“พี่รามอย่า…” เสียงหวานสั่นเครือ
แต่ผู้เป็นสามีหาได้ฟังประโยคเอ่ยท้วงนั้น มือข้างหนึ่งเปลี่ยนจากเท้าลงที่โต๊ะมาลูบไล้เอวเล็กภายใต้ผ้าเนื้อนุ่มสีขาว เอวของภรรยาเขาเล็กเหลือเกิน ดังนั้นเขาจึงลูบไล้เพียงแผ่วเบา ราวกับได้ปลุกสัญชาตญาณในตอนที่เรียนอยู่ต่างประเทศกลับมาอีกครั้ง
พระรามเป็นชายหนุ่มผู้มีรูปร่างและใบหน้าที่หล่อเหลาน่าหลงใหล เขาเป็นคนมีเสน่ห์ ดังนั้นจึงมีหญิงสาวและชายหนุ่มมากหน้าหลายตาเข้ามาสานสัมพันธ์ด้วย เซ็กส์เป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ เมื่อมีคนเสนอเขาจึงสนองให้อย่างไม่ขัด เพราะไม่เคยรู้สึกรักใคร พระรามจึงไม่เคยมีแฟนมาก่อน มีเพียงแค่เซ็กส์เท่านั้น
แต่เมื่อกลับประเทศ T เพื่อมาแต่งงาน เขาก็เลิกการกระทำเหล่านั้น แม้ในตอนนั้นจะไม่รู้สึกอะไรเลยกับจันทร์เจ้า แต่เขาก็ให้เกียรติภรรยา
เกือบปีแล้วที่เขาห่างหายเรื่องพวกนี้ตั้งแต่แต่งงาน พอมาเริ่มรู้สึกและได้อยู่ใกล้จันทร์เจ้าก็ราวกับความหอมหวานของร่างเล็กภายใต้อาณัติได้ปลุกสัญชาตญาณเหล่านั้นของเขากลับคืนมา
ใบหน้าสวยหวานแดงก่ำเมื่อสามีจุมพิตลงที่หน้าท้องเรียบเนียน จมูกคมดอมดมอยู่ตรงนั้น ก่อนที่มือหนาจะค่อยๆ เลิกเสื้อเขาขึ้นจนเห็นหน้าท้องขาวเรียบเนียนไร้ไขมัน
จะตรงนี้เลยเหรอ!
ในตอนที่ความคิดในหัวกำลังตีกันมั่วจนสับสนไปหมด พระรามก็หยัดกายขึ้น คิ้วหนาของร่างสูงขมวดจนเป็นปม มือหนายกขึ้นเสยผมอย่างข่มอารมณ์
เอ้า! จะไม่ตรงนี้เหรอ?
ร่างสูงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ หลุบตามองคนที่ยังนอนหน้าแดงก่ำ เสื้อผ้าหลุดลุ่ยจากฝีมือของเขา ตอนนี้ความคิดในหัวเหมือนแบ่งเป็นสองฝั่ง อีกฝั่งบอกให้เขาทำตามใจตัวเองดั่งที่ต้องการ ส่วนอีกฝั่งกลับห้ามบอกว่ายังไม่ถึงเวลาที่ควร
เขาถอดเสื้อสูทคลุมกายให้ภรรยาตัวน้อย ดวงตาสวยนั้นทำเขามันเขี้ยวจนอยากก้มลงไปฟัดสักทีสองที ไม่รู้ว่าช่วงนี้เป็นอะไรถึงอยากคลอเคลียจันทร์เจ้าอยู่ตลอดเวลา อาจจะเพราะเขาเริ่มสนใจคนตัวเล็ก หรือไม่ก็กลิ่นหอมๆ ที่ได้รับยามเมื่อเขาอยู่ใกล้…พระรามลูบหน้าลูบตาก่อนเอ่ยเสียงเรียบ
“จะไปคาเฟ่ใช่ไหม”
“...”
“เดี๋ยวพี่พาไป”
“...”
“ขอเวลา10นาที”
ขอ 10 นาทีเพื่อไปสงบสติอารมณ์ในห้องน้ำ ถ้าเมื่อกี้เขาไม่ห้ามตัวเอง ก็ไม่รู้ว่าเหตุการณ์ต่อจากนี้จะเป็นยังไง
แย่แล้วพระราม หัสวอนันต์
คาเฟ่ข้างบริษัทเปลี่ยนเป็นคาเฟ่ในห้างสุดหรูในเครือหัสวอนันต์ (ก็ห้างเดิมที่เคยมากินข้าวกับพี่น่านฟ้าไง) คนตัวเล็กกวาดสายตามองดูเมนูของหวานหลากหลายเมนูที่วางเรียงรายในตู้กระจก แอบแปลกใจเล็กน้อยที่พระรามเลือกขับรถมาที่นี่ แทนที่จะไปคาเฟ่ที่เขาเอ่ยชวน แต่แล้วความสงสัยทั้งหมดก็คลี่คลายลง
“ไอ้รามม” กิดากรเอ่ยเรียกเพื่อนสนิทเสียงดัง
“ทำไมมาไม่บอก”
เพื่อนทุกคนรู้ว่าพระรามไม่ค่อยชอบของหวาน ดังนั้นนานๆ ครั้งถึงจะบังเอิญเห็นพระรามแวะมาที่นี่ แล้ววันนี้มันนึกครึ้มอะไรถึงมา
“สวัสดีครับพี่กร”
กิดากรเอี้ยวตัวมามองจันทร์เจ้าที่ถูกพระรามยืนบังอยู่ ครั้นพอเห็นภรรยาตัวน้อยของเพื่อนส่งยิ้มหวานให้ก็ยิ้มตอบกลับอย่างไม่ลังเล และในจังหวะที่กำลังจะแซวเพื่อนสนิท กิดากรก็ถึงกับขนลุกชันกับสายตาของเพื่อนสนิทที่ตนได้รับ ไอ้สายตาที่เหมือนกับกำลังจะฆ่าเขามันคืออะไรกันวะ
“ใจเย็นพ่ออ มองกูแบบนี้ทำไมเนี่ย”
“...”
พระรามไม่ตอบในสิ่งที่เพื่อนสนิทถาม จะให้เขาตอบออกไปเหรอว่าหึงหวงรอยยิ้มสวยที่จันทร์เจ้ามอบให้กิดากร รอยยิ้มแบบนั้นเขาอยากเก็บไว้มองคนเดียวมากกว่า…
ดวงหน้าสวยของจันทร์เจ้าเอียงคอเล็กน้อยด้วยความสงสัย เมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวของพี่กรที่มีต่อสามีเขา เพราะพระรามหันหลังให้กับตน จึงไม่อาจเห็นว่าผู้เป็นสามีตอนนี้ทำหน้าราวกับยักษ์ใส่เพื่อนสนิท
แต่แล้วบรรยากาศขมุกขมัวก็จบลงเมื่อมีชายหนุ่มร่างบางกับหญิงสาวเดินเข้ามาทักทายพวกเขา
“อ้าวพระราม ทำไมมาไม่บอก”
ชายหนุ่มร่างบางเอ่ยทักสามีเขา คนนี้ใครกันนะ…จันทร์เจ้าคิดในใจ
“พาจันทร์เจ้ามาน่ะ”
ร่างสูงขยับออกเพื่อให้คนที่มาใหม่ได้เห็นร่างเล็กที่ยังทำสีหน้างงงวยอยู่
คนมาใหม่ทั้งคู่ยิ้มด้วยความเอ็นดู เมื่อเห็นว่าจันทร์เจ้าขยับเข้าไปหลบหลังร่างสูงใหญ่ของพระราม แต่ด้วยความอยากรู้ทำให้ใบหน้าหวานโผล่ออกมาดูสถานการณ์ตรงหน้าเพียงเล็กน้อย สงสัยที่ไอ้กรมันบอกว่าภรรยาของพระรามเปลี่ยนไปคงจะเป็นเรื่องจริง สังเกตได้จากท่าทางเหมือนลูกแมวกลัวคนแปลกหน้าที่จันทร์เจ้าได้กระทำอยู่
“ใครเหรอ”
คนตัวเล็กกระตุกเสื้อสูทของร่างสูงที่เขาใช้เป็นเกราะกำบังอยู่ ฝ่ามือเล็กขาวกำเสื้อสูทของผู้เป็นสามีไว้แน่น เขาไม่ค่อยได้ออกมาข้างนอก ยกเว้นออกมาบริษัทหัสวอนันต์ ดังนั้นจึงแอบเกร็งและประหม่าเล็กน้อยเวลามีคนเข้ามาหา ดั่งเช่นตอนนี้ที่ถูกคนสองคนจ้องเขาไม่วางตา
“พี่ชื่อพะแพงจ้ะ เป็นเพื่อนพระราม ส่วนนี่ปัน ก็เป็นเพื่อนพระรามเหมือนกัน”
พะแพงตอบอย่างคล่องแคล่ว เธอเป็นผู้หญิงหนึ่งเดียวในกลุ่ม แน่นอนว่าเธอพอจะได้ยินเรื่องราวของจันทร์เจ้ามาบ้าง แม้ตอนแรกจะไม่เชื่อกับสิ่งที่กิดากรเคยเล่าให้ฟัง แต่ตอนนี้เธอเชื่อสนิทใจแล้วว่าภรรยาของเพื่อนเธอเปลี่ยนไปมากจริงๆ
“สะ…สวัสดีครับ” เสียงหวานเอ่ยออกไปเสียงแผ่วเพราะยังมีความประหม่าอยู่
“แพง แกอย่าไปจ้องน้องแบบนั้นสิ” ชายหนุ่มร่างบางที่ชื่อปันกล่าวเตือนเพื่อนสาว พะแพงยู่ปากเล็กน้อย ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปหาร่างเล็กที่แอบอยู่หลังพระราม
พระรามส่งสายตาดุใส่พะแพงที่พยายามเอื้อมมือมาคว้าแขนเรียวเล็กของจันทร์เจ้า คนที่หลบอยู่ด้านหลังยิ่งเบียดตัวเข้าหาเขามากยิ่งขึ้นจนร่างสูงใหญ่พ่นลมหายใจออกมาเสียงดัง มือหนาหันไปโอบภรรยาตัวน้อยเข้ามาในอ้อมกอด พะแพงเห็นดังนั้นถึงกับชะงักนิ่งไป ก่อนริมฝีปากจะขยับรอยยิ้มขึ้น ไม่ได้มีเพียงแค่เธอที่ยิ้มชอบใจกับภาพตรงหน้า กิดากรรวมถึงปันก็ยิ้มให้กับภาพตรงหน้าเช่นเดียวกัน
ไหนบอกไม่ชอบจันทร์เจ้าไงไอ้รามมม แล้วอะไรคือการดึงน้องเข้าไปกอดจนจมอกแบบนั้น แค่จะจับน้องนิดหน่อย แกยังหวงเพื่อนเลยอะ