“คุณพักห้องนี้ก็แล้วกันนะคะ”
ฟลอเรนซาเปิดประตูห้องจนกว้างพลางพยักเพยิดหน้าให้เอริคก้าวเข้าไปด้านใน นัยน์ตาสีฟ้ามองเข้าไปในห้องแวบหนึ่งแล้วดึงสายตามาที่ฟลอเรนซา
“ห้องของเอเดรียนอยู่ไหน”
“อยู่ติดกับห้องฉัน อยู่ทางด้านโน้น”
ฟลอเรนซาชี้ไปอีกฝั่ง เอริคมองตามก่อนทั้งคู่จะหันมาประสานสายตากัน
“คุณไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้เช้าคุณจะได้เจอเอเดรียน หากคุณอยากให้เอเดรียนยอมรับว่าคุณเป็นพ่อ ก็จัดการด้วยตัวเองก็แล้วกัน และหวังว่าคุณจะทำตามที่พูดกับฉันเอาไว้”
ฟลอเรนซาเน้นย้ำอีกครั้งก่อนหญิงสาวจะหมุนตัวแล้วขยับเท้ามุ่งหน้าไปที่ห้องของตัวเอง โดยมีดวงตาคมกริบของเอริคมองตามแผ่นหลังของหญิงสาวไปจนลับสายตาพลางยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ พอฟลอเรนซาก้าวเข้าไปในห้องแล้ว เอริคจึงก้าวเข้าไปในห้องที่หญิงสาวเปิดประตูเอาไว้ให้
เอริควางกระเป๋าสัมภาระไว้ที่มุมห้อง ร่างสูงจะสาวเท้าไปที่เตียงนอนหลังใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง ยังไม่ทันได้ทิ้งตัวลงนั่งบนฟูกนุ่ม เสียงเรียกเข้าสมาร์ตโฟนก็ดังขึ้น มือหนาล้วงไปกระเป๋ากางเกงยีนส์ มองที่หน้าจออยู่ชั่วครู่ ก่อนจะกดรับสาย
“ว่าไงไอรา”
ปลายสายคือไอรา หลานสาวบุญธรรมของคุณปู่ของเอริค
“คือไอราไม่รู้จะทำยังไงดีค่ะพี่เอริค คุณจีซัสไม่ยอมกลับบ้านมาหลายวันแล้ว คุณปู่หัวเสียใหญ่เลยค่ะ แถมยังดื้อไม่ยอมกินยากินอาหาร ไอราพยายามทุกวิธีแล้วค่ะ เช้านี้คุณปู่ก็เอาแต่อยู่ในห้อง ยังไม่ยอมลุกจากเตียงเลย พี่เอริคช่วยคุยกับคุณปู่ให้หน่อยได้ไหมคะ”
เสียงของไอราบ่งบอกว่าเจ้าตัวกังวลอยู่หลายส่วน พาให้เอริคกังวลใจอยู่ไม่น้อย ใบหน้าหล่อเหลาแสดงสีหน้าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วบอกไอรา
“โอเค งั้นไอราเอาโทรศัพท์ไปให้คุณปู่ เดี๋ยวพี่จะคุยกับคุณปู่ให้เอง”
“ค่ะ”
ไอรารับคำอย่างกระตือรือร้น หญิงสาวรีบขยับเท้าออกจากห้องตัวเองมุ่งหน้าไปที่ห้องของบรูซ ยกมือขึ้นเคาะประตูสองครั้ง ก่อนจะผลักบานประตูไม้สีน้ำตาลเข้มแล้วก้าวเข้าไปด้านใน หยุดเท้าแล้วค่อยๆ ลดตัวลงนั่งคุกเข่าที่ข้างเตียง
“คุณปู่คะ พี่เอริคจะคุยด้วยค่ะ”
บรูซหันมามองไอราแวบหนึ่งแล้วตรึงสายตาอยู่ที่โทรศัพท์เคลื่อนที่ในมือหลานสาวบุญธรรม
“คุยกับพี่เอริคหน่อยนะคะ”
เมื่อเห็นบรูซทำเพียงแค่มองด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่บ่งบอกอารมณ์ ไอราจึงมองคนสูงวัยกว่าอย่างขอความเห็นใจ บรูซหันมามองหญิงสาวอีกครั้ง และสุดท้ายก็คว้าโทรศัพท์จากมือของไอราไปแนบหู
“แกมีอะไรจะคุยกับฉัน” บรูซกรอกเสียงไปตามสาย
“คุณปู่กินอาหารกินยาหน่อยนะครับ เดี๋ยวจีซัสก็กลับมา คุณปู่ก็รู้ มันหายหัวไปแบบนั้นเป็นประจำ ถึงเวลาเดี๋ยวก็กลับมาเอง”
เอริคพยายามอธิบายให้ปลายสายเข้าใจ จีซัสเป็นน้องชายต่างมารดาของเอริคที่อายุห่างกันเกือบห้าปี เพราะถูกตามใจจากคนเป็นมารดาจึงทำให้จีซัสค่อนข้างเอาแต่ใจตัวเอง แต่ถึงกระนั้นจีซัสก็ค่อนข้างให้ความเคารพและเกรงใจ เอริคอยู่มาก ทั้งคู่จึงไม่เคยมีปัญหากัน ยิ่งช่วงหลังจีซัสไม่ค่อยอยากกลับบ้าน และเอริคก็ทราบถึงเหตุผลของน้องชายดี
“แกช่วยโทร.บอกให้มันกลับมาดูใจปู่หน่อย มันหายหัวไปเป็นอาทิตย์ไม่คิดจะกลับมาดูปู่หน่อยหรือไงกัน”
เอริคลอบพ่นลมหายใจออกมาพรืดใหญ่ที่บรูซพูดจาประชดประชันออกมาแบบนั้น และเขาก็ทราบดีว่าอาการของบรูซไม่ได้ถึงขั้นที่จะต้องให้จีซัสกลับมาดูใจ แต่เป็นอาการของคนสูงวัยเรียกร้องความสนใจต่างหาก
“โอเคครับปู่ เดี๋ยวผมจะลองติดต่อมันให้”
“ดีมาก” บรูซยิ้มออกมาได้ “แล้วแกล่ะ จะกลับเมื่อไร งานแต่งงานเจ้าคลินต์นี่นานเป็นอาทิตย์เลยหรือ ตกลงแกไปเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวหรือไปเป็นเจ้าบ่าวเสียเอง”
เป็นอีกครั้งที่เอริคพ่นลมหายใจพรืดใหญ่ออกมา บรูซเล่นงานจีซัสไม่ได้ก็เลยเปลี่ยนทิศทางมาที่เขาแทน แต่ถึงแม้จะคิดแบบนั้น ทว่าบนใบหน้าหล่อเหลากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เมื่อคิดถึงสิ่งที่ดีกว่าการได้เป็นเจ้าบ่าว นั่นก็คือการได้เป็นพ่อคน แถมลูกชายยังหล่อเหมือนเขาไม่มีผิดเพี้ยน
พอคิดได้แบบนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลาก็ยิ่งกว้างมากยิ่งขึ้น
“ผมไม่ได้เป็นเจ้าบ่าวเสียหน่อยครับคุณปู่ แค่เพื่อนเจ้าบ่าวครับ”
บรูซขยับคิ้วเข้าหากันเพราะหลานชายคนโตดูเสียงสดใสอย่างที่เขาไม่เคยได้ยิน เป็นเวลาห้าปีแล้วที่เอริคกลายเป็นคนนิ่งขรึมไร้รอยยิ้มตั้งแต่ฟลอเรนซาจากไป และไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม หากเขายังมีลมหายใจอยู่ เขาจะไม่ยอมให้ฟลอเรนซาได้เข้ามาในชีวิตของเอริคเป็นอันขาด
ไม่มีทาง
“แค่เพื่อนเจ้าบ่าว แล้วทำไมแกถึงไม่ยอมกลับมาซะที”
“ผมมีเรื่องที่ต้องจัดการครับคุณปู่”
“เรื่องอะไร” พอเอริคบอกมาแบบนั้น บรูซจึงถามเสียงเครียด
“ผมกำลังจะพาหลานชายไปหาคุณปู่ครับ ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าผมกำลังจะพาเหลนไปหาคุณปู่ครับ”
จากที่อยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน บรูซขยับตัวลุกขึ้นมานั่งห้อยขาทแล้วลงมายืนที่ข้างเตียง ทำเอาไอรามองท่าทางที่เปลี่ยนไปของบรูซอย่างแปลกใจ แต่หญิงสาวทำได้เพียงแค่มอง ไม่กล้าปริปากถาม เพราะทราบถึงสถานะของตนดี
“กะ แกหมายความว่าไง”
“ผมมีลูกกับฟลอนซ์ ลูกชายของผมอายุสี่ขวบแล้ว เหลนของปู่ชื่อเอเดรียนครับ”
ดวงตาของบรูซเบิกกว้าง มือที่มีร่องรอยของเหี่ยวย่นค่อยๆ ปล่อยโทรศัพท์ร่วงหล่นสู่พื้นโดยที่ไอราคว้าเอาไว้ไม่ทัน หญิงสาวเองก็ตาเบิกกว้างเพราะไม่ทราบว่าเอริคกับบรูซคุยเรื่องอะไรกัน บรูซจึงอยู่ในท่าทางคล้ายกำลังช็อกแบบนั้น หญิงสาวรีบขยับเท้าเข้าไปหาบรูซ แล้วช่วยประคองก่อนที่ร่างของอีกฝ่ายจะร่วงไปกองอยู่ที่พื้นไม่ต่างจากโทรศัพท์ของเธอ
“นั่งพักก่อนนะคะคุณปู่”
ไอราบอกตอนที่ช่วยให้บรูซอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะขยับเท้าถอยออกมาเล็กน้อย ทว่ายังคงมองบรูซที่อยู่ในท่าทางคล้ายเหม่อลอย
‘พี่เอริคคุยอะไรกับคุณปู่นะ คุณปู่ถึงได้มีท่าทางแปลกๆ แบบนั้น’
คิ้วของไอราขยับเข้าหากันจนเกือบชิด หญิงสาวไม่ทราบว่าควรจะจัดการสถานการณ์ตรงหน้าเช่นไรดี เพราะตอนนี้จีซัสก็ยังไม่กลับมา
เธอควรทำอย่างไรดี
ไอราได้แต่แสดงสีหน้าครุ่นคิด ดวงตาของหญิงสาวยังคงมองไปที่บรูซที่กำลังนอนนิ่งราวกับหุ่นยนต์ ไอราครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง หญิงสาวกำลังจะขยับเท้าไปเก็บโทรศัพท์มือถือที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้น คิดเอาไว้ว่าหากมันยังคงใช้การได้จะกดโทร.หาเอริคอีกครั้ง ทว่าบรูซเรียกหญิงสาวเอาไว้เสียก่อน