เจตนิพัทธ์หายไปในโรงแรมประมาณเกือบสองชั่วโมงเมื่อเขาเดินออกมาจากลิฟต์พนักงานหน้าล็อบบี้คนหนึ่งก็เดินตรงมาที่เขา
“คุณผู้ชายคะพอดีน้องคนนั้นบอกว่าเป็นหลานสาวของคุณเขามาถามหาคุณและนั่งรออยู่ตรงนั้นค่ะ” เธอชี้ไปยังโซฟาที่ตอนนี้มีหญิงสาวคนหนึ่งนั่งหลับพิงกับพนักอยู่
เขาตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าคนที่นอนรอเขาอยู่นั้นคือไอศิกาหลานสาวของศานิตาภรรยาของเขา ชายหนุ่มไม่รู้ว่าเธอมารอเขาทำไมและที่แปลกใจไปมากกว่านั้นคือเธอรู้ได้ยังไงว่าเขามาที่นี่
“เธอบอกไหมครับว่าตามผมมาทำไม” เขาหันไปถามพนักงานเบาๆ เพราะกลัวว่าหญิงสาวจะตื่น
“เธอไม่ได้บอกว่าตามมาทำไมแต่เธอพยายามจะตามไปที่ห้องของคุณ แต่เราไม่ได้บอกว่าคุณเช็กอินห้องไหนเธอก็เลยขอนั่งรออยู่ตรงนั้น”
“ถ้าอย่างนั้นผมจะกลับไปก่อนอีกสักสิบนาทีคุณค่อยปลุกเธอก็แล้วกันนะครับ แล้วถ้าเธอถามอะไรถึงผมก็ไม่ต้องบอกนี่ครับ” เขาส่งธนบัตรใบละห้าร้อยให้กับพนักงานก่อนจะมองหน้าหลานสาวแล้วรีบเดินออกจากโรงแรมไป
เจตนิพัทธ์ไม่รู้ว่าทำไมไอศิกาถึงตามมาที่นี่แต่ถ้าเดาไม่ผิดก็น่าจะเพราะเห็นเขามากับผู้หญิงแน่ๆ
ตั้งแต่หลานสาวคนนี้กลับมาจากอังกฤษเขาก็รู้สึกว่าเธอมักจะมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ เหมือนพยายามจับผิดกันอยู่ตลอดเวลาอย่างครั้งนี้น่าจะตามมาที่นี่เพราะเห็นเขามากับผู้หญิงคนอื่น แต่เขาไม่ได้สนใจเพราะเรื่องนี้ภรรยาของเขาก็รู้อยู่แล้ว
ชายหนุ่มขับรถออกจากโรงแรมและตรงกลับไปที่บ้านจากนั้นก็เปิดประตูให้เข้าไปในห้องนอนของตัวเอง ซึ่งตอนนี้ในห้องมันว่างเปล่าเพราะเขากับศานิตาไม่ได้นอนห้องเดียวกันและมันเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก เขากับเธอไม่ได้มีงานแต่งงานใหญ่โตเพียงแต่มีงานเลี้ยงเล็กๆ ที่เชิญเฉพาะคนสนิทเพื่อให้ผู้ใหญ่ได้รับรู้เท่านั้น
เมื่อจัดการธุระส่วนตัวเสร็จเจตนิพัทธ์ก็เปิดผ้าม่านตรงหน้าต่างห้องนอนดู ก็เห็นว่าตอนนี้มีรถแท็กซี่คันหนึ่งจอดที่หน้าบ้านถ้าเดาไม่ผิดก็น่าจะเป็นรถที่มาส่งหลานสาวของศานิตาแน่ๆ
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวกลับบ้านอย่างปลอดภัยแล้วเขาก็ล้มตัวลงนอน ชายหนุ่มไม่รู้ว่าตนเองจะทำแบบนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน เพราะตอนนี้ภรรยาของตนเองก็ท้องโตขึ้นมากแล้ว มิหนำซ้ำการจะออกจากบ้านแต่ละครั้งก็มีสายตาของไอศิกาที่มองเหมือนจะคอยจับผิดอยู่ตลอด บางทีเขาอาจต้องเลิกออกไปหาความสุขนอกบ้านก่อน ระหว่างนี้อาจจะต้องทำหน้าที่สามีที่ดีเพราะอีกไม่ถึงสี่เดือนภรรยาของเขาก็จะคลอดแล้ว
เช้าวันใหม่เจตนิพัทธ์และภรรยาก็มารับประทานอาหารกับครอบครัวที่บ้านหลังใหญ่เหมือนกับทุกๆ วัน
แม้ว่าเขาและภรรยาจะแยกไปอยู่ที่บ้านอีกหลังหนึ่งในบริเวณรั้วเดียวกันแต่ในทุกเช้าก็จะต้องมารับประทานอาหารร่วมกับคุณอุไรวรรณมารดา คุณอดิศรพี่ชายของศานิตา
และตอนนี้สมาชิกร่วมรับประทานอาหารก็เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคนคือไอศิกาลูกสาวของคุณอดิศรพี่ชายของศานิตาที่กลับมาอยู่กับครอบครัวในช่วงปิดเทอม
เจตนิพัทธ์ไม่ค่อยคุ้นเคยกับเธอเท่าไหร่เพราะเธอไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่ช่วงมัธยมปลายอีกทั้งเขาเองก็เพิ่งเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ได้ไม่กี่เดือน
“หมอนัดไปตรวจครรภ์อีกเมื่อไหร่ละนิต” คุณอุไรวรรณถาม ลูกสาวคนเล็กซึ่งอายุห่างจากพี่ชายคนโตเกือบยี่สิบปีเพราะเป็นลูกหลงที่เธอคลอดตอนอายุมากถึงสามสิบเก้าปี
คุณอุไรวรรณรักลูกสาวคนเล็กมากกว่าใครทั้งหมดจึงสร้างบ้านให้อยู่ในรั้วเดียวกันส่วนบ้านหลังใหญ่นั้นเธออยู่กับลูกชายคนโตเพราะเขาเป็นคนคนสร้างมันขึ้นมาแทนบ้านเดิมเมื่อสิบปีก่อน
“อีกสองวันค่ะแม่ หนูว่าหาหมอเสร็จแล้วจะเลยไปซื้อของใช้เพื่อเตรียมไว้ก่อนค่ะ ถึงเวลาใกล้คลอดจะได้ไม่ฉุกละหุก” ศานิตาท้องได้เกือบหกเดือนแล้วตอนนี้ท้องยังไม่โตมากหญิงสาวจึงอยากเตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนที่จะท้องโตจนเดินลำบาก
“ถ้าเป็นแต่ก่อนคนโบราณเขาก็ถือนะว่าไม่ให้ซื้อของใช้เตรียมไว้ก่อนแต่เดี๋ยวนี้คนสมัยใหม่ก็ไม่ถือเรื่องนี้กันแล้ว”
“แต่ถ้าเราไม่เตรียมไว้ถึงเวลาก็ขึ้นมาก็จะเตรียมไม่ทันนะคะแม่ เสื้อผ้าเด็กอ่อนเราก็ต้องเอามาซักเตรียมไว้ก่อนนะคะแม่”
“ข้อนี้แม่ก็เห็นด้วยนะ แต่อย่าซื้อมาเยอะนะนิตเด็กโตเร็วมาก”
“ค่ะแม่”
“อานิตคะให้หนูไปด้วยได้ไหมคะ หนูอยากไปช่วยเลือกของให้น้อง”
“จะไปให้เกะกะเขาทำไมล่ะไอซ์ พ่อว่าหนูรออยู่ที่บ้านหรือไม่ก็ไปช่วยงานพ่อที่บริษัทดีกว่านะลูก” คุณอดิศรบอกลูกสาวเพราะเขาวางแผนเอาไว้แล้วว่าหลังจากไอศิกาเรียนจบเขาจะให้เธอเข้าไปเรียนรู้งานที่บริษัท
“พ่อคะหนูยังเรียนไม่จบเลยนะคะ ถ้าเข้าไปช่วยงานพ่อที่บริษัทก็จะทำให้งานพ่อยุ่งมากกว่าเดิมหรือเปล่า”
“แต่อีกหน่อยเรียนจบไอซ์ก็ต้องกลับมาทำงานที่บริษัทอยู่แล้วไปเรียนรู้ไว้สักหน่อยก็ดีเหมือนกันนะ ช่วงนี้ที่บริษัทไม่ยุ่งเท่าไหร่ เขาจะได้สอนหนูหลายหลายอย่างไง”
“คุณย่าขาหนูอยากไปกับอานิต”
“อย่าไปบังคับลูกเลย ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมหนูไอซ์ก็มาพักผ่อนนะไม่ได้มาทำงานสักหน่อย ย่าว่าไอซ์ไปช่วยอานิตเขาเลือกเสื้อผ้าก็ดีเหมือนกันนะ เพราะให้พัทธ์ช่วยเลือกคงไม่ได้เรื่องเท่าไหร่เขาเป็นผู้ชายคงไม่ละเอียดเหมือนผู้หญิงหรอก”
“ขอบคุณค่ะคุณย่า คุณย่าน่ารักที่สุดเลย” หญิงสาวมองคุณย่าของตัวเองแล้วยิ้มอย่างประจบ
เหตุผลหนึ่งที่ไอศิกาอยากตามคุณอาของเธอไปซื้อของเพราะอยากจะรู้ด้วยว่าเจตนิพัทธ์นั้นดูแลคุณอาของเธอดีหรือเปล่า
“ให้ไอซ์ไปช่วยอาเลือกก็ดีเหมือนกันนะเพราะหลานในท้องเป็นผู้หญิงไอซ์น่าจะช่วยเลือกได้เยอะทีเดียว”
“แน่นอนค่ะอานิตหนูจะช่วยเต็มที่เลย”
เมื่อทานอาหารเสร็จแล้วทุกคนก็แยกย้ายกันกลับศานิตาเดินกลับบ้านของตนเองโดยมีเจตนิพัทธ์ตามไปส่งเธอที่บ้านก่อนที่เขาจะขับรถออกไปทำงาน
ไอศิกาตามคุณย่ามานั่งในห้องนั่งเล่น ย่าของเธอจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการอ่านหนังสือบางครั้งก็ถักหมวกและเสื้อไหมพรมสำหรับเอาไปบริจาคให้กับเด็กที่อยู่บนดอยในฤดูหนาว
“สนใจอยากจะฝึกกับย่าไหมหนูไอซ์”
“ไม่ล่ะค่ะคุณย่าหนูเป็นคนใจร้อนทำงานแบบนี้ไม่ได้หรอกค่ะ”
“มาอยู่เมืองไทยได้หลายอาทิตย์แล้วยังไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลยใช่ไหม”
“ค่ะไม่มีใครว่างพาหนูไปเที่ยวเลย คุณย่าคะเราไปเที่ยวทะเลกันดีไหมหนูอยากไปเที่ยวทะเล ไปกินอาหารทะเลสดๆ”
“ย่าก็ไม่ได้ไปเที่ยวทะเลนานแล้วเหมือนกันนะเอาไว้อาทิตย์หน้าค่อยไปกันดีไหมจะได้ชวนทุกคนไปด้วยกันเลย”
“ดีเหมือนกันค่ะคุณย่า”
“คุณย่าคะหนูมีเรื่องอะไรจะถามค่ะ”
“จะถามอะไรย่าล่ะ”
“หนูอยากรู้ว่าอานิตกับอาพัทธ์คบกันตอนไหนคะ ทำไมไม่เห็นรู้เรื่องเลย” ปกติไอศิกาจะโทรศัพท์คุยกับคุณย่าอยู่บ่อยๆ แต่คุณย่าของเธอก็ไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ฟังเลย มันทำให้เธอรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก เท่าที่สังเกตดูเหมือนกับเจตนิพัทธ์จะมองคุณอาของเธอด้วยสายตาว่างเปล่าไม่เหมือนกับคนรักกันเลยสักนิด และเมื่อรู้ว่าเขาพาผู้หญิงเข้าโรงแรมมันก็ทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ กับคุณอาเขยและอยากจะรู้เรื่องของเขามากขึ้น