วเอาพี่เจ๋งไปจอดเร็ว” หนูน้อยรีบกระซิบบอกเจนิตาเมื่อมอเตอร์ไซค์จอดสนิทเด็กหญิงรีบปีนลงจากรถและวิ่งไปหาผู้เป็นพ่อทันที ธีรภัทรย่อตัวรับลูกสาวตัวน้อยขึ้นอุ้มและหอมแก้มป่องๆอย่างแสนรัก “คุณพ่อมาแล้ว ลียาคิดถึงคุณพ่อจังเลยค่ะ วันนี้ลียาช่วยคุณแม่ทำอาหารไว้รอคุณพ่อด้วยนะคะ” หนูน้อยจบคำพูดด้วยการหอมแก้มสากๆของบิดาและซบศีรษะเล็กๆลงกับซอกคออย่างออดอ้อน ทุกคนต่างอมยิ้มกับการกระทำของหนูน้อยเพราะรู้ดีว่าเจ้าตัวต้องการเบี่ยงเบนความสนใจของผู้เป็นพ่อจากการที่เห็นตัวเองแอบซ้อนท้ายพี่เจ๋งนั่นเอง ธีรภัทรยิ้มอย่างเอ็นดูลูกสาวตัวน้อย เป็นแบบนี้จะให้เขาดุลงได้อย่างไรกัน “สวัสดีค่ะคุณธี” เจนิตาทักทายสามีของเพื่อนสนิท “สวัสดีครับคุณเจน วันนี้อยู่ทานข้าวด้วยกันนะครับเจ้าตัวแสบนี่บ่นถึงคุณบ่อยๆ” “นั่นสิเจน วันนี้อยู่ทานข้าวด้วยกันนะ” ลดาวดีเอ่ยชวนอีกคนเมื่อเห็นเพื่อนลังเลด้วยความเกรงใจ “นะนะ น้าเจนอยู่ทานข้าวกับลียานะคะ” “โอเคค่ะ วันนี้น้าเจนจะอยู่ทานข้าวกับหนูลียา” “เย้” เด็กน้อยร้องดีใจเมื่อผู้เป็นป้าทำตามคำขอ และชูสองแขนให้คุณน้าคนโปรดอุ้ม “เข้าบ้านกันค่ะน้าเจน ลียาหิวแล้ว” เจนิตาจึงอุ้มหลานสาวเดินเข้าไปในคฤหาสน์อัครโยธิน “สงสัยวันนี้เราสองคนจะถูกลืมซะแล้วนะครับลดา” ธีรภัทรเปรยกับภรรยายิ้มๆเมื่อเห็นว่าลูกสาวออกอาการติดเจนิตาแจ “คงจะอย่างนั้นแหละค่ะ วันนี้ก็ชะเง้อชะแง้หน้าประตูตั้งแต่เที่ยง” ลดาวดีบอกกับสามีก่อนจะเดินตามเจนิตาและลูกสาวเข้าไปในห้องรับประทานอาหาร หลังจากมื้อเย็นจบลงพ่อแม่ลูกก็จูงมือกันมาส่งเจนิตาที่หน้าบ้าน “ไว้ว่างๆแวะมาเที่ยวอีกนะครับคุณเจน คุณแม่ท่านบ่นถึงคุณอยู่เหมือนกันน่าเสียดายวันนี้ท่านติดภารกิจเลยไม่ได้เจอกัน” “ถ้ามีเวลาว่างเมื่อไหร่เจนจะแวะมาแน่นอนค่ะ ขอบคุณสำหรับอาหารเย็นนะคะ” เจนิตากล่าวขอบคุณด้วยความซึ้งใจ ครอบครัวของธีรภัทรดีกับเธอมากทุกคนในบ้านหลังนี้รักลดาวดีและเผื่อแผ่ความรักมาถึงเธอซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของลูกสะใภ้ตระกูลอัครโยธินด้วย เธอดีใจแทนเพื่อนจริงๆที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้ เด็กหญิงตัวน้อยโบกมือหยอยๆให้คุณน้าคนโปรดและร้องบอกให้แวะมาหาเธออีกบ่อยๆ เจนิตามองกระจกส่องหลังเห็นภาพสามคนพ่อแม่ลูกจูงมือกันเดินเข้าบ้านจึงได้แต่แอบถามตัวเองว่าจะมีวันที่เธอได้มีครอบครัวอบอุ่นพร้อมหน้าพร้อมตาอย่างนี้บ้างหรือเปล่า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD